ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2423 กลยุทธ์ที่ละเอียดถี่ถ้วน
เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้ที่นางเคยเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้ อู๋หยารู้เป็นอย่างดีว่านางมีไพ่ตายมากมายเพียงใด เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงเทพพยากรณ์ที่คาดการณ์อนาคตได้คนหนึ่ง
เพราะความล้มเหลวในคราวที่แล้ว ทำให้ครั้งนี้นางมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่ามันได้มาถึงจุดของกลยุทธ์ที่วางเอาไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “คนผู้นั้นน่าจะใช้ค่ายกลของเผ่าเทพเพื่อมาผนึกพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ นอกจากนี้มันยังไม่สามารถทำสำเร็จได้ภายในสองสามวันอีกด้วย ฉะนั้นตั้งแต่ตอนที่ซีเอ๋อร์ ตัดสินใจออกมาจากเมืองหนามโลหิต เขาก็ได้วางค่ายกลเอาไว้แล้ว”
ในเมื่ออู๋หยาต้องการให้มู่เฉียนซีตาย ย่อมต้องมีแผนการมากกว่าหนึ่งอย่างอยู่แล้ว
ความล้มเหลวของทานหลาง ทำให้การกระทำของเขาถูกเปิดเผย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขายอมลามือ กลับกันมันยิ่งทำให้เขาวางแผนอย่างละเอียดสมบูรณ์และไร้ข้อบกพร่องมากยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย ย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง ข้ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากอยู่อย่างหนึ่ง”
การคำนวนของเทพพยากรณ์นั้นทรงพลังมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถบีบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของนางให้มาถึงจุดนี้ได้
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวตอบว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าและทุกคนสามารถปกป้องซีเอ๋อร์ได้แน่ เป็นเทพพยากรณ์ของเผ่าเทพแล้วอย่างไรกันล่ะ? หากคิดจะมาทำร้ายเจ้านายของผู้พิทักษ์นิรันดร์อย่า างข้า ก็ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินพลังของตนเองสูงเกินไปเช่นกัน”
“แย่แล้ว!” ทันทีที่สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวจบ กลับได้รับข่าวร้ายอีกเรื่องหนึ่ง
หลังจากที่เศษเสี้ยวสุ่ยจิงอิ๋งของจิ่วเยี่ยชิ้นนั้นขาดการติดต่อกับมิติที่อยู่กับทางฝั่งของมู่เฉียนซี แน่นอนว่ามันย่อมต้องมีความรู้สึกแปลก ๆ อยู่แล้ว และตอนนี้จิ่วเยี่ยก็ตระหนั กได้ถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาดนี้แล้วเช่นกัน
ซี!
เขาไม่สามารถให้เศษเสี้ยวของผู้พิทักษ์นิรันดร์ส่งเขาไปอยู่ข้างกายของซีได้ แม้ว่าเขาจะใช้พลังไปมากเพียงใด แต่เขาก็ต้องไปที่นั่นด้วยตนเองให้ได้
แต่ทว่าในเวลานี้ ผนึกที่ดูเหมือนว่าจะแน่นหนากลับมีลวดลายที่เปลี่ยนไป
พลังคำสาประเบิดออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และจิ่วเยี่ยก็อยู่ในขอบเขตที่อันตรายเป็นอย่างมาก
ร่างเงาสีขาวร่างหนึ่งมาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องโถงใหญ่ และน้ำเสียงที่เย็นชานั้นก็ดังขึ้นมาว่า “คำสาปของฝ่าบาทปะทุขึ้นมาแล้ว กระหม่อมจึงจำเป็นที่จะต้องมารักษาคำสาปให้อย่า างเร่งด่วน ฝ่าบาทโปรดสงบสติอารมณ์ลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“ตายซะ!” ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งหมื่นปีก็มิปาน และด้วยความโกรธที่อยู่ภายในใจทำให้เขาลงมือโจมตีอู๋หยาโดยไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย
ร่างของอู๋หยาหายไปต่อหน้าต่อตาจิ่วเยี่ย อู๋หยากล่าวว่า “ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะสังหารอู๋หยา แต่หากท่านไปหามู่เฉียนซีในสภาพเช่นนี้แล้วมันจะเป็นอย่างไร? ท่านจะไปฉีกนางออกเป็นช ชิ้น ๆ หรือจะไปทำลายนางอย่างนั้นหรือ? ถ้าฝ่าบาทหวังให้มันเป็นเช่นนั้นละก็ ข้าก็จะไม่ขัดขวางท่านเลย! อย่างไรเสียนั่นก็คือวิญญาณแห่งโชคชะตา! แม้ว่าข้าไม่อยากจะให้เป็นเช่นนี้ แต่ในเมื่อได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ก็ต้องรับของสำคัญบางอย่างมาเช่นกัน นอกจากนี้นางยังได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ ฉะนั้นถึงข้าจะพยายามทุกวิถีทางหรือใช้กลยุทธ์ที่ละเอียดถ ถี่ถ้วนเพื่อทำให้นางตาย แต่ข้าก็รู้ดีว่าการไปให้ถึงเป้าหมายนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย”
“ฝ่าบาท มันไม่ง่ายเลยที่ข้าจะฆ่านางได้ แต่ฝ่าบาทนั้นไม่เหมือนกัน หากฝ่าบาททำลายนาง ข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ใดในโลกนี้สามารถขัดขวางท่านได้แน่นอน”
หัวใจของจิ่วเยี่ยสั่นไหวเล็กน้อย และเขาก็พยายามใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งควบคุมคำสาปเอาไว้
แววตาคู่นั้นของอู๋หยาจ้องมองไปที่จิ่วเยี่ย เขากล่าวพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “สมแล้วที่เป็นฝ่าบาท เป็นถึงขนาดนี้แล้วแต่ยังสามารถควบคุมเอาไว้ได้ แต่ทว่าในตอนที่ท่ านได้เจอเหยื่อของท่าน มันก็คงจะไม่สามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป เนื่องจากว่าข้าใช้เลือดของนางมาสร้างผนึกนี้ ฉะนั้นร่างกายของนางก็จะยิ่งมีพลังในการดึงดูดฝ่าบาทมาก ขึ้นไปอีก”
ผนึกอันนี้ ได้ถูกอู๋หยาวางกลอุบายเอาไว้จริง ๆ ซึ่งมันก็ทำให้แววตาของจิ่วเยี่ยไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะมีเลือดของนางหรือไม่ แต่มู่เฉียนซีก็มีแรงดึงดูดที่รุนแรงต่อจิ่วเยี่ยที่จะทำคำสาปปะทุมากเกินพออยู่แล้ว
ฉะนั้นในสถานการณ์อันบ้าคลั่งที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่นนี้ มันย่อมต้องถูกกำหนดด้วยหัวใจและจิตวิญญาณของเขาเท่านั้น
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “อู๋หยา!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” อู๋หยาขานตอบจิ่วเยี่ยด้วยความเคารพ
“ข้าขอสั่งเจ้า ให้รีบระงับคำสาปของข้าเดี๋ยวนี้” คนผู้นี้ช่างน่ารังเกียจนัก ทว่าตอนนี้หากต้องการระงับคำสาปให้เร็วที่สุด ก็มีเพียงแต่ต้องให้เขาลงมือเท่านั้น
“ทางที่ดีเจ้าอย่าเล่นตุกติกจะดีกว่า!” จิ่วเยี่ยกล่าวเตือน
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!” แม้ว่าก่อนหน้านี้อู๋หยาจะวางกลอุบายเอาไว้เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีทางทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อจิ่วเยี่ยแน่นอน และคนที่เป็นเป้าหมายของเขาก็มีเพียงมู่เฉีย ยนซีเท่านั้น
อู๋หยาถอนหายใจ เรื่องการกำจัดมู่เฉียนซีสำหรับฝ่าบาทแล้วเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากหากฝ่าบาทเป็นคนลงมือ แต่ในเมื่อฝ่าบาทไม่ยอมทำ เช่นนั นเขาย่อมต้องเป็นคนจัดการแทนอยู่แล้ว
เขาเชื่อว่าเมื่อไรก็ตามที่ฝ่าบาทได้ประทับอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ ฝ่าบาทจะรับรู้ได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เขาทำเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และเขาก็คือผู้ติดตามที่มีความจงรั กภักดีต่อฝ่าบาทมากที่สุด
มู่เฉียนซีกำลังพุ่งทะยานออกไปกลางบึงสีโลหิต เมื่อนางได้ฟังการรายงานสถานการณ์ทางฝั่งจิ่วเยี่ยจากสุ่ยจิงอิ๋งแล้ว สีหน้าของนางก็มืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “พลังแห่งคำสาปไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว ผนึกที่ดูเหมือนว่าจะแน่นหนาของอู๋หยาไม่มีทางคลายง่าย ๆ แน่นอน หรือจะบอกว่าเขาสามารถควบคุมมันได้อย่างนั้น หรือ?”
ให้ตายเถอะ!
