ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2418 มันคือสัตว์ร้าย
ในตอนนี้อ๋องไป๋กุ่ยและโยวจีเองก็ตกใจมากเช่นกัน ความสามารถที่แข็งแกร่งของอ๋องจิ่วเยี่ย รวมเข้ากับหอคอยทั้งสองอันนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้สัตว์ร้ายทั้งสองตัวนั้นหวาดกลัวจนต้องการที่จะหลบหนีได้
สัตว์ร้ายทั้งสองตัวนั้นล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แล้ว หากพวกเขาไม่ไปตอนนี้ และรอให้อ๋องจิ่วเยี่ยจัดการกับเจ้าสัตว์ร้ายทั้งสองตัวนั้นเรียบร้อยแล้วละก็ รายต่อไปต้องเป็นพวกเขาอย่างแน่นอน
แม้ว่าจื่อโยวในร่างจริงจะสามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ แต่หากพวกเขาคิดที่จะหลบหนี จื่อโยวเองก็ไม่สามารถขัดขวางได้เช่นกัน
แต่จื่อโยวก็ไม่ได้เห็นเจ้าสองคนนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว เขากล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “พวกเจ้าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้นกัน หรือพวกเจ้าไม่สนใจคุกวิญญาณกับคุกมืดแล้วอย่างนั้นหรือ?”
อ๋องไป๋กุ่ยและโยวจีผงะไปเล็กน้อย คำพูดนี้ของใต้เท้าจื่อโยวมีความหมายว่าอย่างไรกัน?
หรืออ๋องจิ่วเยี่ยต้องการที่จะลงมือกับคุกวิญญาณและคุกมืดอย่างนั้นหรือ? แต่ทว่าอ๋องจิ่วเยี่ยไม่เคยมีความคิดเช่นนี้มาก่อนเลยมิใช่หรือ
แต่การหนีเอาชีวิตรอดนั้นสำคัญกว่า ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามาคิดมากอีกแล้ว
พรวด พรวด พรวด!
ร่างของปีศาจวานรทั้งสองตัวมีรูพรุนอยู่เต็มไปหมด
“โฮกกกกก!”
พวกมันส่งเสียงร้องคำรามออกมา จากนั้นก็มองไปยังชายในชุดดำที่เป็นเหมือนกับเทพปีศาจก็มิปานผู้นั้นด้วยความหวาดกลัวมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมองไปที่หญิงสาวที่สามารถควบคุมหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ได้อย่างง่ายดายคนนั้นอีกด้วย
“พวกข้ายอมถูกหอคอยจำลองผนึกด้วยความเต็มใจ อย่าฆ่าพวกข้าเลย ข้าไม่เอา!” หากถูกหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ผนึกเอาไว้ อย่างน้อยพวกมันก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้
แต่หากถูกชายผู้ที่ทั้งแข็งแกร่งและแปลกประหลาดผู้นี้ฆ่าตายแล้วละก็ เกรงว่าแม้แต่จิตวิญญาณของพวกมันก็คงต้องแหลกสลายไปเป็นแน่ ซึ่งพวกมันย่อมไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ผนึกพวกเจ้าไปจะมีประโยชน์อะไรกัน? มีแต่เสียแรงไปเปล่า ๆ! อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ไม่สามารถทำประโยชน์ให้ข้าได้ หากควบคุมพวกเจ้าข้าก็กลัวว่าจะมีอันตรายเสียมากกว่า”
“เช่นนั้น…นายท่าน เพื่อไม่ให้เจ้าพวกนี้ต้องเสียเปล่า ท่านก็ให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยออมมือสักหน่อย และเหลือจิตวิญญาณของพวกมันเอาไว้ จากนั้นก็เอามาให้ข้ากินเถอะ!” ในเวลานี้ เสี่ยวหงก็ได้เอ่ยปากขึ้น
ครั้งก่อนที่มันกลืนจิตวิญญาณของเอ้อร์คุนเข้าไป ถือว่ามีประโยชน์ต่อมันมากทีเดียว แต่ปีศาจวานรทั้งสองตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า ฉะนั้นหากได้กลืนกินมันละก็ บางทีมันอาจจะสามารถเลื่อนขั้นไปอีกขั้นได้เลยก็เป็นได้
อู๋ตี้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าการกลืนกินสัตว์ร้ายไม่ได้มีประโยนช์อะไรต่อมันเลย นอกจากนี้สัตว์ร้ายยังรสชาติไม่อร่อยอีกด้วย
“มีหมูขี้เกียจบางตัวมักจะล้อเลียนเรื่องกินของข้าอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ตัวเจ้าเองไม่ได้ทำแบบนั้นอยู่หรืออย่างไร”
“ข้าไม่ได้เหมือนแมวโง่บางตัว ที่ไม่ว่าจะเป็นแก่นวิญญาณของอะไรก็กินไปเสียหมด ข้ามีสิ่งที่ข้าไล่ตามอยู่ และหากไม่ใช่สัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง ข้าก็ไม่แม้แต่จะอยากอาหารเลยด้วยซ้ำ”
“นั่นมันไม่เหมือนกันตรงไหน เห็นอยู่ว่าเจ้าเลียนแบบวิธีการฝึกฝนของข้าชัด ๆ ฉะนั้นมันควรที่จะต้องจ่ายค่าเรียนมาได้แล้วมิใช่หรือ”
“เจ้าฝันไปเถอะ!”
