ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2422 ลางสังหรณ์ไม่ดี
อีกอย่าง พืชกลายพันธุ์ทั้งสองตัวนี้ก็ช่างน่ารังเกียจนัก พวกมันถึงกับรวมหัวกับมนุษย์คนหนึ่งมารังแกมัน
มู่เฉียนซีผลาญพลังของเพียงพอนพิษไปจนหมด ส่วนพวกของเฉี่ยเอ้อร์ก็จับมังกรโลหิตตัวนั้นมัดเอาไว้จนกลายเป็นเกี๊ยวลูกใหญ่ไปแล้วเช่นกัน
หลังจากที่ปะทะกันมานับครั้งไม่ถ้วน มังกรโลหิตตัวนี้ก็ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ?”
เพียงพอนพิษและมังกรโลหิตไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่แววตาของพวกมันบอกกับมู่เฉียนซีว่าพวกมันไม่อยากตายแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากไม่อยากตายละก็ เช่นนั้นพวกเจ้าก็รออยู่ที่นี่สักพักเถอะ!”
นางนำหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ออกมา หลังจากนั้นพลังแห่งความมืดก็ปกคลุมพวกมันเอาไว้ และมู่เฉียนซีก็เอาพวกเขาใส่เข้าไปในหอคอยจำลองนั้น
หอคอยจำลองนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่ากรงขังสัตว์วิญญาณเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็สามารถขังสัตว์ปีศาจได้เป็นพันเป็นหมื่นตัวเลยทีเดียว
รอให้นางขยายเมืองหนามโลหิตไปได้สักระยะหนึ่ง และรอหลังจากที่นางมีความเข้าใจในความสามารถและความภักดีของลูกน้องทั้งหมดแล้ว นางก็อาจจะแบ่งให้สัตว์ปีศาจที่อยู่ในหอคอยจำลองออ อกมา และผูกพันธสัญญากับพวกเขา
นั่นถือว่าเป็นจำนวนที่แข็งแกร่งมาก และหลังจากนี้ไปนอกจากพระราชวังคุกโลหิตแล้ว เมืองหนามโลหิตจะต้องกลายเป็นเมืองที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดเมืองหนึ่งอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปเดินดูรอบ ๆ กันเถอะ!”
ในพื้นที่ของบึงน้ำที่อันตรายแห่งนี้ มู่เฉียนซีได้เลือกเป้าหมายในการฝึกฝนไว้มากมาย
ในการต่อสู้จริง นางสามารถเอาชนะสัตว์ปีศาจเหล่านี้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้ข้างกายของนางก็ยังมียอดฝีมืออยู่อีกมากมาย ฉะนั้นบึงสีโลหิตที่อันตรายแห่งนี้สำหรับเจ้าเมืองข ของเมืองหนามโลหิตอย่างนางแล้วถือว่าไม่ได้อันตรายมากเกินไปแต่อย่างใด
เพียงแต่ว่า…
กลิ่นอายที่คุ้นเคยนั้นทำให้ทานหลางตื่นตัวขึ้นมาทันที และมู่เฉียนซีก็รู้สึกได้เช่นกันว่ากลิ่นอายที่อันตรายอย่างยิ่งนั้นกำลังใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
มีเสียงของขลุ่ยวิญญาณดังขึ้นมาในอากาศ และสัตว์ปีศาจแห่งความมืดของบึงสีโลหิตทั้งหมดก็ก่อการจราจลขึ้นมาทันที
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
พวกของเฉี่ยเอ้อร์พลันตื่นตัวขึ้นมาทันทีเช่นกัน “ท่านเจ้าเมือง อันตรายเจ้าค่ะ”
ดูเหมือนว่าศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวจะกรูกันเข้ามาแล้ว และแม้ว่าจะเป็นพวกของเฉี่ยเอ้อร์ก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางเอาไว้ได้เช่นกัน
พวกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เจ้าพวกนี้เป็นบ้าไปแล้ว! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“มีคนกำลังควบคุมพวกมันอยู่ รีบไปเร็วเข้า!” และบนใบหน้าของมู่เฉียนซีก็ฉายแววจริงจังออกมา
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าต้นกำเนิดของเสียงนั้นอยู่ใกล้นางเป็นอย่างมาก นางจึงกล่าวว่า “ทะลวงออกไป! แล้วมุ่งหน้าไปทางนี้”
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณได้ระเบิดพลังวิญญาณธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งมากออกมา หลังจากนั้นไอน้ำก็ได้ระเหยขึ้นมารอบบริเวณ ส่วนมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไปราวกับขี่ไปบนสายลมก็ มิปาน
การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้แบบตะลุมบอน และโชคดีที่แต่ละคนที่มู่เฉียนพามาด้วยล้วนมีความสามารถที่แข็งแกร่งทั้งสิ้น มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาคงได้ถูกเจ้าสิ่งที่อยู่ในบึงสีโลหิตเหล่าน นีักลืนกินเป็นแน่
และเมื่อเสียงขลุ่ยดึงขึ้นอีกครั้ง ก็ได้มีไอหมอกหนาปรากฏขึ้นมารอบบริเวณอย่างคาดไม่ถึง
ด้วยความสามารถเช่นนี้ ทำให้มู่เฉียนซีรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน
และทันใดนั้นร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานผ่านไป มู่เฉียนซีจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ทานหลาง เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
มีจิตสังหารฉายวาบอยู่ภายในแววตาของทานหลาง เขากล่าวว่า “ข้าจะไปฆ่าเขา!”
“เขาคือใครหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เขาคือ…” ทานหลางรู้สึกว่าตนเองควรจะรู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร แต่เขากลับพูดมันออกมาไม่ได้เสียอย่างนั้น
การตอบสนองเช่นนี้ของทานหลาง ทำให้มู่เฉียนซีมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากอย่างหนึ่ง
อู๋หยาที่เงียบสงบไปนาน ได้เริ่มลงมืออีกครั้งแล้ว และคนที่เขาส่งออกมาคราวนี้จะเป็นใครกันแน่?
มู่เฉียนซีกล่างว่า “เจ้าอยู่นี่แหละ! ไม่ต้องออกไป”
ไอหมอกได้รบกวนการมองเห็นของพวกเขา และมู่เฉียนซีก็ไม่สามารถทำลายไอหมอกสีแดงเลือดนี้ไปได้
นอกจากนี้มู่เฉียนซียังรู้สึกว่าตำแหน่งของคนผู้นั้นกำลังใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ…
มันใกล้เข้ามาแล้ว!
มู่เฉียนซีได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา และหายไปจากจุดเดิมอย่างฉับพลัน
ตูมมม!
หลังจากนั้นตำแหน่งที่นางเคยอยู่ ก็มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นกัน
ชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่ถือขลุ่ยยาวสีม่วงคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอยู่ตรงหน้า เขามีสีหน้าที่นิ่งเฉยราวกับน้ำแข็ง และรูปร่างที่เพรียวบาง
“เจ้าคือคนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นสินะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลอบโจมตีท่านเจ้าเมืองของพวกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า” เฉี่ยเอ้อร์เดือดดาลเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้นหนามแหลมจำนวน นนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าโจมตีคนที่อยู่ตรงหน้าคนนั้นทันที
บนใบหน้าของคนผู้นั้นไม่แสดงท่าทีใด ๆ แม้แต่น้อย แต่ทันทีที่เสียงของขลุ่ยดังขึ้นมา คลื่นเสียงนั้นก็สามารถสกัดกั้นหนามแหลมคมเหล่านั้นของเฉี่ยเอ้อร์เอาไว้ได้
คนผู้นี้มีความเชี่ยวชาญในการโจมตีด้วยเสียง ซึ่งความสามารถของเขาก็ลึกเกินที่จะหยั่งถึงจริง ๆ
แต่หากเฉี่ยเอ้อร์ร่วมมือกับเฉี่ยซาน พวกเขาก็ยังพอมีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง แต่ทว่าเฉี่ยซานในเวลากำลังจัดการกับศัตรูคนอื่น ๆ อยู่ ซึ่งทำให้เฉี่ยเอ้อร์ต้องต่อสู้กับเขาเพียงลำพ พังนั่นเอง
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีด้วยคลื่นเสียง แทรกซึมไปทั่วทุกหนแห่ง และมันก็ได้ตัดหนามของเฉี่ยเอ้อร์ออกเป็นชิ้น ๆ
“พระชายา!” ทันใดนั้นอ้านก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ลงมือได้!”
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เป็นคนที่รับมือได้ยากคนหนึ่ง ฉะนั้นนางจึงปล่อยให้อ้านออกมาจัดการเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ
มีเพียงการทำลายอาวุธที่อยู่ในมือของเขาเท่านั้น ถึงจะสามารถทำลายการควบคุมสัตว์ปีศาจเหล่านี้ได้
“ขอรับ!”
พวกของอ้านล้อมคนผู้นั้นเอาไว้ และคิดไม่ถึงว่าการต่อสู้แบบคนจำนวนมากต่อหนึ่งคนเช่นนี้จะทำได้เพียงขังเขาเอาไว้เท่านั้น ซึ่งด้วยความสามารถที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็ทำให้มู่เฉีย ยนซียิ่งมั่นใจในตัวตนของเขามากขึ้นไปอีก
แม้ว่าตอนนี้ทางฝั่งของพวกเขาจะไม่เสียเปรียบ แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความอันตรายมากอยู่ดี
และตอนนี้คนที่แอบปกป้องมู่เฉียนซีอย่างลับ ๆ มาโดยตลอดอย่างทานหลางก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขาพุ่งเข้าโจมตีหนุ่มน้อยในชุดคลุมสีดำที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันโดยไม่เกรงใจเล ลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย ภายใต้พลังแห่งการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังของนาง คิดไม่ถึงเลยว่าหนุ่มน้อยในชุดคลุมดำผู้นี้จะสามารถเล็ดลอดการรับรู้ของนางไปได้
ชายหนุ่มชุดคลุมดำที่ล้มเหลวในการลอบโจมตีจ้องมองไปที่ทานหลางอย่างโกรธเคือง เขากล่าวอย่างมืดมนว่า “ทานหลาง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังไม่ตาย นอกจากเจ้าจะทรยศนายท่านแล้ว ยังม มาปกป้องผู้หญิงคนนี้อีกอย่างนั้นหรือ เจ้ามันคนทรยศ!”
