ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2421 บึงสีโลหิต
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องออกโรงจัดการพวกเขาหรอก พวกเรามาลองทดสอบกันดูเถอะว่าผู้คุมที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้เหล่านี้ จะมีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากเพียงใด ด?”
ด้วยเหตุนี้ภายใต้การนำของมู่เฉียนซี ผู้คนของเมืองหนามโลหิตจึงเริ่มโบกกำปั้น และลงมือทันที!
ปัง ปัง ปัง!
เนื่องจากว่าพวกเขามีความคุ้นเคยกับการใช้พลังวิญญาณ จึงเป็นผลให้พวกเขาที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้อย่างกะทันหันอ่อนแอลงทันที
และเมื่อเทียบกับเหล่านักโทษที่คุ้นเคยกับการเข่นฆ่าภายในคุกนรกแห่งความมืดโดยไม่มีพลังวิญญาณเหล่านี้ พลังในการต่อสู้ของพวกเขาจึงไม่ควรค่าที่จะกล่าวถึงอย่างเห็นได้ชัด
“อ๊ากกกกกก!”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“อย่าฆ่าข้านะ!”
ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเช่นกัน แต่กลับสามารถบดขยี้พวกเขาได้ จนผู้คุมบางคนหมดสภาพไปอย่างสมบูรณ์
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!
พวกเขาถูกควบคุมเอาไว้แล้ว และมู่เฉียนซีที่เคยจัดการกับผู้คุมที่ถูกจับก่อนหน้านี้เหล่านั้นอย่างไร ตอนนี้นางก็วางยาพิษให้กับเชลยใหม่เหล่านี้อย่างนั้น
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีประสิทธิภาพที่ดีมากเลยทีเดียว!
พวกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเพราะเหตุใดเพื่อนร่วมงานของพวกเขาถึงทรยศคุกนรก และเพราะเหตุใดถึงทรยศหัวหน้าผู้คุม แต่เมื่อตนเองได้มาประสบกับความรู้สึกที่เหมือนตายทั้งเป็นเช่นนี้ ในที สุดพวกเขาก็รับรู้ถึงเหตุผลนั้นแล้ว
ด้วยความทุกข์ทรมานที่ทำให้ผู้คนสิ้นหวังเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถอดทนได้เลย
และหลังจากที่ออกมาคัดเลือกอย่างต่อเนื่อง ก็มีเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นที่ถึงตามมาตรฐานของเมืองหนามโลหิต
เพียงแต่นักโทษของคุกนรกมีจำนวนมาก ฉะนั้นเพียงแค่จำนวนหนึ่งในสิบก็ถือว่าไม่น้อยเช่นกัน
มู่เฉียนซีอธิบายกับพวกเขาเหล่านั้นว่า “หลังจากนี้พวกเจ้าจะต้องจัดการดูแลคุกนรกแห่งนี้ต่อไป เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน นอกจากนี้ก็อย่าไปบอ อกใคร มิเช่นนั้นยาพิษที่อยู่ภายในร่างกายของพวกเจ้าจะระเบิดออกมาอีกครั้งแน่”
ด้วยเหตุนี้คนเหล่านั้นก็ได้ถูกมู่เฉียนซีปล่อยออกไปอย่างอวดดี และผู้คุมเหล่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเช่นกัน
หากพวกเขาไม่กลัวตายและแอบรายงานอย่างลับ ๆ พวกเขาก็ต้องอาจจะต้องถูกจัดการเพราะทำงานไม่สำเร็จด้วยก็เป็นได้
ในแดนนรกมีคุกนรกอยู่ตั้งมากมาย คนที่พวกเขาขังเอาไว้เป็นเพียงแค่คนที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเท่านั้น
ถูกปล่อยออกไปก็ปล่อยมันไปเถอะ ขอเพียงแค่พวกเขาไม่พูดก็คงไม่มีใครรู้แล้วล่ะ
หลังจากที่จัดการคุกนรกแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็ออกเดินทางต่อ และนางก็มุ่งหน้าไปยังคุกนรกแห่งต่อไป
