ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2420 ทรยศหัวหน้าเรือนจำ
การคัดเลือกในครั้งนี้ ไม่จำกัดระดับพลังวิญญาณ
ใครก็ตามที่มีพลังในการต่อสู้แบบประชิดตัวที่แข็งแกร่งกว่า หรือโหดเหี้ยมยิ่งกว่า และมีสติในการต่อสู้ที่ดีกว่าโดยไม่ต้องใช้พลังวิญญาณ คนเช่นนั้นก็จะสามารถผ่านด่านไปได้
เพราะอย่างไรเสียหลังจากที่เข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้อยู่ดี
ฉะนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าหนุ่มน้อยที่อายุน้อยมากสองคนจะแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งมาได้
หนึ่งในนั้นก็คือเฉี่ยซื่อ ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือทานหลาง!
ส่วนเฉี่ยอี้ที่พ่ายแพ้ให้กับเฉี่ยซื่อก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เฮ้อ! นี่ข้าแก่แล้วอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะสู้คนหนุ่มเหล่านี้ไม่ได้”
หลังจากที่เลือกคนเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็เป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง
“ท่านเจ้าเมือง ทุกคนไม่มีความเข้าใจในคุกนรกเลย ฉะนั้นมันจึงอันตรายเกินไปที่ท่านจะนำทัพไปด้วยตนเองเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ให้คนอื่นเป็นผู้นำเพื่อสำรวจสถานการณ์ดูก่อนล่ะเจ้าคะ” เยาเยี่ยกล่าวอย่างเป็นกังวล
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ในเมื่อข้าเป็นคนเสนอเรื่องที่อันตรายเช่นนี้ออกมา ข้าก็ต้องเข้าร่วมด้วยตนเองสิ”
“เช่นนั้นนายท่านต้องระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ” ส่วนเยาเยี่ยถูกทิ้งให้เฝ้าเมืองหนามโลหิตเอาไว้
นอกจากคุกโลหิตที่เป็นคุกที่ใหญ่ที่สุดของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดแล้ว คุกนรกอื่น ๆ อีกสิบกว่าคุกล้วนมีการเชื่อมโยงถึงกันตามลำดับ
พวกเขาปลอมตัวให้กลายเป็นนักโทษที่ถูกจับกลับมา หลังจากนั้นก็ถูกพาเข้าไปยังคุกนรกหมายเลขสิบสองของผู้คุมเหล่านี้
เมื่อพวกเขาเข้าไปแล้ว ไม่นานนักก็มีผู้คุมกลุ่มหนึ่งเข้ามา และเหลือบมองไปยังผู้คุมที่เดินนำหน้าผู้นั้นพลางกล่าวว่า “ก็แค่ไปทำภารกิจง่าย ๆ ภารกิจหนึ่งเท่านั้น เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ออกไปนานขนาดนี้?”
“เป็นเพราะว่าเจ้าพวกนี้แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางน่ะสิ เลยทำให้ต้องเสียเวลาไปจับกลับมาทีละคน” คนที่เป็นผู้นำตอบกลับไปอย่างใจเย็น
“ใช่แล้ว แม้ว่าจะกลับมาสายไปหน่อย แต่คนที่จับกลับมาได้ก็ถือว่าเยอะกว่าที่พวกข้าจินตนาการเอาไว้ คนไหนคือคนของคุกหมายเลขสิบสองของพวกเรา ข้าจะเอาพวกเขาไปขังเอาไว้ก่อน”
“คนที่ข้าจับกลับมา ข้าจะส่งไปขังเอาไว้เอง! ส่วนนี่คือผู้คุมจากคุกอื่น พวกเขาต้องพักอยู่กับพวกเราวันหนึ่ง พวกเจ้าเตรียมต้อนรับพี่น้องเหล่านี้ให้ดีเถอะ!”
“ได้เลย ๆ!”