ทานหลางไม่เข้าใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าโจมตีหนุ่มน้อยชุดคลุมดำผู้นั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารทันที
“เช่นนั้นข้าจะฆ่าคนทรยศอย่างเจ้า เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกแทนนายท่านก่อน หลังจากนั้นค่อยไปจัดการกับหญิงสาวที่ขวางหูขวางตาคนนั้นทีหลังก็แล้วกัน!” หนุ่มน้อยในชุดคลุมดำผู้นั้นกล่ าวอย่างอวดดี
ปัง ปัง ปัง!
ความสามารถของชายหนุ่มทั้งสองคนนี้สูสีกันมาก
หนุ่มน้อยชุดคลุมดำผู้นั้นเชี่ยวชาญในการซ่อนกลิ่นอายเพื่อสังหารคนอื่น ส่วนทานหลางเชี่ยวชาญกระบวนท่าสังหารที่ดุดันและรุนแรง
ถึงภายนอกของหนุ่มน้อยผู้นั้นจะแสดงออกมาว่าต้องการจะตัดสินผลแพ้ชนะกับทานหลางให้ได้ แต่เขากลับพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาช่องโหว่ในการลอบโจมตีมู่เฉียนซีไปด้วย
แม้ว่าทานหลางจะสูญเสียความทรงจำ แต่เขากลับเข้าใจรูปแบบการต่อสู้ของหนุ่มน้อยชุดคลุมดำผู้นี้เป็นอย่างดี และไม่ยอมที่จะปล่อยให้เขาทำได้สำเร็จเช่นกัน
หลังจากที่ต่อสู้กันจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อที่จะปกป้องมู่เฉียนซี ทานหลางจึงได้รับบาดเจ็บเข้าจนได้
ทุกการโจมตีของชายหนุ่มในชุดคลุมดำล้วนอันตรายถึงชีวิตทั้งสิ้น แม้ว่าทานหลางจะสามารถหลบเลี่ยงจุดสำคัญไปได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี!
และกลิ่นเลือดสด ๆ นี้ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มในชุดคลุมดำผู้นั้นตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก “ทานหลาง การที่ต้องมาปกป้องคนอ่อนแอเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เจ้าต้องตายเร็วขึ้นเท่านั้น หากข้ าเป็นเจ้า ข้าจะฆ่าตัวตายทันทีเป็นแน่”
ทานหลางกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน ท่านหนีไปก่อนเถอะขอรับ!”
“นายท่าน รีบออกไปจากที่นี่เถอะขอรับ” ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากฝั่งของอ้านเช่นกัน
ชายหนุ่มในชุดสีม่วงผู้นั้นเป็นยอดฝีมือการโจมตีด้วยเสียง ซึ่งทักษะการโจมตีของเขานั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ
แม้ว่าพวกของอ้านจะได้เปรียบเรื่องจำนวนคน แต่ข้อได้เปรียบนี้กลับไม่ทำให้แตกต่างแต่อย่างใด
สัตว์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ทำให้พวกเขาเป็นกังวลว่าในสถานการณ์ที่วุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ นี้ ตนเองจะไม่สามารถปกป้องเจ้านายได้
สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที เป็นไปตามที่นางคาดการณ์เอาไว้ว่า อู๋หยาที่เหมือนจะไม่เคลื่อนไหว แต่พอเคลื่อนไหวที ก็เลือกที่จะลงมือกับนางอย่างไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าจะไปก่อน พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย!”
ด้วยความสามารถของมู่เฉียนซีในตอนนี้ไม่มีทางที่จะเผชิญหน้ากับดาบของอู๋หยาได้เลย แต่หากนางต้องการจะหนี พวกเขาก็ไม่มีทางขัดขวางนางได้อย่างแน่นอน เพราะอย่างไรเสียนางก็เป็น ถึงเจ้านายของดอกบัวหงส์เก้ากลีบแห่งผู้พิทักษ์นิรันดร์นั่นเอง
แต่ทว่าสุ่ยจิงอิ๋งกลับแจ้งข่าวร้ายกับมู่เฉียนซีอย่างหนึ่ง นางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ตอนนี้มิติของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดถูกผนึกเอาไว้หมดแล้ว”
“นี่เขาสามารถผนึกมิติที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาด้วยความตกใจ