ในตอนแรกนั้นทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น แน่นอนว่าพวกเขาได้เจอกับผู้คุมที่มีความระมัดระวังบ้างเช่นกัน แต่ทว่ายาพิษของมู่เฉียนซีนั้น แม้ว่าจะไม่ได้กลืนเข้าไปปทางปาก แต่มัน ก็สามารถแพร่กระจายไปในอากาศได้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นไปตามที่ถูกกำหนดไว้อย่างไม่มีทางเลือกใด ๆ เลย
มู่เฉียนซีได้ตักตวงคนออกมาจากภายในคุกนรกเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นเรื่องการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเมืองหนามโลหิตและหอหมอปีศาจก็ดูท่าจะไม่มีปัญหาอีกต่อไปแล้ว
นักโทษเหล่านี้ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีโอกาสได้รับอิสระ แต่ยังสามารถกลายเป็นประชากรของเมืองหนามโลหิตได้อย่างถูกต้องอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ออกไปทำภาร รกิจต่าง ๆ มากมายอีกด้วย
คุกนรกที่ถูกมู่เฉียนซีบุกปล้นเหล่านั้นฟื้นตัวจนกลับมาเป็นปกติ และเบื้องบนของพวกเขาก็ไม่ได้ค้นพบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
ส่วนนักโทษที่ถูกทิ้งเอาไว้เหล่านั้นก็ทำได้เพียงเกลียดชังตนเองที่ก่อนหน้านี้ทำเรื่องที่ชั่วร้ายอย่างเกินขอบเขต และทำเรื่องเลวทรามเอาไว้มากมาย จนทำให้โอกาสที่สามารถหนีตายอ ออกไปได้ไม่ได้วนมาถึงตนเอง
เมืองหนามโลหิตแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากที่มีกำลังพลเพียงพอแล้ว หอหมอปีศาจก็เปิดกิจการไปยังเขตต้องห้ามอื่น ๆ รวมไปถึงเมืองที่คึกคักต่าง ๆ ทั่วทั้งคุกโลหิตอีกด้วย
ยาลูกกลอนของหอหมอปีศาจนั้นใช้ได้ดีมากจริง ๆ อีกทั้งยังมีข่าวลือมาว่า ท่านหมอปีศาจเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตที่น่าสะพรึงกลัวแห่งนั้น ซึ่งชื่อเสียงของหอหมอปีศาจในช่วงนี้ โด่งดังมากเป็นพิเศษเลยทีเดียว
ในขณะที่พัฒนากิจการของตนเองไปเรื่อย ๆ ในเวลาเดียวกันนั้นมู่เฉียนซีก็ไม่ได้หย่อนยานเรื่องการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย
เฉี่ยเอ้อร์นำข่าวมาแจ้งว่ามีการค้นพบสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่ามากชนิดหนึ่งอยู่ในบึงน้ำของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด สถานที่อันตรายแห่งนั้นมีสมุนไพรวิญญาณอยู่มากมาย บวกกับสมุนไพ พรวิญญาณเหล่านั้นยังมีความพิเศษมากอีกด้วย ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงเตรียมตัวมุ่งหน้าไปสถานที่แห่งนั้นด้วยตนเอง
อย่างไรเสียนางก็จัดการเรื่องของเมืองหนามโลหิตไปพอสมควรแล้ว และมันก็ถึงเวลาที่นางจะต้องออกไปหาประสบการณ์ได้แล้ว
เยาเยี่ยกล่าวว่า “นายท่าน ก่อนที่ท่านจะออกไปหาประสบการณ์ เหตุใดท่านถึงไม่ไปเจอกับท่านอ๋องจิ่วเยี่ยก่อนล่ะเจ้าคะ ท่านควรไปบอกกล่าวท่านอ๋องจิ่วเยี่ยสักหน่อย มิเช่นนั้นท่านอ๋อง งจิ่วเยี่ยอาจจะโกรธเอาได้ นายท่าน ท่าน…”
อ๋องจิ่วเยี่ยเป็นชายที่โหดเหี้ยมมากคนหนึ่ง ถึงเขาจะโกรธแต่ก็ไม่มีทางทำร้ายนายท่านแน่นอน แต่ทว่านายท่านอาจจะต้องได้รับความยากลำบากก็เป็นได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “น่าจะใช้เวลาไม่มากเท่าไรนัก ฉะนั้นก็ไม่ต้องไปกล่าวลาหรอก!”