คุกนรกแต่ละแห่งตั้งอยู่ในช่องว่างที่แยกออกจากกัน นอกจากผู้คุมเหล่านี้ต้องเผชิญหน้ากับนักโทษแล้ว ที่เหลือก็เป็นเหล่าผู้คุมที่คุ้นเคยกันเท่านั้น ซึ่งมันก็ค่อนข้างน่าเบื่อมากเลยทีเดียว
ฉะนั้นเมื่อมีเพื่อนร่วมสายงานเดียวกันมาเป็นแขก พวกเขาจึงรู้สึกมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
“มันคงทำให้พวกท่านต้องรู้สึกอึดใจสักเล็กน้อยนะขอรับ” หลังกล่าวจบ ผู้คุมเหล่านี้ก็ได้พาพวกของมู่เฉียนซีไปขังเอาไว้ในห้องขังที่กว้างขวาง ทว่าไม่ได้ล็อคประตูแต่อย่างใด ด้วยเกรงว่าอาจจะทำให้มู่เฉียนซีไม่พอใจเอาได้
ไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้ตอนที่พวกเขาถูกขังอยู่ในห้องขังของเมืองหนามโลหิต ถูกเจ้าเมืองผู้นี้ทรมานจนหวาดกลัวขนาดนี้กันล่ะ
นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องอยู่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นผู้คุมมีท่าทางเคารพนบนอบต่อนักโทษที่จับกลับมาได้เช่นนี้ ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากจริง ๆ
คนที่หนีออกไปเหล่านี้ได้ทำเรื่องใหญ่อะไรไว้กันแน่นะ?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “รีบไปจัดการงานให้เรียบร้อย และอย่าให้เกิดความผิดพลาดเป็นอันขาด หากข้าเจอปัญหา พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้”
ผู้คุมกล่าวด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาว่า “วางใจเถิดขอรับ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ พวกข้าจะต้องทำได้ดีอย่างแน่นอน”
เพื่อเลี้ยงฉลองให้กับความสำเร็จของภารกิจในคราวนี้ เขาได้เชิญคนที่อยู่ภายในคุกมากินดื่มกันอย่างหนำใจ
เนื่องจากคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้ามาในคุกนรกเช่นนี้ได้ เพราะถึงจะเข้ามาก็จะไม่มีพลังวิญญาณอยู่ดี ดังนั้นการเฝ้าระวังของผู้คุมในคุกนรกเหล่านี้จึงไม่แข็งแกร่งมากเท่าไรนัก อีกทั้งพวกเขาไม่มีทางคิดว่าเพื่อนร่วมสายงานของพวกเขาจะวางยาพิษไว้ในสุราเช่นนี้อีกด้วย
“ดื่ม! ดื่มเลย!”
“หากไม่เมาไม่เลิก!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
กลิ่นของสุราลอยคละคลุ้งไปในอากาศ แต่คนที่ถูกมู่เฉียนซีควบคุมเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้กินยาลูกกลอนที่ทำให้สร่างเมาเอาไว้ก่อนแล้ว ฉะนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีสติที่ชัดเจนมาก
“เฮ้ เฮ้!” หลังจากนั้นพวกเขาก็ลองทดสอบพลังวิญญาณของคนเหล่านี้ และค้นพบว่าพลังวิญญาณของพวกเขาหายไปหมดแล้วจริง ๆ
ยาลูกกลอนของเจ้าเมืองหนามโลหิตผู้นั้นยอดเยี่ยมมากเลยจริง ๆ และหลังจากที่ทำงานเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ไปพบมู่เฉียนซี “นายท่าน พวกเขาทั้งหมดหมดสติไปแล้วขอรับ”
นักโทษคนอื่น ๆ ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ ต่อหน้าผู้คุมเหล่านี้ พวกเขาด้อยยิ่งกว่าหมูหรือหมาเสียอีก แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้คุมมีความเคารพต่อนักโทษขนาดนี้
มู่เฉียนซีเดินออกมาจากห้องขังของพวกเขา เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางเป็นเพียงหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาไม่สวยคนหนึ่ง แต่กลับให้ความรู้สึกที่สูงศักดิ์เป็นอย่างมาก
สาวน้อยผู้นั้นค่อย ๆ เอ่ยปากออกมาว่า “พวกเจ้าอยากที่จะออกไปจากที่นี่หรือไม่? อยากได้อิสระคืนมาหรือเปล่า”
“อยากสิ! แน่นอนว่าต้องอยากอยู่แล้ว!” พวกเขาตระหนักได้ว่า คนที่ถูกจับกลับมาในคุกนรกอีกครั้งกลุ่มนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
พวกเขาถูกขังให้ไม่มีอิสรภาพมาแล้วไม่รู้กี่ปี ฉะนั้นย่อมต้องโหยหาอิสระภาพแน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในหมู่พวกเจ้ามีคนที่ชั่วร้ายเลวทรามจริง ๆ อยู่ด้วย และก็มีบางคนที่ถูกคนอื่นวางแผนใส่ร้ายป้ายสีจนต้องมาจบลงที่นี่ ฉะนั้นสำหรับคนจำพวกแรก พวกเจ้าไม่มีโอกาสอีกแล้ว จงถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตเสียเถอะ! ส่วนคนจำพวกหลัง หากมีค่ามากพอแล้วละก็ พวกเจ้าก็จะมีโอกาสอีกครั้ง”
แม้ว่าเมืองหนามโลหิตจะขาดคน แต่นางก็ไม่ใช่คนที่จะใช้คนอย่างส่งเดชเช่นกัน
ภายในคุกนรกแห่งนี้มีข้อมูลของพวกเขาอยู่ ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้มอบหมายให้เฉี่ยอี้ไปคัดเลือกตามพื้นฐานก่อนเป็นอันดับแรก
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ใช้ประโยชน์จากยาลูกกลอน ทำให้พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ภายใต้ภาพลวงตา
ภาพลวงตาเช่นนี้เป็นการทดสอบสำหรับคนคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อคนผู้นั้นผ่านการทดสอบแล้วก็จะถือว่าเป็นคนที่ใช้งานได้นั่นเอง
ก่อนที่จะมา มู่เฉียนซีได้วางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อนำมาปฏิบัติจริงมันจึงมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก
เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่สามารถทำผิดกฏในพื้นที่ของผู้อื่นได้ และแม้ว่าคนเหล่านั้นจะดื่มกันจนเมามายแค่ไหนแต่พวกเขาก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วอยู่ดี
คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีนักโทษที่อยู่ภายในคุกนรกแห่งนี้ถูกปล่อยออกมามากมายเช่นนี้ พวกเขากล่าวอย่างตกใจว่า “ผู้ใดเป็นคนปล่อยคนเหล่านี้ออกมากัน?”