สัตว์อสูรที่ไม่ชอบหน้าของอีกฝ่าย เริ่มทะเลาะกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พูดมาตามตรง เสี่ยวหงเจ้าเป็นสัตว์ร้ายอย่างนั้นหรือ?”
เสี่ยวหงผงะไปครู่หนึ่ง พลางกล่าวว่า “นายท่าน ท่านเคยเห็นสัตว์ร้ายที่ประพฤติตนดีขนาดนี้อย่างนั้นหรือขอรับ?”
อู๋ตี้ส่งเสียงฮึดฮัด พลางกล่าวว่า “มันเป็นอย่างนั้นแหละ!”
“เจ้าแมวโง่ หุบปากไปเลยนะ!” และเสี่ยวหงก็เหยียบไปที่หางของอู๋ตี้โดยตรง
“เจ้าแมวโง่นี่ต้องการจะยุให้รำ ตำให้รั่วแน่นอนเลย” เสี่ยวหงกล่าวอย่างโกรธเคือง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวหงเจ้าไม่ได้อยู่กับข้ามาเพียงแค่วันสองวันสักหน่อย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสัตว์ร้ายก็ดี หรือจะเป็นสัตว์มงคลก็ตาม เจ้าคิดว่าข้าจะสนใจอย่างนั้นหรือ? ขอเพียงเจ้าเป็นสัตว์พันธสัญญาของข้า เป็นคู่หูของข้า ภักดีและไม่ทรยศ ถึงจะเป็นสัตว์ร้ายแล้วมันจะทำไมล่ะ?”
เสี่ยวหงตัวสั่นเทาเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “นายท่าน ข้ายอมรับว่าข้าเป็นสัตว์ร้าย และการกลืนกินจิตวิญญาณของสัตว์ร้ายสำหรับข้าแล้วมันสามารถช่วยเร่งการฟื้นฟูของข้าให้เร็วมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย ฮึ! หลังจากที่ข้าฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เจ้าแมวโง่ตัวนี้จะต้องสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวแน่นอน!”
อู๋ตี้กล่าวว่า “ข้าว่าอย่างมากที่สุดก็คงจะเปลี่ยนจากหมูน้อยเป็นหมูยักษ์เสียมากกว่า! คิดจะมาทำให้ท่านอู๋ตี้หวาดกลัวอย่างนั้นหรือ เจ้ายังห่างไกลนัก!”
มู่เฉียนซีให้จิ่วเยี่ยออมมือลงเล็กน้อย นางให้เขาทำลายแค่ร่างกายของเจ้าปีศาจวานรสองตัวนี้เท่านั้น และให้เหลือจิตวิญญาณของพวกมันเอาไว้
สัตว์ร้ายทั้งสองตัวนี้แอบดีใจ ที่จิตวิญญาณของพวกมันยังไม่แตกสลาย ฉะนั้นพวกมันย่อมมีโอกาสที่จะสามารถหลบหนีได้ และเมื่อพวกมันกลับมาแข็งแกร่งเมื่อไร พวกมันค่อยตามหามนุษย์ที่สมควรตายทั้งสองคนนี้เพื่อแก้แค้น
แต่ทว่าพวกมันคิดได้สวยหรูเกินไปหน่อย เพราะในตอนที่ลำแสงสีแดงเพลิงนั้นส่องสว่างวาบออกมา พวกมันก็รู้สึกว่าร่างของพวกมันอ่อนยวบไปทันที
พวกมันจ้องมองไปที่หมูน้อยที่มีสีแดงเพลิงตัวนั้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ตัวมันมีขนาดเล็กเพียงเท่านี้ แต่กลับทำให้พวกมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกัน และนอกจากจะเป็นแบบเดียวกันแล้ว กลับยังเหนือกว่าพวกมันอีกด้วย
เสี่ยวหงกล่าวว่า “การที่พวกเจ้าสามารถอุทิศจิตวิญญาณของพวกเจ้าให้กับข้าได้ ถือว่าเป็นเกียรติของพวกเจ้ามากแล้ว”
จิตวิญญาณของปีศาจวานรทั้งสองถูกขังเอาไว้ และอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ภายใต้เปลวเพลิงที่กำลังปกคลุมพวกมันอย่างรวดเร็ว
นายท่านที่แข็งแกร่งท่านนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกมนุษย์ผู้นี้ควบคุมได้ ฉะนั้นแผนการแก้แค้นของพวกมันก่อนหน้านี้ ก็เป็นได้เพียงเรื่องตลกเท่านั้น
เนื่องจากเสี่ยวหงกลืนกินจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของสัตว์ร้ายทั้งสองในคราวเดียว จึงทำให้มันก็รู้สึกอิ่มเป็นอย่างมาก แต่ผลปรากฏว่ามันกลับเหลือบไปเห็นสายตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นของจิ่วเยี่ย
“สัตว์ร้าย!”