ในเมื่อมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพมิติที่แข็งแกร่งอย่างสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ด้วย การไปยังพระราชวังคุกโลหิตนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ไม่รู้ว่าหลังจากที่ไปแล้วนางจะถูกจิ่วเยี่ยขังไ ไปนานแค่ไหนถึงจะสามารถกลับมาได้
มู่เฉียนซีต้องการออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ เฉี่ยซื่อเองก็อยากที่จะติดตามไปด้วยเช่นกัน แต่ทว่าเขายุ่งอยู่กับการเรียนรู้เรื่องการดูแลหอหมอปีศาจในแต่ละส่วนจึงไม่สามารถติดตามไปด้ วยได้ และมู่เฉียนซีเองก็ไม่อนุญาตอีกด้วย
“นายท่านต้องระวังตัวให้มากนะขอรับ! ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างดีแน่นอน” เฉี่ยซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ส่วนทานหลางก็เป็นเหมือนเครื่องจักรที่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้านาย และในตอนที่ไม่มีคำสั่ง เขาก็ทำได้เพียงติดตามมู่เฉียนซีไปเงียบ ๆ เท่านั้น
นอกจากนี้มู่เฉียนซียังรู้สึกว่าการพาทานหลางไปด้วยก็ค่อนข้างปลอดภัยกว่าอีกด้วย
ช่วงนี้อู๋หยายังคงเงียบอยู่ตลอด เขาเงียบจนทำให้นางรู้สึกว่าเขายอมแพ้ที่จะจัดการนางไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
แต่เขาจะต้องตั้งใจทำให้นางเข้าใจผิดอย่างแน่นอน เพราะถึงอู๋หยาผู้นั้นจะทำตัวให้ดูเหมือนว่าเป็นเทพที่ไม่มีตัวตน และไม่มีความปรารถนาใด ๆ ทว่ามู่เฉียนซีกลับสามารถสัมผัสได้ถึงคว วามยึดมั่นถือมั่นของเจ้าหมอนี่ แล้วเขาจะยอมแพ้ไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร
ในเมื่อเขาได้เริ่มทำเรื่องเช่นนี้แล้ว ฉะนั้นนางคิดว่าเขาน่าจะไม่มีทางยอมแพ้ไปอย่างง่ายดายแน่นอน
หากเขาคิดจะยอมแพ้จริง ๆ เช่นนั้นอู๋หยาก็คงจะไม่ใช่อู๋หยาอีกต่อไป
และด้วยเหตุนี้นางจึงเกรงว่าทุกย่างก้าวที่นางอยู่ที่บึงสีโลหิต อาจจะเต็มไปด้วยความเสี่ยงถึงชีวิตเลยก็เป็นได้
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีแพร่กระจายไปตลอดเส้นทาง เพื่อตรวจสอบอันตราย สมุนไพรวิญญาณของที่นี่มีจำนวนมากจริง ๆ และมู่เฉียนซีก็มีความสุขที่เก็บเกี่ยวมันมาได้มากมายเช่นนี้
นอกจากนี้นางยังหาสมุนไพรวิญญาณที่เฉี่ยเอ้อร์บอกเจอแล้วอีกด้วย มันคือกล้วยไม้ผลึกวารีทมิฬ ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ในสถานที่ที่มืดมิด มันคือสมุนไพรวิญญาณที่สามารถทำให้ตายได้ แต ต่กลับสามารถทำให้ผู้คนที่ชั่วร้ายได้รับชีวิตใหม่ได้
สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้มีอยู่ในมรดกของนิรันดร์เท่านั้น และนางก็ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย
“ลงมือได้!”