“นี่มัน…”
“เป็นข้าเอง!” มีร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของพวกเขา
“เจ้า…นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สำหรับการกระทำเช่นนี้ของเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งกลับมาจากการออกไปทำภารกิจผู้นี้ เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
“ข้าต้องการที่จะปล่อยนักโทษส่วนหนึ่งนี้ออกไป” เขากล่าวตอบ
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? หากไม่มีคำสั่งของนายท่านที่อยู่เบื้องบนเหล่านั้น ผู้คุมอย่างพวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะปล่อยตัวนักโทษคนใดออกไปทั้งนั้น หากปล่อยออกไปแล้ว พวกเราจะต้องตายอย่างน่าสังเวช และจิตวิญญาณจะต้องแตกสลายไปอย่างแน่นอน ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นบ้าหรือไม่ แต่ก็อย่ามาทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนไปด้วยสิ” ผู้คุมคนอื่นกล่าวกับพี่น้องของเขาคนนี้อย่างเดือดดาล
เขากล่าวตอบว่า “ข้าได้ตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้แล้ว และไม่มีทางช่วยได้แล้วอีกด้วย”
“จัดการเขาซะ!”
“จับคนทรยศผู้นี้เอาไว้”
เมื่อเห็นว่าเขาดึงดันเช่นนี้ ผู้คุมคนอื่นย่อมเลือกที่จะแก้ไขปัญหาด้วยกำลังแน่นอนอยู่แล้ว
แน่นอนว่าในตอนที่พวกเขากำลังจะลงมือ พวกเขากลับค้นพบเรื่องที่ยากจะเชื่อได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการที่พวกเขาเป็นเหมือนกับนักโทษเหล่านี้ ที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้อีกแล้วนั่นเอง
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? พวกข้าคือผู้คุมนะ ฉะนั้นข้อจำกัดของคุกนรกจะต้องไม่มีผลกระทบใด ๆ กับพวกข้าสิถึงจะถูก!” พวกเขากล่าวอย่างเหลือเชื่อ
จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่สังเกตเห็นว่าตนเองถูกวางยาพิษเลยแม้แต่น้อย!
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ แต่ผู้คุมที่เพิ่งกลับมาเหล่านี้กลับสามารถใช้ได้ ฉะนั้นพวกเขาต้องแอบทำเรื่องที่ไม่ดีแน่นอน
เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะกัน ก็กลายเป็นการเอาไข่ไปทุบก้อนหินอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาทำได้เพียงแค่ยอมแพ้เท่านั้น และกล่าวขึ้นมาว่า “คนทรยศอย่างพวกเจ้า นายท่านหัวหน้าผู้คุมไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่”
“นายท่าน ต้องการจัดการพวกเขาหรือไม่ขอรับ?” ในตอนที่พวกเขากำลังสาปแช่งอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ค้นพบว่าเหล่าผู้คุมที่ทรยศเหล่านั้นกำลังสอบถามสาวน้อยที่หน้าตาขี้เหร่คนหนึ่งด้วยความเคารพ
สาวน้อยผู้นั้นใช้วิธีอะไรกัน ถึงทำให้ผู้คุมที่ภักดีมาตลอดเหล่านี้กล้าหาญที่จะทรยศคุกนรก และทรยศหัวหน้าผู้คุมได้?
.