ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2416 ช่างกล้าหาญจริง ๆ
เนื่องจากอ๋องไป๋กุ่ยและโยวจีเจรจากันไม่ลงตัว ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงรอจังหวะที่จะโจมตี
ตอนนี้ทางด้านของจื่อโยวถูกกินแรงอย่างเห็นได้ชัด และในเวลานี้พลังจิตวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ปกคลุมหอคอยจำลองเอาไว้แล้ว
มู่เฉียนซียืนอยู่ต่อหน้าจิ่วเยี่ยพลางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ตรงนี้มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง! ส่วนเจ้าไปช่วยจื่อโยวเถอะ”
ถึงร่างของจื่อโยวมีขนาดใหญ่มาก แต่บาดแผลเหล่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากเช่นกัน นอกจากนี้เลือดยังไหลออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย
“เจ้าทำมามากแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถจัดการเองได้แล้ว!” มู่เฉียนซีกล่าวกับจิ่วเยี่ยด้วยรอยยิ้ม
ร่างเงาสีดำสว่างวาบขึ้นมาทันที หลังจากนั้นจิ่วเยี่ยก็ไปยืนอยู่ข้างหลังของจื่อโยวอย่างกะทันหัน และทันใดนั้นพลังแห่งความมืดอันลึกลับที่คาดเดาไม่ได้ก็พุ่งเข้าจู่โจมสัตว์ร้าย ทั้งสองตัวอย่างรวดเร็ว
“ที่นี่ไม่มีเรื่องที่เจ้าต้องทำแล้ว เจ้าไปปกป้องซีเถอะ!” จิ่วเยี่ยกล่าวกับจื่อโยว
“ได้!” หลังจากนั้นจื่อโยวก็กลายร่างเป็นมนุษย์ และพุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซีทันที
อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “นั่นคือร่างจริงของใต้เท้าจื่อโยวอย่างนั้นหรือ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้”
ถึงความสามารถในร่างมนุษย์ของจื่อโยวอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่หากเป็นร่างจริงแล้วละก็ แม้ระดับอ๋องทั่วไปก็ยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าความแข็งแกร่ง ของคุกโลหิตนี้จะอยู่เหนือจิตนาการของพวกเขาไปมากทีเดียว
มู่เฉียนซีใช้พลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในการต่อสู้กับหอคอยจำลอง และในที่สุดนางก็สามารถเอาหอคอยจำลองขนาดเล็กที่นางเก็บมาได้ก่อนหน้านี้ออกมาจนได้ ซึ่งตอนนี้หอคอยจำลองนั้ นก็กำลังลอยอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีแล้ว
โยวจีกล่าวด้วยความตื่นตกใจว่า “หอคอยขนาดเล็กนั่นคืออะไร? หรือว่าหญิงสาวที่มีระดับไม่ถึงเจ้าครองดินแดนผู้นั้นจะมีความสามารถอะไรบางอย่าง?”
ตอนนี้อ๋องจิ่วเยี่ยได้ยื่นมือออกมาจัดการสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ทั้งสองตัวนั้นแล้ว ส่วนคนที่รับหน้าที่ในการเก็บหอคอยนิรันดร์แทนเขาก็ไม่ใช่ระดับใต้เท้า แต่กลับเป็นหญิงสาวที่มีควา ามสามารถราวกับมดปลวกก็มิปานคนนั้นแทน
เมื่อเทียบกับจิ่วเยี่ยที่ใช้พลังแห่งความมืดในการต่อสู้ มู่เฉียนซีก็ใช้พลังจิตวิญญาณที่หยิ่งผยองต่อสู้กับหอคอยจำลองเช่นกัน
ภายใต้แรงกดดันของพลังทั้งสอง ก็ได้ทำให้พลังของหอคอยแห่งนี้อ่อนแอลงอย่างมาก
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังจะเก็บหอคอยนิรันดร์ได้แล้ว โยวจีก็ไม่อยากที่จะเชื่อเลยจริง ๆ “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“เราจำเป็นต้องขวางผู้หญิงคนนั้นเอาไว้” อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ข้างกายของมู่เฉียนซีในตอนนี้มีเพียงใต้เท้าจื่อโยวที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ฉะนั้นพวกเขาจึงมีความมั่นใจว่าจะสามารถจัดการมู่เฉียนซีได้สำเร็จแน่นอน
เมื่อเห็นว่าคนที่รนหาที่ตายเหล่านั้นกำลังเข้ามา แววตายของจื่อโยวก็ฉายแววเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที “ในที่สุดก็ออกมาเสียที ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะเอาแต่ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ไปตลอดเสียอี ก”
“ใต้เท้าจื่อโยว เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ยังจะกล้ามาสู้กับพวกเราอีกหรือ?” อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา
“อาการบาดเจ็บไม่ได้ถือว่าหนักหนาเลย แค่จัดการพวกเจ้าเท่านี้ก็เหลือเฟือแล้ว” จื่อโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หอคอยจำลองนี้จัดการได้ไม่ง่ายเหมือนก่อนหน้านี้เลย และมู่เฉียนซีก็ยังต้องต่อสู้กับมันไปอีกพักใหญ่
