ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2415 ดึงดูดความสนใจ
“โฮกก!” สัตว์ร้ายในตำนานทั้งสองร้องคำรามออกมา เสียงของพวกมันทำให้เลือดลมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นมาทันที
เมื่อพวกของมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยมาถึง ก็เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์อยู่ตรงหน้าทั้งสองคนนี้ จากนั้นมุมปากของมู่เฉียนซีก็ยกยิ้มขึ้น นางส่งสัญญาณมือให้คนของนางพลางกล่าวว่ า “มาดูการแสดงดี ๆ กันดีกว่า! ซ่อนกลิ่นอายของตนเองซะ และปล่อยให้พวกเขาสู้ไป!”
สถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งของหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ และมันก็ไม่ได้ผนึกสัตว์ร้ายไว้เพียงตัวเดียว ทว่ามีถึงสองตัวเลยต่างหาก ซึ่งตอนนี้อ๋องไป๋กุ่ยและโยวจีก็เจอปัญหาใหญ่ เข้าให้แล้ว
จื่อโยวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของคนงามนั้นจะถูกต้องแล้ว พวกเราปล่อยให้เจ้าสองคนนั้นต่อสู้ไปก่อน แม้ว่าสัตว์ร้ายจะจัดการได้ยากสักหน่อย แต่ข้ากับเยี่ยก ก็ไม่ต้องใช้พลังมากเท่าไรนัก”
ตูมมม โครมมม!
ปีศาจวานรทั้งสองที่เพิ่งจะหนีออกมาจากที่คุมขังได้ ในตอนนี้พวกมันรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก และเห็นได้ชัดว่าอ๋องไป๋กุ่ยและโยวจีได้เจอเข้ากับความโกรธเกรี้ยวของพวกมันเสียแล้ว
พรวด พรวด พรวด!
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บกันไปหมด
ความสามารถของปีศาจวานรทั้งสองตัวนี้เทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับอ๋อง ฉะนั้นหลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นาน นอกจากอ๋องของพวกเขาแล้ว คนของคุกวิญญาณและคุกมืดล้วนถูกฆ่าตายจนหมดสิ้ น
คนของคุกโลหิตตื่นตกใจเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะพระชายามีความเข้าใจในหอคอยนิรันดร์ พวกเขาคงจะพุ่งทะยานเข้าไปอย่างหุนหันพลันแล่น และจุดจบคงจะต้องน่าเวทนาเหมือนคนจากอีกสองคุก กใหญ่เป็นแน่
โยวจีกล่าวว่า “อ๋องไป๋กุ่ย หากเจ้าต้องการหอคอยแห่งความมืดนี้ ข้าจะถอยให้เจ้าเอง ข้าไม่แข่งกับเจ้าแล้ว”
โยวจีพยายามล่าถอยอย่างสุดความสามารถ และต้องการที่จะรั้งท้ายอ๋องไป๋กุ่ย
แต่อ๋องไป๋กุ่ยจะปล่อยให้นางสมความปรารถนาได้อย่างไร มุมปากของเขาคลี่ยิ้มขึ้นมา “โยวจี ในเมื่อพวกเรามาด้วยกันแล้ว ย่อมต้องมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้านไปด้วยกันสิ”
ทั้งสองคนต่างก็ต้องการให้อีกฝ่ายทนทุกข์ และไม่ต้องการร่วมมือกันหนีวิกฤติครั้งนี้อีกด้วย
แม้ว่าร่างของปีศาจวานรทั้งสองตัวนี้จะใหญ่โตมาก แต่กลับสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วปราดเปรียวมากเช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาหลบหนีได้ยากขึ้นไปอีก
พรวดด!
จากนั้นอ๋องไป๋กุ่ยก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมา
หากตอนนี้ต้องการที่จะมีชีวิตรอด พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องปลดปล่อยความสามารถทั้งหมดออกมา
ทั้งโยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ว่าเพราะเหตุใดอ๋องจิ่วเยี่ยจึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาเสียที?
ด้วยความสามารถที่แข็งแกร่งของอ๋องจิ่วเยี่ยนั้น หากเขาจัดการสัตว์ร้ายทั้งสองตัวนี้ได้ สถานการณ์ของพวกเขาคงจะดีกว่านี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
หลังจากที่โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยพยายามอย่างเต็มที่ในที่สุดก็หาทางออกไปได้เสียที แต่ทว่าปีศาจวานรทั้งสองตัวนี้ไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปเลยแม้แต่น้อย
สำหรับผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนนี้ถือได้ว่าเป็นยาชูกำลังชั้นเยี่ยมของพวกมันที่เพิ่งทำลายผนึกจนหนีออกมาได้ และนอกจากนี้พวกมันก็หิวโหยมานานหลายปีแล้วด้วย
“บัดซบเอ้ย! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะยังไล่ตามมาอยู่อีก!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อย่างไรเสียโยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยก็ได้ทำเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง! คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะดึงดูดสัตว์ร้ายทั้งสองตัวนั้นออกไป และเหลือหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์เอา าไว้เช่นนี้”
จิ่วเยี่ยคว้ามู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็ไปยืนอยู่บนหอคอยจำลอง และในเวลานี้มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงหอคอยจำลองที่นางได้รับมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมันก็อยู่ข้างในนี้ด้วยเช่นกัน
ตูมมม!