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
“ฮืออ! นายท่าน ช่วยข้าด้วย!” ด้วยความไวแสง มันหลบไปอยู่ด้านหลังของมู่เฉียนซีเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
“ข้าก็เป็นเพียงแค่สัตว์ร้ายนิสัยดีที่รู้จักแต่การนอนเท่านั้นเอง! ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย ท่านจะต้องเชื่อข้านะ” เสี่ยวหงกล่าว
“เจ้าเป็นสัตว์ร้ายที่สามารถทำให้ข้าจำไม่ได้ ฉะนั้นข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นเพียงสัตว์ร้ายธรรมดาตัวหนึ่งแน่นอน” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางจ้องมองไปที่มัน
เขารู้ข้อมูลของสัตว์ร้ายทั้งหมดเป็นอย่างดี แต่ทว่าสัตว์ร้ายในความทรงจำของเขาตั้งแต่อดีตมาจนถึงตอนนี้ ล้วนไม่มีเจ้าหมอนี่บันทึกเอาไว้เลย
สัตวร้ายที่ไม่ถูกมนุษย์บันทึกเอาไว้ นั่นมันไม่ใช่ตัวที่อันตรายมากหรืออย่างไรกัน?
“ฮื้อออ นายท่าน...” ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งมันก็ทำให้เสี่ยวหงหวาดกลัวมากจริง ๆ
“ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย ท่านจะมาใช้ประโยชน์แล้วถีบหัวส่งไม่ได้นะ! ตอนแรกท่านเป็นคนให้ข้าติดตามนายท่านมาเอง ให้ข้าหาทางสร้างโอกาสทำให้ได้ใกล้ชิดกับนายท่าน และทำให้นายท่านชอบท่าน ตอนนี้นายท่านกับท่านก็รักกันดีแล้ว ท่านจึงอยากทำให้ข้าหายไปอย่างนั้นหรือ ช่างใจร้ายจริง ๆ เลย! อย่างไรเสียข้าก็ถือว่าเป็นพ่อสื่อพ่อชักตนหนึ่งเหมือนกันนะ!” เสี่ยวหงตัดสินใจ และเตรียมที่จะเปิดโปงเป้าหมายที่แท้จริงของชายที่ใจจืดใจดำผู้นี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ที่แท้ที่จิ่วเยี่ยมอบเสี่ยวหงมาให้ข้าในตอนแรก ก็เป็นเพราะมีเป้าหมายเช่นนี้นี่เอง”
อู๋ตี้กล่าวว่า “ใช่แล้ว! เจ้าหมูโง่นี่สมรู้ร่วมคิดกับท่านอ๋องจิ่วเยี่ย นายท่าน ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องมีเจ้าหมอนี่อีกแล้ว เพราะรอให้ข้ากินอย่างเพียงพอ ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน และเท่านี้ข้าก็จะปกป้องนายท่านได้แล้ว!”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นพลางมองไปยังเสี่ยวหงแล้วกล่าวว่า “นี่เจ้ากำลังจะเตือนข้าว่า ตอนนี้เจ้าไม่มีประโยชน์อะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ร่างของเสี่ยวหงมีเหงื่อไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง มู่เฉียนซีจึงแล้วว่า “เอาล่ะ จิ่วเยี่ยเจ้าเลิกทำให้มันกลัวได้แล้ว”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงกลับไปยังมิติของพวกมันทันที อย่างไรเสียมันก็เป็นคู่หูที่เติบโตมาด้วยกันอย่างยาวนาน แม้ว่าเสี่ยวหงจะเป็นสัตว์ร้ายที่อันตราย แต่นางก็ไม่สามารถทิ้งมันไปได้อยู่ดี เป็นสัตว์ร้ายแล้วอย่างไรล่ะ? เพราะเสี่ยวหงไม่มีทางทำร้ายเจ้านายของตนเองแน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีเก็บหอคอยจำลองทั้งสองอันนั้นไป นางกล่าวว่า “พวกเราพบเพียงแค่หอคอยจำลองอันที่สองเท่านั้น และดูเหมือนว่าการหาหอคอยนิรันดร์จะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ตอนนี้พวกเรากลับกันเถอะ!”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้งพลางกล่าวว่า “อื้ม! พวกเราควรกลับได้แล้ว”
หลังจากที่มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยกลับมาถึงคุกโลหิตแล้ว พวกเขาก็ตรงไปที่หุบเขาลั่วซีทันที ถึงจะบอกว่าเป็นการไปทำให้คำสาปคงที่ แต่ทว่า…
“คำสาปมันคงที่ตั้งนานแล้ว จิ่วเยี่ย …อื้อ…”
“คำสาปคงที่แล้ว แต่ข้าไม่สามารถควบคุมหัวใจของข้าให้หยุดสั่นไหวเพราะซีได้ ราวกับว่ามันถูกยาพิษอย่างไรอย่างนั้น และข้าก็ต้องการให้ซีมาถอนพิษ…” จิ่วเยี่ยเริ่มพัวพันกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง และดื่มด่ำเพลิดเพลินไปกับความรักอย่างเต็มที่หลังจากที่กลับมาแล้ว
.