ซึ่งนางมั่นใจว่า สุดท้ายแล้วมันจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
หากว่าแม้แต่หอคอยจำลองเล็ก ๆ ยังไม่สามารถจัดการได้ เช่นนั้นจะไปจัดการกับหอคอยนิรันดร์ในร่างจริง และหลังจากนั้นต้องไปจัดการกิเลนแห่งนรกได้อย่างไร
นับว่าเป็นเรื่องที่กินแรงมากเมื่อจื่อโยวเพียงคนเดียวต้องต่อสู้กับระดับอ๋องถึงสองคน ซึ่งพลังของเขาในตอนนี้ก็ไม่มากพอที่จะกลายร่างเป็นร่างเดิมได้อีกแล้ว นอกจากนี้อาการบาด ดเจ็บยังสาหัสขึ้นอีกด้วย
บนใบหน้าของโยวจีเผยรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้นมา ใต้เท้าจื่อโยวใกล้ที่จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เช่นนั้นมาคอยดูกันว่าใครจะไปปกป้องหญิงสาวคนนั้นได้อีก
นางกล้าที่จะปล่อยให้อ๋องไป๋กุ่ยต่อสู้กับจื่อโยวเพียงลำพัง ส่วนตนเองนั้นก็รีบพุ่งไปจัดการกับมู่เฉียนซี
แน่นอนว่าจื่อโยวต้องรู้ความคิดของผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว และทันใดนั้นร่างสีเขียวเข้มก็สว่างวาบและไปขวางหน้าโยวจีเอาไว้ “เจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้ว เลยกล้าที่จะลงมือกับคนงาม มอย่างนั้นหรือ?”
ปังง!
อ๋องไป๋กุ่ยฉวยโอกาสนี้โจมตีอย่างฉับพลัน และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทะเข้ากับร่างของจื่อโยวอย่างแรง ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าของจื่อโยวดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นทันที
ตูมมม โครมมม!
ส่วนอีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ของจิ่วเยี่ยกับสัตว์ร้ายทั้งสองก็ดุเดือดเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปยังคนที่รอเจ้านายออกคำสั่งอยู่ด้านข้าง และไม่กล้าที่จะทำอะไรหุนหันพลันแล่นพลางกล่าวว่า “พวกเจ้ามัวตะลึงอะไรกันอยู่? มานี่ มาคุ้มกันข้า”
มีคำสั่งของเจ้านายบอกว่า คำสั่งของพระชายาก็คือคำสั่งของเขา
พวกเขาอยากที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่าจะต้องสู้จนตาย พวกเขาก็ไม่ลังเลเลย
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”
มู่เฉียนซีสามารถสั่งคนสนิทของอ๋องจิ่วเยี่ยเหล่านี้ได้ ซึ่งมันก็ทำให้โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยประหลาดใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาเองย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า ภายในใจของอ๋องจิ่วเยี่ยนั้นมู่เฉียนซีมีความสำคัญมากเพียงใด
พวกเขาต้องจับผู้หญิงคนนี้ให้ได้! เช่นนั้นถึงจะสามารถจับจุดอ่อนของอ๋องจิ่วเยี่ยได้!
“ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ตอนนี้อ๋องจิ่วเยี่ยไม่สามารถไปปรากฏตัวในทุกที่ได้ เจ้าคิดที่จะเอาคนเหล่านี้มาขวางทางพวกข้าหรือ ฝันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่าให้พวกเขาเข้ามาใกล้ก็พอแล้ว”
มู่เฉียนซีได้ใช้พลังจิตวิญญาณส่วนหนึ่งไปกับการต่อสู้กับหอคอยจำลอง และจิตวิญญาณอีกส่วนหนึ่ง นางก็ใช้มันในการปรุงยา
หม้อวิญญาณนิรันดร์ได้ถูกมู่เฉียนซีหยิบออกมา เพราะอาการบาดเจ็บของจื่อโยวจำเป็นต้องรักษาอย่างเร่งด่วน และหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็อาจจะทำให้คนของคุกมืดและคุกวิญญ ญาณประสบความสำเร็จก็เป็นได้
“อะไรน่ะ? นี่นางกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
สำหรับการกระทำของมู่เฉียนซี ได้ทำให้โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยไม่กล้าที่จะเชื่อสายตายตนเองเลยจริง ๆ
ในขณะที่นางกำลังต่อสู้อยู่กับหอคอยนิรันดร์ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะปรุงยาไปด้วย นางไม่กลัวว่าพลังจิตวิญญาณของนางจะถูกผลาญไปจนหมด และตนเองต้องทรมานจนตายหรืออย่างไรกัน
การกระทำเช่นนี้ทั้งบ้าบิ่นและกล้าหาญจริง ๆ และถึงพวกเขาจะมีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้แล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่กล้าเสี่ยงเช่นนี้มาก่อนเลย
“พระชายา!” แม้แต่คนที่เป็นลูกน้องของจิ่วเยี่ยเหล่านั้นต่างก็ตกใจมากเช่นกัน
ส่วนจื่อโยวนั้นนิ่งสงบเป็นอย่างมาก เพียงแค่กลั่นยาเท่านั้น มีอะไรที่คนงามทำไม่ได้บ้างล่ะ?