มีพลังแห่งความมืดต่อสู้อยู่กับหอคอยจำลองนี้ และทันใดนั้นก็มีพลังแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความมืดที่คุ้นเคย โยวจีก็ขบฟันพลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องจิ่วเยี่ยจะไร้ยางอายเช่นนี้ ปล่อยให้พวกเราดึงดูดปีศาจวานรทั้งสองตัวนี้ ส่วนเขากลั บใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ไปชิงเอาหอคอยนิรันดร์แทน ไอ้บัดซบเอ้ย!”
ทันทีที่คิดว่าพวกเขาทั้งสองถูกปีศาจวานรทั้งสองตัวนี้ไล่ตามจนเหน็ดเหนื่อยและเต็มไปด้วยบาดแผล แต่อ๋องจิ่วเยี่ยกลับสามารถเอาหอคอยนิรันดร์ไปได้โดยที่ไม่ต้องเสียแรงเลยแม้แต่น้อย มันก็ได้ทำให้แววตาของอ๋องไป๋กุ่ยเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้ร่างเงาสีขาวจึงสว่างวาบขึ้น และร่างของอ๋องไป๋กุ่ยก็หันหลังวกกลับไปทันที
เขาไม่ยอมให้อ๋องจิ่วเยี่ยเอาเปรียบเช่นนี้แน่ ดังนั้นจึงอยากที่จะให้เขาได้รับภัยพิบัตินี้แทน
และความเคลื่อนไหวของทางด้านหอคอยนิรันดร์ ก็ทำให้สัตว์ร้ายทั้งสองตัวนี้โมโหขึ้นมาเช่นกัน
ถึงพวกมันจะหนีออกมาจากภายในหอคอยนั้น แต่พวกมันก็ถือว่าหอคอยจำลองนี้ได้เป็นสิ่งของของพวกมันไปแล้ว
พวกมันคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนฉวยโอกาสในสถานการณ์เช่นนี้แย่งของของมันไป แม้ว่ามันจะไม่ใช่หอคอยนิรันดร์จริง ๆ แต่พวกมันก็ไม่สามารถอภัยให้คนผู้นั้นได้เช่นกัน
อ๋องไป๋กุ่ยไม่จำเป็นต้องชี้แนะพวกมันเลยสักนิด เพราะพวกมันพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุด พร้อมทั้งร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ และต้องการจะบดขยี้คนที่จะขโมยหอคอยจำลองของพวกมัน นอีกด้วย
เมื่อสัตว์ร้ายทั้งสองตัวจากไปแล้ว โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ซึ่งตอนนี้พวกเขาไม่มีความคิดที่อยากจะหนีอีกแล้ว ทั้งยังหันหลังวกกลับไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย ย!
อ๋องจิ่วเยี่ยต้องการที่จะให้พวกเขาต่อสู้กับสัตว์ร้ายทั้งสองจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็ฉวยโอกาสในสถานการณ์เช่นนี้ ฉะนั้นตอนนี้ก็ถึงตาพวกเขาบ้างแล้ว
พลังของจิ่วเยี่ยยังคงทำให้พลังแห่งความมืดของหอคอยจำลองอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีกระจายออกไปทั่วเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ และนางก็ค้นพบว่ามีกลิ่นอายที่น่า าสะพรึงกลัวกำลังใกล้เข้ามา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย พวกมันมาแล้ว”
และจื่อโยวก็กล่าวขึ้นมาว่า “เยี่ย หอคอยจำลองนี้มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ข้าจะไปขวางเจ้าสองตัวนั้นเอง”
ก่อนที่พวกมันจะเข้ามาใกล้ จื่อโยวก็ได้กลายเป็นร่างจริงที่มีขนาดมหึมาและลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนคนของคุกโลหิตเหล่านั้นก็เตรียมที่จะต่อสู้แล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นปีศาจวานรสีขาวและแดงทั้งสองตัวก็ปรากฏตัวขึ้นมา และในตอนที่พวกมันเห็นจื่อโยว แววตาของพวกมันก็แสดงความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
อาศัยเพียงแค่สายเลือด งูยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าพวกมันตัวนี้ก็อยู่เหนือกว่าพวกมันมากแล้ว แต่พวกมันก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าความสามารถของเจ้านี่ไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไรนัก
ก็แค่ทำเป็นวางท่าใหญ่โตเพื่อข่มคนอื่นเท่านั้นแหละ!
