ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2426 จื่อเวยและพั่วจวิน
มู่เฉียนซีพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด พลางคอยสังเกตสถานการณ์โดยรอบ และเนื่องจากว่าคุกโลหิตมีบันทึกที่เกี่ยวกับขุมนรกสีโลหิตน้อยมาก จึงทำให้ตอนนี้สิ่งแรกที นางต้องทำคือการเก็บรวบรวมข้อมูลของขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ นอกจากนี้ยังต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากขุมนรกสีโลหิตที่อันตรายแห่งนี้ด้วย
ก่อนอื่น นางต้องเจอใครสักคนก่อน!
แม้ว่านักโทษจะมีความโหดเหี้ยม ก็ยังดีกว่าก้อนหิน เพราะอย่างน้อยมันก็สามารถพูดได้
ในเมื่อไม่มีพลังวิญญาณ ความเร็วในการเดินทางย่อมต้องช้าลงอยู่แล้ว และเมื่อนางสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายของมนุษย์อยู่ข้างหน้า ความเร็วของนางก็ลดลงไปอีก
“ว่ะ ฮ่ะ ฮ่า! น้องชายช่างโชคดีจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาหนามโลหิตเจอด้วย พวกเรารวยแล้ว!” มีเสียงเอะอะของคนสองสามคนดังขึ้นมา
หนามโลหิตอย่างนั้นหรือ! เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย มู่เฉียนซีก็รีบตรงเข้าไปใกล้ ๆ อย่างเงียบเชียบ
หนามโลหิตที่นางเลี้ยงเอาไว้ในเมืองหนามโลหิตนั้นน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก และนางก็ยังไม่เคยเห็นหนามโลหิตจากที่อื่นมาก่อนเลย
คนกลุ่มนี้มีกันอยู่ประมาณสิบกว่าคน และพวกเขาก็กำลังห้อมล้อมหนามโลหิตที่มีกลิ่นอายที่อ่อนแอยิ่งกว่าหนามโลหิตที่อ่อนแอที่สุดในเมืองหนามโลหิตของนางเสียอีกเอาไว้
เจ้าสิ่งนี้อ่อนแอราวกับพืชกลายพันธุ์แรกเกิดก็มิปาน โชคดีที่หนามโลหิตของนางนั้นโหดเหี้ยม และยังพอมีพลังวิญญาณอยู่บ้าง
คนเหล่านี้ไม่มีพลังวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทำสำเร็จในทันที
แต่ทว่าพลังวิญญาณของมันก็อ่อนแอมากเกินไปจริง ๆ อีกฝ่ายมีตั้งสิบกว่าคน ฉะนั้นพลังวิญญาณของมันน่าจะต้องถูกผลาญไปจนหมดอย่างรวดเร็ว และถูกคนเหล่านี้ถอนรากออกไปได้อย่างแน่ นอน
นี่เป็นคนกลุ่มแรกที่นางได้เห็นในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ เมื่อเห็นพวกเขาต่อสู้กับหนามโลหิต มันก็ทำให้มู่เฉียนซีมีความเข้าใจในความสามารถของพวกเขาได้พอสมควร
ถึงทั้งสิบกว่าคนนี้จะโจมตีพร้อมกัน แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอยู่ดี
อย่างไรเสียนางก็มีความคุ้นเคยกับหนามโลหิตเป็นอย่างมาก และเมื่อมาเจอกับสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยในสถานที่ที่ไม่คุ้นชินเช่นนี้ นางย่อมไม่อยากให้มันถูกคนเหล่านี้รังแกอยู่แล ล้ว
แต่ทว่ามู่เฉียนซีไม่ได้ลงสนามต่อสู้ด้วยตนเอง แต่กลับมีเข็มยาขนาดเล็กเข็มหนึ่งพุ่งออกไป และปักลงไปบนรากที่เรียวบางของหนามโลหิตต้นนั้น
ทันใดนั้น พลังวิญญาณที่ใกล้จะแห้งเหือดของหนามโลหิต ก็เกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
มีคนหลายคนโชคร้ายถูกหนามโลหิตพันเอาไว้อย่างแน่นหนา ทว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดให้หลุดออกมาได้
พวกเขาประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพลังวิญญาณของเจ้าหมอนี่ใกล้จะหมดลงแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะยังฟื้นตัวได้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
หนามโลหิตรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณอันแข็งแกร่ง จากนั้นมันจึงมัดคนทั้งหมดเอาไว้ในคราวเดียว และพวกเขาก็ถูกมันทำให้ตื่นกลัวจนเกือบจะหมดสติไปเลยทีเดียว
นี่คือหนามโลหิต นี่คือหนามโลหิตเชียวนะ!