สมุนไพรวิญญาณเช่นนี้ บริเวณโดยรอบจะไม่มีสิ่งใดคอยคุ้มครองอยู่ได้อย่างไรกัน
และในตอนที่เฉี่ยเอ้อร์และเฉี่ยซานพุ่งทะยานออกไปนั้น ก็มีมังกรโลหิตตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมา มันแสยะเขี้ยวของตนเองออก และพุ่งเข้าไปกัดเฉี่ยเอ้อร์และเฉี่ยซานทันที
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
หนามโลหิตสีแดงเลือดปรากฏขึ้นมาจากกลางอากาศ จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปรัดปากของมังกรโลหิตตัวนั้นเอาไว้
เกล็ดที่อยู่บนตัวของมังกรโลหิตนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ซึ่งแม้แต่หนามโลหิตก็ไม่สามารถทำลายมันได้เช่นกัน
“โฮกกกก!”
ตอนนี้เฉี่ยเอ้อร์และเฉี่ยซานกำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์ปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวตัวนั้น และในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะไปเก็บกล้วยไม้ผลึกวารีทมิฬนั้น นางก็ถูกพิษของเพียงพอนสีดำตัว หนึ่งโจมตี
ความสามารถของเจ้าตัวนี้ไม่สูงมากเท่าไรนัก เพราะเมื่อเทียบกับมังกรโลหิตตัวนั้นแล้วยังถือว่าห่างไกลอยู่มาก แต่ทว่ามันกลับมีความเร็วที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก ซึ่งถือได้ว่าเป็นนัก กลอบโจมตีที่ดีเลยทีเดียว
โชคดีที่พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งพอ และมีการตอบสนองที่เฉียบแหลม จึงทำให้ตอนที่มู่เฉียนซีถูกเพียงพอนพิษตัวนั้นโจมตี นางสามารถใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลบหลีก กได้ทัน
เป็นเรื่องยากมากที่จะมีมนุษย์คนใดสามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ของมันได้ทัน ซึ่งนี่ก็ทำให้เพียงพอนตัวนี้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นขาหลังของมันก็กระทืบลงไปบนพื้นอย่างรุนแร รง หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นพายุหมุนและพุ่งเข้าจู่โจมมู่เฉียนซีทันที
ในตอนที่ทานหลางต้องการจะใช้ดาบตัดเจ้าเพียงพอนตัวนี้ออกเป็นชิ้น ๆ เขากลับถูกมู่เฉียนซีขวางเอาไว้เสียก่อน
“ไปเล่นเป็นเพื่อนมันหน่อยสิ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ท่ามกลางสายฟ้าฟาด ก็ได้มีร่างลายจุดสีดำขนาดเล็กตัวหนึ่งและร่างสีม่วงอีกคนหนึ่งตัดสลับกันไปมาอยู่กลางอากาศ
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็สามารถเก็บกล้วยไม้ผลึกวารีทมิฬช่อนั้นนั้นได้สำเร็จ และนอกจากนี้นางยังกล่าวยั่วยุเพียงพอนพิษตัวนั้นว่า “ข้าเอามันมาได้แล้วนะ!”
“ฟ่อ!” เพียงพอนพิษตัวนั้นรู้สึกโกรธจัดขึ้นมาทันที
“โฮกกกก!” ส่วนมังกรโลหิตตัวนั้นก็โกรธมากเช่นกัน มันคิดไม่ถึงเลยว่าดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดที่พวกมันเฝ้าคุ้มครองมาเนิ่นนานจะถูกมนุษย์คนหนึ่งมาแย่งชิงไปได้