ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2427 เจ้าแห่งคุกสีโลหิต
คนใหม่ที่เข้ามาในขุมนรกสีโลหิตมักจะถูกส่งไปยังสถานที่ที่กำหนดเอาไว้ แต่ก็มีคนพิเศษบางคน ที่ถูกโยนไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามใจชอบ
คนที่มีความสามารถเช่นนี้ หากถูกส่งไปตามพื้นที่หลักต่าง ๆ จะต้องกลายเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมืออย่างแน่นอน
แต่โดยทั่วไปแล้วคงไม่มีใครโยนหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มาในคุกนรกแบบนี้ได้หรอก อย่างไรเสียการที่มีใบหน้าที่งดงามเช่นนี้ ควรจะถูกส่งไปยังสถานที่อื่นที่สูงส่งมากกว่านี้มิใช่หรือ ?
คิดไม่ถึงเลยว่าจะส่งนางมาที่ขุมนรกสีโลหิตเช่นนี้ ช่างเป็นการทำลายของล้ำค่าโดยใช่เหตุจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวยอมรับว่า “ใช่แล้ว! ข้าเพิ่งจะมาถึงที่ขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ และตอนนี้ข้าก็ต้องการที่จะเข้าใจสถานการณ์สักหน่อย ฉะนั้นจงบอกสิ่งที่เจ้ารู้ทั้งหมดให้ข้าฟังหน่อยสิ! !”
คนทั่วไปที่ถูกโยนมายังขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้มักจะตื่นตระหนกและสิ้นหวัง ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้เห็นคนที่สงบถึงเพียงนี้
ดูเหมือนว่าคุณหนูน้อยผู้นี้จะมีความสามารถที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาวางแผนการบางอย่างอยู่ภายในใจ
เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยแผนการร้ายของพวกเขา แววตาของมู่เฉียนซีก็ฉายแววเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที “แน่นอนว่า พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะโกหกข้าได้ แต่ราคาที่ต้องจ่ายหากหลอกข้า าก็สาหัสเช่นกัน ฉะนั้นข้าถือว่าข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว!”
เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดว่าแม่นางน้อยผู้นี้ไร้เดียงสาและสามารถหลอกลวงได้ง่าย แต่สุดท้ายเมื่อได้ยินคำพูดนี้มันกลับทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนขนลุกขนพองเลยทีเดียว
หลังจากพลังที่ถูกระงับเอาไว้ระเบิดออกมา มันก็ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกราวกับว่าได้เจอเจ้านายแห่งขุมนรกสีโลหิตที่มีความสามารถอันแข็งแกร่งผู้นั้นก็มิปาน
มีเพียงผู้ที่อยู่เหนือกว่าเท่านั้นที่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้ตามใจชอบ และสามารถมีแรงกดดันอันแข็งแกร่งเช่นนี้ได้
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะปิดบังอีกแล้ว และพวกเขาก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ของขุมนรกสีโลหิตให้นางฟังทั้งหมด
ขนาดของขุมนรกสีโลหิตเล็กกว่าคุกโลหิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทว่าพื้นที่แห่งนี้กลับมีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่อื่น ๆ เป็นอย่างมาก และนอกจากนี้ขุมนรกสีโลหิตก็มีชั้นรวมกันทั้งหมดสิบ แปดชั้นอีกด้วย
และตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ ก็คือขอบเขตชั้นที่หนึ่งของคุกนั่นเอง
และสิ่งที่แตกต่างจากคุกนรกทั่วไปที่มีผู้คนคอยช่วยดูแลก็คือ ที่ขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้มีเจ้านายเพียงคนเดียวเท่านั้น และเจ้านายผู้นั้นก็ถูกเรียกว่าเจ้าโลหิต ซึ่งเขามีความสามาร รถที่ลึกเกินจะหยั่งถึงได้
หลังจากที่เข้ามาในขุมนรกสีโลหิตแล้ว พวกเขาก็ทำได้เพียงพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ นอกจากท่านเจ้าโลหิตจะลงมือ ก็ไม่มีผู้ใดสามารถออกไปจากที่นี่ได้ และสุดท้ายก็จะกลายเป็นนักโทษของที่นี่ตลอดไป
การมีอยู่ของขุมนรกสีโลหิตนั้นมีมานานหลายปีแล้ว แน่นอนว่าย่อมมีคนมากมายที่อยากจะออกไปจากขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ ฉะนั้นพวกเขาจึงพยายามปีนป่ายขึ้นไปเพราะต้องการให้ท่านเจ้าโลหิต ส่งพวกเขาออกไป แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดทำสำเร็จมาก่อนเลย
“เมื่อหลายพันปีก่อนมีผู้ที่เก่งกาจคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้พบกับเจ้าโลหิต แต่เขาก็ล้มเหลวเช่นกัน และยังได้ยินมาอีกด้วยว่าท่านเจ้าโลหิตแสดงความเมตตาด้วยการไม่สังหารเขา แต่กลับ เขาขังเอาไว้”
“ได้ยินมาว่าคนผู้นั้นคือพืชกลายพันธุ์ เขาดูงดงามมากเมื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ ฉะนั้นท่านเจ้าโลหิตจึงได้ต้องการให้เขามาเป็นสนมชายของตนเองมาโดยตลอด”
“……”
พวกเขาไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริงมากเท่าไรนัก แต่หากเป็นเรื่องซุบซิบนินทาเหล่านี้พวกเขาสามารถพูดได้อย่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ไม่รู้ว่าหนามโลหิตที่ถูกมู่เฉียนซีบิดจนกลายเป็นเกลียวสามารถดิ้นรนจนหลุดออกมาจากพันธนาการได้ตั้งแต่เมื่อไร และทันใดนั้นมันได้ฟาดไปทางพวกเขา และเฆี่ยนตีอย่างโหดเหี้ยมทันที !