หากถูกมันจับได้ เช่นนั้นก็มีจุดจบอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการถูกมันดูดกินเลือดไปจนหมด และเมื่อพวกเขาตายร่างก็จะกลายเป็นปุ๋ยไปหล่อเลี้ยงมัน
พวกเขาพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง และยิ่งพวกเขาดิ้นรน หนามโลหิตก็ยิ่งรัดพวกเขาแน่นขึ้นไปอีก
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที พวกเขาได้ตายแน่
แต่ทว่าหนามโลหิตนี้เพียงแค่ทำให้ร่างกายของพวกเขาบาดเจ็บไปจนกระทั่งพิการเท่านั้น แต่กลับไม่มีความคิดที่จะดูดเลือดของพวกเขาเลย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนามโลหิตกัน?
มันไม่มีความอยากอาหารอย่างนั้นหรือ!
มู่เฉียนซีเองก็ค้นพบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน หนามโลหิตนี้เพียงแค่จัดการพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมเท่านั้น แต่กลับไม่ได้ดูดกินเลือดของพวกเขาแต่อย่างใด
เฉี่ยอี้เคยบอกนางว่า โดยปกติแล้วหนามโลหิตจะไม่สามารถต้านทานรสชาติเลือดของสิ่งมีชีวิตได้ ยิ่งหนามโลหิตมีระดับต่ำมากเท่าไรก็จะยิ่งเป็นเช่นนี้
แต่แน่นอนว่า หลังจากที่มู่เฉียนซีได้เสนอยาให้กับพวกมันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนามโลหิตระดับต่ำหรือว่าระดับสูง เมนูอาหารของพวกมันก็เปลี่ยนไปทันที
แต่ทว่าหนามโลหิตนี้กลับไม่ได้ถูกล่อลวงด้วยเลือดสด ๆ เหล่านั้น นอกจากนี้มันยังดูรังเกียจเลือดของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
ถึงหนามโลหิตของขุมนรกสีโลหิตจะมีความแตกต่างจากหนามโลหิตทั่วไปที่อยู่ข้างนอก แต่มันกลับเหมือนกับหนามโลหิตในเมืองของนางเป็นอย่างมาก ช่างเลือกกินเหมือนกันจริง ๆ!
แม้ว่าหนามโลหิตจะไม่ดูดกินเลือดสด ๆ ของพวกเขา แต่ก็ไม่ต้องการไว้ชีวิตพวกเขาด้วยเช่นกัน
เนื่องจากพืชกลายพันธุ์มีนิสัยที่ดุร้ายและกระหายเลือดอยู่แล้ว ฉะนั้นมันจึงไม่รู้จักคำว่าเมตตาและอดทนเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีไม่อยากให้มันฆ่าพวกเขาเหล่านี้ เพราะนางยังต้องการหาใครสักคนมาสอบสวนเสียก่อน! ด้วยเหตุนี้นางจึงได้เดินออกไปทันที
“มีคนมา!”
มีความยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา แต่ผลปรากฏว่าพวกเขาเห็นเพียงแค่สาวน้อยที่อ่อนแอมากคนหนึ่งเท่านั้น
ผิวพรรณของสาวน้อยผู้นี้ขาวราวหิมะ รูปร่างหน้าตางดงาม ดูแล้วเหมือนคุณหนูจากตระกูลขุนนางที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี เช่นนั้นนางมาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?
แม้แต่ชายชราอย่างพวกเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนามโลหิตนี้ ฉะนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงแม่นางน้อยที่ดูบอบบางเช่นนี้เลย
ถึงแม้ว่านางจะดูเหมือนอ่อนแอ แต่ก็ถือว่านี่เป็นทางรอดเดียวของพวกเขาแล้วเช่นกัน!
พวกเขาร้องตะโกนออกมาว่า “แม่นางช่วยข้าด้วย!”
“แม่นาง!”
แต่ทว่าคนของขุมนรกสีโลหิตโดยทั่วไปไม่ใช่คนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเลย
เพราะในสถานที่แห่งนี้ ทุกคนต่างเอาตัวเองแทบไม่รอดทั้งนั้น แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาคอยช่วยเหลือคนอื่นกัน? และหากช่วยไปแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกตอบแทนบุญคุณด้วยคว วามแค้นก็เป็นได้
แต่ว่านี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตพวกเขาได้แล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้
สุดท้ายพวกเขาค้นพบว่าแม่นางน้อยผู้นั้นมองมาที่พวกเขา หลังจากนั้นนางก็กล่าวว่า “เอาสิ!”