หากไม่มียาที่เหมาะสมไประงับพลังคำสาปของจิ่วเยี่ย พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องให้อู๋หยาเป็นคนลงมือ
ชายผู้นั้นได้วางแผนทุกอย่างทีละขั้นตอนมาเป็นอย่างดี และทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่นางจะกระทำในอนาคต
“ข้าจำเป็นต้องกลับไปเดี๋ยวนี้!”
นางต้องการกลับไปที่พระราชวังคุกโลหิต แม้ว่าสุ่ยจิงอิ๋งจะไม่มีหนทางส่งนางไป แต่นางก็ต้องการที่จะไปที่นั่นให้เร็วที่สุดอยู่ดี
แต่ทว่าหมอกของที่นี่เริ่มหนามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว และตอนนี้มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถหาทิศทางที่ถูกต้องได้
สวบ สวบ…
ในตอนนี้ มีร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา
“ช่างน่าสงสารจริง ๆ เจ้าหนีไม่รอดหรอก” ชายในชุดสีม่วงกล่าวพลางมองไปที่มู่เฉียนซี
“เป็นเจ้า!”
“ก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าอนุญาตให้เจ้าได้รู้ชื่อของข้าก็แล้วกัน คนที่จะฆ่าเจ้ามีชื่อเรียกว่าจื่อเวย” ริมฝีปากของเขาเปิดออกเล็กน้อย และจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาอย่ างรุนแรง
หลังจากนั้นคลื่นเสียงที่อยู่บริเวณโดยรอบก็เปลี่ยนกลายเป็นกระแสน้ำวน และมันพยายามเข้ามารัดคอของมู่เฉียนซีอย่างฉับพลัน
การโจมตีเช่นนี้ จะให้มู่เฉียนซีที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งสามารถหลบหลีกได้อย่างไร
ลำแสงสีฟ้าอ่อนห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ และการโจมตีด้วยคลื่นเสียงที่น่าสะพรึงกลัวนั้นก็ได้ถูกสุ่ยจิงอิ๋งสะท้อนออกไป!
ตูมมม โครมมม!
เสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมา
ทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบถูกทำลายล้าง ต้นไม้หายไปจนหมดสิ้น แม้แต่หมอกสีโลหิตก็กระจายหายไปด้วยเช่นกัน
สุ่ยจิงอิ๋งเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว!
เทพพยากรณ์เผ่าเทพผู้นั้นวางแผนการร้ายต่อซีเอ๋อร์ของพวกเขาขนาดนี้ เขาคิดว่าจะสามารถรังแกซีเอ๋อร์ของนางได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ? แม้ว่าตอนนี้นางจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีทาง งปล่อยคนผู้นี้ไปอย่างแน่นอน
ร่างเงาสีม่วงนั้นถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยพลังของตนเอง แต่มู่เฉียนซีกลับรู้ว่ามันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแน่นอน
และเป็นไปตามที่คาดไว้ ร่างสีม่วงร่างนั้นปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งราวกับวิญญาณก็มิปาน นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตาดินเผาสีม่วงที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่ในมือของเขาอีกด้วย
“สมกับที่เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่แข็งแกร่งที่สุดจริง ๆ การโจมตีของเจ้ายอดเยี่ยมมาก แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ได้ถูกท่านอู๋หยาคำนวณเอาไว้หมดแล้ว ท่านอู๋หยาช่างเป็นเท ทพเจ้าที่แท้จริง ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่รู้ ฉะนั้นเจ้าคิดว่าพลังที่น้อยนิดของเจ้า ที่อาศัยว่ามีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะสามารถตั้งตนเป็นศัตรูกับท่านอู๋หยาได้อย่างนั้นหรื อ? เจ้านี่ช่างไร้เดียงสาจริง ๆ! มีเพียงแค่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเช่นนี้ จะสามารถคุ้มครองเจ้าไปได้นานแค่ไหนกัน?” จื่อเวยจ้องมองไปทางมู่เฉี ยนซีอย่างสนุกสนาน
เจ้าอู๋หยานั่นจะรู้เรื่องไพ่ตายของนางมากเกินไปแล้ว เขาช่างเป็นคนที่รับมือได้ยากจริง ๆ
มู่เฉียนซีหมุนตัวกลับไป และหายไปต่อหน้าต่อตาจื่อเวยด้วยความรวดเร็ว
แต่ทว่าความเร็วของเขานั้นรวดเร็วมาก ซึ่งเร็วแทบจะเทียบเท่าคลื่นเสียงอยู่แล้ว นี่ลูกน้องแต่ละคนของอู๋หยาเป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไรกัน
จื่อเวยผู้นี้มีความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าทานหลางและหนุ่มน้อยชุดดำผู้นั้นเสียอีก ซึ่งมันเป็นความแข็งแกร่งที่วิปลาสมากจริง ๆ