เนื่องจากว่าพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นมีอย่างเพียงพอ ฉะนั้นถึงจะต่อสู้กับหอคอยจำลองไปด้วยและกลั่นยาไปด้วยก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังไม่ต้องกลัวถูกสะท้อนกลับอีกด้วย
มู่เฉียนซีเองก็รู้ว่าพลังวิญญาณของจื่อโยวทนได้อีกไม่นานแล้วเช่นกัน ดังนั้นนางจึงรีบกลั่นยาออกมาอย่างรวดเร็ว และกลิ่นหอมนั้นก็ทำให้คนที่ได้รับบาดเจ็บถึงกับผงะไปทันที สิ งนี้ช่วยทำให้ร่างกายของพวกเขาเปลี่ยนเป็นรู้สึกสบายขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว
“ผู้หญิงคนนี้กลั่นยาอะไรอออกมากันแน่?” โยวจีผงะไปทันที
มันไม่ใช่ยาลูกกลอน แต่เป็นของเหลวบางอย่าง!
หลังจากที่มู่เฉียนซีนำยาน้ำมาบรรจุเรียบร้อยแล้ว นางก็โบกมือไปมา จากนั้นเข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานออกไป และมีเป้าหมายอยู่ที่จื่อโยวนั่นเอง
จื่อโยวเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะตอนนี้คนงามกำลังตั้งใจที่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาอย่างไรล่ะ!
อ๋องไป๋กุ่ยสังเกตได้ถึงความผิดปกติในครั้งนี้ และต้องการที่จะทำลายสิ่งของเหล่านี้ทันที
กลิ่นหอมของยาน้ำนั้นมีความพิเศษเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักปรุงยา แต่ก็รู้ว่ายาน้ำนี้มีพลังในการรักษาที่แข็งแกร่งมากทีเดียว
ไม่ว่าพลังในการรักษานี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่หากทำให้พลังของใต้เท้าจื่อโยวฟื้นตัวขึ้นมาได้ มันก็ไม่เป็นผลดีสำหรับพวกเขาเช่นกัน
ทันทีที่โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยลงมือ เข็มยาเหล่านั้นก็ถูกโจมตีจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ทว่าภายในเข็มยาเหล่านั้นกลับมีเข็มเล็กละเอียดพุ่งออกมาโจมตีพวกเขาอีกด้วย
ฟู่!
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง เข็มยาที่แตกหักนั้นก็ได้พ่นยาออกมา ซึ่งมันก็ได้รบกวนการมองเห็นของพวกเขา และทำให้ร่างกายของพวกเขาเกิดอาการคันขึ้นมาทันที
ยาเหล่านี้ไม่ได้มีพลังในการรักษาตนเองเลยแม้แต่น้อย และมันยังทำให้รู้สึกได้ถึงอันตรายอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ากำลังรักษาคนไข้อยู่ หากยังมาเกะกะอีกละก็ มันจะต้องไม่เป็นผลดีต่อพวกเจ้าแน่”
ฉึก ฉึก ฉึก!
เข็มยาจำนวนหลายเข็มฝังลงไปบนร่างกายของจื่อโยวอย่างราบรื่น
ถึงยาพิษจะไม่สามารถทำอะไรกับคนที่มีความสามารถระดับอ๋องอย่างพวกเขาได้ แต่มันก็สามารถสร้างความรำคาญให้พวกเขาได้บ้างเล็กน้อย และยังสามารถซื้อเวลาให้จื่อโยวได้อีกด้วย
ยานั้นกำลังรักษาอาการบาดเจ็บบนร่างกายของจื่อโยว และแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ก็ทำให้จื่อโยวรู้สึกตื่นเต้นมากอยู่ดี
จื่อโยวได้กลายร่างเป็นร่างเดิมอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมโยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยพลางกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเจ้าทั้งสองซวยแล้ว”
และในตอนที่จื่อโยวกำลังจะโต้กลับ มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ ซึ่งมันก็ได้เปลี่ยนเป็นมีขนาดที่เล็กลง…