ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2424 หนทางรอดอันน้อยนิด
ตูมมม!
จื่อเวยออกกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ท่านอู๋หยากล่าวไว้ว่า หากต้องการจัดการกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของสาวน้อยผู้นี้ ต้องใช้พลังในการโจมตีที่แข็งแกร่งท ที่สุดเท่านั้น
และไม่สามารถให้โอกาสนางได้แม้แต่น้อย มิเช่นนั้นอาจจะถูกนางฉวยโอกาสเอาได้
เพราะว่านางเป็นถึงจิตวิญญาณแห่งโชคชะตาเชียวนะ!
ตูมมม โครมม!
สุ่ยจิงอิ๋งได้สกัดกั้นการโจมตีที่รุนแรงนี้เพื่อมู่เฉียนซีอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีฟ้าปรากฏขึ้น หญิงสาวที่มีผมและดวงตาสีฟ้าคนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นมาเบื้องหน้าของจื่อเวย
ทุกสิ่งทุกอย่างทั่วทั้งมิติถูกตัดขาดออกมาจากกันอย่างกะทันหัน ซึ่งก็รวมไปถึงพื้นดินด้วย
พรวดดดด!
จื่อเวยได้รับบาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าจะเป็นเพียงผู้พิทักษ์นิรันดร์ที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยจริง ๆ
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าหนีไปก่อน!”
ตูมมม โครมมม!
สุ่ยจิงอิ๋งทำลายร่างของจื่อเวยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางก็ไม่รู้ว่าอู๋หยาได้เตรียมตุ๊กตาที่เอาไว้เป็นตัวตายตัวแทนให้เขามากน้อยเพียงใดอยู่ดี
ตุ๊กตาชนิดนี้เทียบเท่าชีวิตของจื่อเวยชีวิตหนึ่ง และสุ่ยจิงอิ๋งก็รู้ดีว่ามีเพียงการทำลายจิตวิญญาณของเขาเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้เขาหายไปอย่างสมบูรณ์ได้
ซึ่งก็ถือว่าเขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์คนหนึ่งเลยทีเดียว!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าหาเจอแล้ว”
มู่เฉียนซียังออกไปจากสถานที่ที่จื่อเวยและสุ่ยจิงอิ๋งต่อสู้กันได้ไม่นานเท่าไรนัก แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังขึ้นมา มันเป็นเสียงของหนุ่มน้อยชุดคลุมดำ ำคนนั้นนั่นเอง
และในขณะที่เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นมา ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ออกไปให้ห่างจากเจ้านายของข้า”
บนร่างกายของทานหลางมีบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากนี้แขนข้างหนึ่งของเขายังถูกทำให้พิการอีกด้วย และแม้จะได้รับบาดเจ็บขนาดนี้แต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย อีกทั งตอนนี้ยังมาขวางอยู่ข้างหน้ามู่เฉียนซีอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทานหลาง ข้าให้เจ้าเอายามาด้วยไม่ใช่หรือ? จงกินซะ กินเข้าไปให้หมด”
“ขอรับ นายท่าน!”
หลังจากที่กินยาไปแล้วมากมาย มันก็ทำให้อาการบาดเจ็บของทานหลางดีขึ้นมาบ้าง
ด้วยความรวดเร็วในการฟื้นตัวเช่นนี้ ทำให้คนในชุดดำนั้นชะงักงันไปทันที “น่าสนใจจริง ๆ นี่คือสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นมอบให้เจ้าอย่านั้นหรือ? ตอนที่ข้าฆ่านางแล้วของดี ๆ ที่อยู่ใน นตัวของนางเหล่านั้นก็จะเป็นของข้า”
ทางหลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำร้ายนายท่านได้แน่”
ปัง ปัง ปัง!
แม้ว่าจะมียาลูกกลอนเอาไว้รักษาอาการบาดเจ็บ แต่สำหรับทานหลางแล้วมันก็เป็นเรื่องยากที่จะพลิกสถานการณ์ได้อยู่ดี และเพราะหนุ่มน้อยในชุดดำผู้นั้นยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากข ขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ในตอนนี้ทานหลางถูกพิชิตลงได้แล้ว
และทานหลางในตอนนี้ก็ไร้กำลังในการสู้ต่อแล้ว!
ในบรรดาคนที่นางเคยเจอมาทั้งหมดสามคน คิดไม่ถึงว่าทานหลางจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด
และครั้งที่แล้วที่อู๋หยาส่งทานหลางมาให้นาง เกรงว่าน่าจะเป็นเพียงแค่การโยนหินถามทาง เพื่อทดสอบระดับความคิดของนาง และเพื่อเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการโจมตีครั้งนี้เท่านั้น
ซึ่งเขาก็เป็นเพียงแค่ตัวหมากที่ถูกเขี่ยทิ้งเท่านั้นเอง
ตึง!
ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของทานหลางถูกหนุ่มน้อยในชุดคลุมดำโจมตีจนลอยกะเด็นออกไป
บนร่างของหนุ่มน้อยในชุดคลุมดำเต็มไปด้วยเลือด เขาเลียมันเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้รสชาติเลือดของทานหลางไม่อร่อยยังไง ตอนนี้ก็ยังไม่อร่อยเหมือนเดิมเลย!”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าหญิงสาวผู้นี้แตกต่างออกไป เพราะเลือดของนางมีพลังแห่งชีวิตอยู่ด้วย ฉะนั้นมันน่าจะมีรสชาติที่อร่อยมากเลยทีเดียว! รอหลังจากที่ข้าปลิดชีวิตของเจ้าแล้ว ข้า ก็จะสามารถค่อย ๆ เพลิดเพลินไปกับมันได้”
มือที่ย้อมไปด้วยเลือดสด ๆ คู่นั้นต้องการที่จะทะลวงเข้าไปในหน้าอกของนาง แต่ทว่าเวลานี้สุ่ยจิงอิ๋งได้กลับมาแล้ว และทันใดนั้นพลังแห่งมิติที่น่าสะพรึงกลัว ก็ตรงเข้าไปตัดมือ อข้างหนึ่งของเขาอย่างกะทันหัน
พรวด!
ในเวลานี้เลือดสด ๆ พุ่งกระชูดออกมา และหนุ่มน้อยในชุดคลุมสีดำคนนั้นก็ถอยหลังออกไปหลายสิบก้าวเลยทีเดียว
“มันเจ็บจริง ๆ นะ!” หนุ่มน้อยในชุดคลุมสีดำผู้นั้นบ่นพึมพำออกมา
ถึงปากของเขาจะบอกว่าเจ็บ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงท่าทางเจ็บปวดออกมาแต่อย่างใด และดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ทันใดนั้นร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหนุ่มน้อยในชุดคลุมดำผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวว่า “พั่วจวิน เจ้าประมาทคู่ต่อสู้เกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะปล่อยให้โดนตั ดแขนไปข้างหนึ่งจนได้ ช่างน่าเวทนาจริง ๆ!”
“ก็แค่แขนข้างเดียวเท่านั้นเอง รอหลังจากที่ข้าทำภารกิจสำเร็จเมื่อไร ท่านอู๋หยาก็สามารถทำให้แขนของข้างอกยาวออกมาได้อย่างง่ายดายแล้ว” พั่วจวินคิดว่านี่เป็นเพียงแค่บาดแผล เล็กน้อยเท่านั้น และไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
จื่อเวยเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซี “ท่านอู๋หยาบอกว่าบนตัวของเจ้ามีเศษเสี้ยวของผู้พิทักษ์นิรันดร์อยู่เพียงสามชิ้นเท่านั้น ฉะนั้นผู้พิทักษ์นิรันดร์ย่อมสามารถใช้การป้องกันได้มากที่ สุดแค่เพียงสามครั้งเท่านั้น และตอนนี้การป้องกันทั้งสามครั้ง ก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว เจ้าตายแน่!”
บนใบหน้าของสุ่ยจิงอิ๋งที่ยืนอยู่ข้างหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อาศัยเพียงแค่มดปลวกอย่างพวกเจ้า คิดว่าจะมาฆ่าซีเอ๋อร์ของพวกข้าได้อย่างนั้นหรือ จงฝันไปเสียเถอะ! บางท ทีคราวนี้เจ้านายของเจ้าอาจจะคำนวนผิดพลาดก็ได้ แม้ซีจะมีหนทางรอดเพียงน้อยนิดก็ตาม”
ลำแสงสีฟ้าอ่อนได้ปกคลุมมู่เฉียนซีเอาไว้ คราวนี้ทำได้เพียงออกไปให้ไกลจากเจ้าพวกนี้ก่อน จากนั้นก็ค่อยส่งซีเอ๋อร์ไปยังสถานที่แห่งนั้น
มู่เฉียนซีได้หายตัวไปต่อหน้าต่อตาจื่อเวยและพั่วจวิน ซึ่งมันก็ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมากกว่าปกติ
“ท่านอู๋หยาบอกว่าสถานที่แห่งนี้ถูกเขาวางค่ายกลไว้ทั่วทุกบริเวณแล้วมิใช่หรือ ค่ายกลนั้นสามารถผนึกมิติแห่งนี้เอาไว้ได้ และมันก็ทำให้ผู้พิทักษ์นิรันดร์ไม่สามารถใช้มิติใ ในการเคลื่อนย้ายได้ นาง…เหตุใดนางถึงสามารถเคลื่อนย้ายมู่เฉียนซีไปได้กันล่ะ” พวกเขาไม่เชื่อว่าท่านอู๋หยาของพวกเขาจะผิดพลาดได้
พั่วจวินกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าที่นี่มีคุกนรกอยู่แห่งหนึ่ง! ชื่อว่าขุมนรกสีโลหิตที่อยู่ปลายสุดของบึงสีโลหิต และขุมนรกสีโลหิตนี้ก็ถือว่าไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของเขตต้องห้ามทา างตอนใต้สุด ฉะนั้นมันจึงไม่ได้อยู่ภายในขอบเขตของค่ายกลกักขังมิติของนายท่าน คิดไม่ถึงเลยว่าผู้พิทักษ์นิรันดร์จะทำให้มู่เฉียนซีหนีออกไปได้เพราะขุมนรกสีโลหิตแห่งนั้น”