“โฮกกก!” เจ้าสัตว์ร้ายทั้งสองตัวนั้นพุ่งทะยานเข้ามาอย่างกะทันหัน
ครืนนนน!
ท่ามกลางแสงสว่างวาบของสายฟ้า พวกมันได้เข้าปะทะกับจื่อโยวอย่างรวดเร็ว และการต่อสู้ที่กึกก้องรุนแรงนี้ก็ทำให้พระราชวังถูกทำลายเสียหายไปทันที
ตูมมมม!
จื่อโยวนั้นเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด และสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านจื่อโยว!”
“ไสหัวไปให้หมด พวกเจ้าอยากตายหรือ?”
สมกับที่เป็นสัตว์ร้ายที่หอคอยนิรันดร์ผนึกเอาไว้โดยไม่สามารถกำจัดได้จริง ๆ ตัวของพวกมันเองถือได้ว่าเป็นตัวตนที่มีอำนาจในอดีตกาล แม้ในตอนนี้พวกมันจะไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ส สมบูรณ์ที่สุด แต่ก็ยากที่จะรับมือได้ ให้ตายเถอะ!
ปีศาจวานรน้ำแข็งและปีศาจวานรเปลวอัคคีจ้องมองไปทางจื่อโยวด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความกระหายจนน้ำลายไหล สำหรับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกมันเลย
การกลืนกินสัตว์ร้ายที่มีสายเลือดแข็งแกร่งเช่นนี้ มีพลังมากกว่าให้พวกมันไปกลืนกินมนุษย์ที่แข็งแกร่งเป็นร้อยคนเสียอีก
และแน่นอนว่าพวกมันต้องการอาหารเช่นนี้อยู่แล้ว
จื่อโยวกล่าวว่า “เจ้าพวกโลภมากทั้งสอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะพยายามกลืนกินพลังของข้า ฝันไปเถอะ!”
ตูมมม โครมมม!
ปีศาจวานรร้องคำราม และพุ่งเข้าโจมตีจื่อโยวพร้อมกันอีกครั้ง
ตอนนี้โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยได้ตามมาถึงแล้ว และสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้งูยักษ์สีม่วงขนาดใหญ่จะต่อสู้กับปีศาจวานรสองตัวนั้นแบบสองต่อหนึ่งเช่นนี้
ส่วนอ๋องจิ่วเยี่ยกลับกำลังปราบหอคอยนิรันดร์ และคิดที่จะพิชิตหอคอยนิรันดร์ให้ได้
คิดไม่ถึงว่าพลังแห่งความมืดของอ๋องจิ่วเยี่ยจะแข็งแกร่งกว่าพลังแห่งความมืดของหอคอยนิรันดร์ นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริง ๆ
มันเป็นไปได้อย่างไร?
หอคอยนิรันดร์ เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่ครอบครองพลังแห่งความมืดที่แข็งแกร่งมากที่สุด แต่พลังแห่งความมืดเช่นนี้กลับพ่ายแพ้ให้กับอ๋องจิ่วเยี่ย นี่อ๋องจิ่วเยี่ยเป็นส สัตว์ประหลาดชนิดไหนกันแน่?
พวกเขาดูถูกพลังของอ๋องจิ่วเยี่ยมากเกินไปแล้ว และตอนที่เห็นว่าเขากำลังจะทำสำเร็จ โยวจีก็รีบร้อนกล่าวว่า “พวกเราสู้พร้อมกันเถอะ ขัดขวางไม่ให้อ๋องจิ่วเยี่ยเอาหอคอยนิรันดร์ไปไ ได้”
อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ! โยวจีเจ้าทั้งงดงามและมีเสน่ห์ ข้าแนะนำว่าให้เจ้าลงมือก่อนเพื่อดึงดูดความสนในของอ๋องจิ่วเยี่ย ข้าจะฉวยโอกาสนั้นลอบโจมตีเขา เจ้าว่าดีห หรือไม่?”
สีหน้าของโยวจีมืดมนลงทันที “อ๋องไป๋กุ่ย เจ้านี่มันช่างดีจริง ๆ ในเวลาเช่นนี้ยังรู้จักที่จะใช้กลอุบายกับข้าอีกนะ”
สำหรับอ๋องจิ่วเยี่ยผู้นี้ นอกจากหญิงสาวที่อยู่ข้างกายคนนั้นแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย ถึงจะเป็นนางก็ไม่ได้เช่นกัน
และการที่อ๋องไป๋กุ่ยให้นางลงมือก่อนนั้น ไม่ใช่เพื่อดึดงดูดความสนใจของอ๋องจิ่วเยี่ย แต่เพื่อส่งนางไปให้อ๋องจิ่วเยี่ยสังหารเสียมากกว่า!