“อ๊ากกก!” มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาทันที และหลังของพวกเขาในตอนนี้ก็แดงฉานไปด้วยเลือดแล้ว
แม้ว่าหนามโลหิตนี้จะยังเด็กนัก แต่มันก็ลงมือได้โหดเหี้ยมอย่างไม่ธรรมดาเลย!
แต่ทว่าในตอนที่หนามโลหิตฟาดไปบนร่างกายของมู่เฉียนซี มันก็ทำได้เพียงทำให้เสื้อผ้าของมู่เฉียนซีฉีกขาดเท่านั้น
“นายท่าน ช่วยด้วย!” พวกเขาถูกทำให้ตกใจกลัวจนโง่เง่าไปแล้ว
พวกเขาค้นพบว่าหนามโลหิตนี้เลื่อนขั้นได้อย่างคาดไม่ถึง มันเลื่อนขั้นจากไม่มีระดับดาวใด ๆ เลยมาเป็นระดับหนึ่งดาวแล้ว
ไม่ใช่ว่าพืชกลายพันธุ์เลื่อนขั้นได้ช้ามากอย่างนั้นหรือ เหตุใดมันถึงรวดเร็วขนาดนี้ได้กันล่ะ?
มู่เฉียนซีสลัดเจ้าหมอนี่จนลอยกระเด็นออกไป “เจ้าอย่ามาเกะกะสิ ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะถามอยู่อีกนะ!”
ตึง!
หลังจากนั้นหนามโลหิตนั้นก็ถูกสลัดจนลอยกระเด็นออกไป
หนามโลหิตนี้ตอนที่ยังไม่ได้เลื่อนขั้นดูค่อนข้างฉลาดเล็กน้อย ฉะนั้นตอนนี้ที่มันมีระดับหนึ่งดาวแล้วย่อมต้องฉลาดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว
มันตระหนักได้ทันทีว่ามนุษย์ผู้นี้ ไม่ใช่คนที่มันสามารถจะเป็นคู่ต่อสู้ได้ ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงรออยู่เฉย ๆ ที่ด้านหนึ่งอย่างขุ่นเคืองสุด ๆ
มู่เฉียนซีมองไปยังคนที่ได้รับความเจ็บปวดจนหน้าซีดเผือดเหล่านั้นพลางกล่าวว่า “พูดต่อสิ!”
“ขอรับ!”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็สามารถยืนยันได้หลายเรื่อง นั่นก็คือนักโทษที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดไม่มีพลังวิญญาณ และตราบใดที่พวกเขาแข็งแกร่งก็จะสามารถจัดการคนที่ขวางหูขวางตาได้
เมื่อถูกโยนมาในขุมนรกสีโลหิตแล้วก็ไม่ได้มีของดีอะไรมากนัก ดังนั้นการเข่นฆ่าของที่นี่จึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก ซึ่งผู้ที่อ่อนแอก็จะต้องกลายมาเป็นอาหารของผู้ที่แข็งแกร่ง
นางรู้ว่า ก่อนอื่นนางจะต้องรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนเองให้รอดในสภาพแวดล้อมที่นองเลือดเช่นนี้ให้ได้
คนเหล่านี้ถือว่าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดของขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ ฉะนั้นความสามารถของนางจึงสามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ แต่สำหรับศัตรูคนอื่น ๆ ของขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้มู่เ เฉียนซีก็ไม่อาจชะล่าใจได้เช่นกัน
แน่นอนว่าที่นี่จะต้องมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ และต้องมีคนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายมาเหมือนกัน หรืออาจจะมีแม้กระทั่งลูกน้องของอู๋หยาด้วย ซึ่งต้องยากที่จะรับมือได้ อย่างแน่นอน
หลังจากที่ยืนยันได้ว่าสามารถปกป้องชีวิตของตนเองได้แล้ว นางค่อยคิดหาทางออกไป
และทางออกเดียวที่จะออกไปได้ ก็คือเจ้าโลหิตนั่นเอง!