จื่อเวยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ขุมนรกสีโลหิตอย่างนั้นหรือ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ผู้พิทักษ์นิรันดร์ยอมผลาญพลังของตนเองไปจนหมดแต่กลับส่งเจ้านายของตนเองไปในคุกนรกที่น่าสะพรึงกลัวนั่นอย่างน นั้นหรือ โดยปกติแล้วคนอื่นจะส่งคนที่ตนเองรังเกียจหรือเกลียดชังไปยังขุมนรกสีโลหิตแห่งนั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะถูกมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพของตนเองส่งไปยังสถานที่แห่ง นั้นได้ ดูเหมือนว่าน่าจะมีแค่นางเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ”
“สิ่งที่เรียกว่าหนทางรอดอันน้อยนิดนั้น ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นการทำให้เจ้านายของนางต้องตายอย่างน่าเวทยายิ่งขึ้นมากกว่าน่ะสิ!”
ขุมนรกสีโลหิต เป็นหนึ่งในคุกนรกที่อันตรายมากที่สุดของคุกโลหิตแล้ว นอกจากนี้มู่เฉียนซีก็เป็นเพียงแค่สาวน้อยที่อายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังมีความสามารถที่อ่อนแอ มาก ฉะนั้นหากเข้าไปยังสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวนั้น คงได้ถูกคนสูบเลือดสูบเนื้อจนแห้งอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นคงไม่เหลือแม้แต่โครงกระดูกอย่างแน่นอน
“ท่านอู๋หยาประเมินนางสูงเกินไปแล้ว ข้าคิดว่านางจะมีหนทางรอดแม้เพียงน้อยนิดอะไรนั่นจริง ๆ เสียอีก”
“นายท่าน!” ในเวลานี้ ทานหลางก็ได้ปีนป่ายขึ้นมา
จื่อเวยกล่าวว่า “สมกับที่เป็นหนึ่งในเจ็ดคนของพวกเราจริง ๆ ถึงจะเป็นเช่นนี้แล้วก็ยังไม่ตายอยู่ดี ข้าขี้เกียจเกินกว่าจะจัดการเจ้าแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ อีกต่อไ ไป พั่วจวินเจ้าฆ่าเขาซะเถอะ!”
พั่วจวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ!”
ในตอนที่พั่วจวินกำลังจะสังหารทานหลาง ก็มีความมืดมิดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน และพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็กดดันสัตว์ปีศาจที่อยู่ที่นี่เอาไว้
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก!”
มีเสียงที่เดือดดาลดังก้องออกมา และสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้ารอบบริเวณแห่งนี้
“ใต้เท้าจื่อโยว!”
ในตอนที่จิ่วเยี่ยถูกอู๋หยาควบคุมเอาไว้ ก็มีคำสั่งให้จื่อโยวเร่งมาที่นี่ทันที
เนื่องจากว่าไม่สามารถควบคุมคำสาปได้ เขาจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้ซี แต่เขาจะวางใจได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงให้จื่อโยวกลายเป็นร่างเดิมแล้วรีบออกมาตามหานางอย่างรวดเร็ว
ตูมมม โครมมม!
เสียงดังกึกก้องไปออกมา พลังของจื่อโยวระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ และกวาดไปทางจื่อเวยกับพั่วจวินทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งของจื่อโยว พวกเขาทั้งสองคนก็เลือกที่จะล่าถอย การที่จะต่อสู้กับร่างที่แท้จริงของใต้เท้าจื่อโยว มันไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดอย่างแน่นอน
พวกเขาหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เมื่อจื่อโยวไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของมู่เฉียนซีได้จากบริเวณโดยรอบ ภายในใจของเขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย และอาการบาดเจ็บของทานหลางก็ไม่ได้ทำให้เ เขาหมดลมหายใจ จื่อโยวจึงกล่าวถามเขาทันที “คนงามไปไหนแล้ว? คนงามล่ะ? ผู้พิทักษ์นิรันดร์ส่งนางออกไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”