นางค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ซึ่งมันเป็นการเดินที่ช้ามาก ราวกับว่าหนามโลหิตที่อยู่เบื้องหน้านี้ไม่มีอันตรายเลยแม้แต่น้อยก็มิปาน
ตอนนี้พวกเขาเจ็บปวดจนใกล้ที่จะตายอยู่แล้ว และพวกเขาก็อยากจะตะโกนให้แม่นางน้อยผู้นี้ลงมือให้เร็วกว่านี้อีกสักหน่อย! มิเช่นนั้นพวกเขาได้ตายจริง ๆ เป็นแน่
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ในเวลานี้เอง หนามโลหิตก็ได้จู่โจมเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างกะทันหัน
ความจริงแล้วการโจมตีของพืชกลายพันธุ์ระดับหนึ่งดาวสำหรับพลังในการป้องกันทางกายภาพของมู่เฉียนซีแล้ว ไม่สามารถข่วนผิวหนังของนางได้เลยด้วยซ้ำ
อย่างไรเสียร่างกายของนางในตอนนี้ ก็มีเพียงผู้ที่มีความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง หรือมีความสามารถระดับเจ้าครองดินแดนระดับสูงขึ้นไปถึงจะสามารถทำอันตร รายนางได้
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
เดิมทีคนเหล่านี้คิดว่าจะต้องได้เห็นฉากนองเลือดอย่างแน่นอน แต่ทว่าความจริงกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“ผิวของแม่นางน้อยผู้นี้ทำมาจากอะไรกันแน่? แม้แต่หนามแหลมของหนามโลหิตยังไม่สามารถทะลุผ่านได้เลย ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!”
“นี่พวกเราได้รับการช่วยเหลือแล้วใช่หรือไม่?”
ถึงแม้ว่าหนามโลหิตจะไม่สามารถทำอันตรายมู่เฉียนซีได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นกัน
มันยังคงลงมือต่อไป และมันก็โจมตีไปยังส่วนที่เปราะบางที่สุดของมนุษย์โดยเฉพาะอีกด้วย
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะเป็นคนที่ชาญฉลาดเช่นนี้”
นางเคยเจอหนามโลหิตมาไม่น้อยเช่นกัน แต่นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหนามโลหิตที่แม้จะมีระดับไม่ถึงหนึ่งดาวแต่กลับมีสติปัญญามากเช่นนี้ได้
หลังจากที่ชมเชยแล้ว มู่เฉียนซีก็บิดหนามโลหิตนี้จนกลายเป็นเกลียวอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
ความรวดเร็วในการลงมือ ทำให้คนเหล่านี้อ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง
สาวน้อยที่ดูเหมือนจะอ่อนแอมากผู้นี้ เป็นยอดฝีมืออย่างนั้นสินะ! ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
หลังจากที่มู่เฉียนซีตบอย่างแผ่วเบา คนที่ถูกเถาวัลย์มัดเอาไว้ทั้งหมดก็หลุดออกมาทันที
ตึง ตึง ตึง!
และพวกเขาแต่ละคนก็ร่วงหล่นลงมาบนพื้นอย่างแรง
พวกเขากล่าวด้วยความซาบซึ้งในพระคุณว่า “ขอบคุณแม่นางมากที่ลงมือช่วยเหลือ!”
“ขอบคุณแม่นางที่ลงมือช่วยเหลือ!”
ที่ขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ พวกเขาไม่เคยเจอกับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มาก่อนเลย
ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามเช่นนี้ อาจจะทำให้คนมีความคิดที่ชั่วร้ายต่อนางได้ แต่หลังจากที่รู้ถึงฝีมือของนางแล้ว พวกเขาจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร?
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ที่นี่คือขุมนรกสีโลหิตอย่างนั้นหรือ?”
พวกเขาผงะไปครู่หนึ่ง แม่นางน้อยผู้นี้ไม่รู้ด้วยซ้ำหรือว่าที่นี่คือขุมนรกสีโลหิต?
“ใช่แล้ว! ที่นี่ก็คือขุมนรกสีโลหิต! นี่แม่นางเพิ่งมาถึงขุมนรกสีโลหิตอย่างนั้นหรือ?”
“ผู้ใดเป็นคนที่ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้กันแน่ แม้แต่แม่นางที่งดงามและมีเมตตาเช่นเจ้ายังถูกจับโยนมาที่ขุมนรกสีโลหิตได้ ช่างเป็นคนที่ไร้คุณธรรมจริง ๆ เลย!” คนเหล่านี้กล่าวข ขึ้นมาอย่างแค้นเคือง