เจ้าโลหิตคือเจ้านายของขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ นอกจากนี้เขายังมีพลังวิญญาณ และระดับของเขาก็น่าจะเป็นใต้เท้าระดับสูงเป็นอย่างน้อย หรืออาจจะเป็นถึงระดับอ๋องได้เลยด้วยซ้ำ
อย่าว่าแต่ตอนที่นางไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้เลย เพราะแม้ว่าตอนที่นางสามารถใช้พลังวิญญาณได้ แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดอย่างนางก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีพลังใน นการต่อสู้เลยแม้แต่น้อยอยู่ดี
นอกจากนี้ที่นี่ไม่เพียงแต่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้เท่านั้น แต่แม้กระทั่งสัตว์พันธสัญญาก็ไม่สามารถเรียกออกมาจากมิติพันธสัญญาได้ ฉะนั้นนางก็ทำได้เพียงต่อสู้อยู่ที่นี่เพียงลำพั ง
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางคนเหล่านั้นแล้วถามว่า “พวกเจ้าจะจับพืชกลายพันธุ์นี้ไปทำอะไรกัน? พวกเจ้าคิดว่าเจ้าตัวนี้สามารถกินได้ หรือเพิ่มพลังได้อย่างนั้นหรือ?”
พวกเขากล่าวตอบว่า “สภาพแวดล้อมของคุกสีเลือดแห่งนี้ ได้ถูกกำหนดไว้ให้พืชกลายพันธุ์มีชีวิตรอดได้ยาก แต่มันเป็นพืชกลายพันธุ์ที่เกิดและเติบโตที่นี่ ฉะนั้นจึงไม่ต้องรับข้อจำกัด ดของที่นี่ พวกมันสามารถใช้พลังวิญญาณได้ และเนื่องจากพวกเราไม่สามารถจัดการกับพืชกลายพันธุ์ระดับสูงได้ แต่พวกเราก็ยังพอสามารถจัดการกับพืชกลายพันธุ์ชนิดนี้ได้ ดังนั้นไม่ว่า จะเป็นการเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นด้วยตนเองเพื่อเป็นพลังที่คอยช่วยเหลือพวกเรา หรือบุกทะลวงไปทั่วทุกทิศทางเพื่อพวกเรา นอกจากนี้ยังสามารถนำไปขายให้กับคนที่มีอำนาจบางคนได้อีกด้ วย ซึ่งแน่นนอนว่ามันจะต้องขายได้ราคาสูงเป็นแน่”
แววตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้นมาทันที “หากสามารถเลี้ยงพืชกลายพันธุ์นี้ไปจนถึงจุดสูงสุดได้ ก็จะสามารถจัดการเจ้าโลหิตได้ด้วยใช่หรือไม่?”
“คำพูดเช่นนี้อย่าได้พูดส่งเดชไป เจ้าโลหิตแข็งแกร่งระดับไหน เกรงว่าแม้แต่พืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดก็ไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้อยู่ดี เพียงแต่หากมีพืชกลายพันธุ์ระดับสูงสุดแล้วละ ก็ การเดินไปทั่วขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้คงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะคงไม่มีใครกล้ามารังแกเจ้าแน่! และแม้ว่าจะเป็นผู้คุมเหล่านั้น ก็น่าจะมาประจบประแจงเจ้าด้วยเช่นกัน!” พวกเขากล่าวต ตอบ
เดิมทีนางคิดว่าหากจะรับมือกับเจ้าโลหิต ก็ทำได้เพียงแสดงความสามารถทางด้านการกลั่นยา เพื่อทำให้เขาเห็นถึงความสำคัญของนาง แต่ทว่ามันเป็นทางเลือกที่อันตรายอย่างไม่ต้องสงสัยเล ลย เพราะนางไม่มีความสามารถพอที่จะเจรจากับเจ้าโลหิตได้
หลังจากที่แสดงทักษะการกลั่นยาที่เหนือธรรมชาติออกมา ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำให้เขาปล่อยนางออกไปจากขุมนรกสีโลหิตนี้ได้แล้ว แต่เกรงว่าน่าจะถูกเขาขังเอาไว้ที่นี่ตลอดไปอีกด้วย ย
ที่นี่คือสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งจะได้รับการเคารพ ฉะนั้นนางจะต้องมีความแข็งแกร่งไว้พึ่งพา
นางไม่มีหนทางที่จะยกระดับความสามารถของตนเองให้สูงขึ้นได้ในเวลาอันสั้นโดยไม่ทำลายรากฐานของตนเองได้ แต่หากเป็นพืชกลายพันธุ์ นางสามารถลองทำดูได้!
แววตาของมู่เฉียนซีจ้องมองไปที่หนามโลหิตนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้น้อยมากในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้
หากต้องไปค้นหาพืชกลายพันธุ์ใหม่อีก ก็ดูเหมือนว่าจะเสียเวลามากเกินไป ถึงมันจะมีระดับต่ำเกินไปหน่อยก็ไม่เป็นไร
นอกจากนี้หนามโลหิตก็ยังเป็นพืชกลายพันธุ์ที่นางมีความเข้าใจมากที่สุด และหากต้องการที่จะช่วยมันยกระดับก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางเลย
มู่เฉียนซีเดินไปทางหนามโลหิตนั้นแล้วกล่าวว่า “เจ้ายอมที่จะติดตามข้าหรือไม่?”