ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2429 เชื่อในเจ้าเมือง
เรื่องการหายไปของมู่เฉียนซี ก็ทำให้อวิ๋นจื่อแห่งเมืองเหลียนตื่นตกใจเช่นกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเฉี่ยเอ้อร์ สีหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที และเขาก็รู้ว่าอู๋หยาเป็นคนลงมืออีกแล้ว
เขาเป็นถึงเทพพยากรณ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่ง แต่กลับชอบหาเรื่องมู่เฉียนซีเสียอย่างนั้น
เขายอมรับว่าพรสวรรค์ของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งมาก นอกจากนี้ยังเป็นถึงเจ้านายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างหม้อเทพนิรันดร์อีกด้วย แต่ถึงสถานะของนางจะไม่ธรรมดา มันก็ไม่คุ้มค่าพอให้ท่านอู๋หยามาบีบบังคับกันถึงขนาดนี้มิใช่หรือ!
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่มีหนทางช่วยเหลือเช่นกัน แต่ข้าสามารถทำให้เขาคงสภาพเหมือนตาย และแช่แข็งเขาเอาไว้ก่อนได้!”
“ที่ข้าเองก็มียาแสร้งตายอยู่เหมือน!” เฉี่ยซื่อกล่าว
“นายท่านกล่าวว่า ให้ใช้ยานี้เมื่อมีคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงจุดที่ไม่สามารถรักษาได้”
“เช่นนั้นก็ใช้มันซะเถอะ! ยาแสร้งตายของนางน่าจะใช้ได้ผลดีกว่าของข้ามากนัก”
ถึงเฉี่ยซื่อจะไม่ชอบทานหลาง แต่อย่างไรเสียเขาก็ถือว่าเป็นลูกน้องของนายท่าน ฉะนั้นจะปล่อยให้เขาตายจนทำให้นายท่านผิดหวังไม่ได้
“ขุมนรกสีโลหิตอย่างนั้นหรือ!” สีหน้าของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนเป็นแย่มากขึ้นทันที
เพราะมู่เฉียนซีเป็นคนที่มอบชีวิตใหม่ให้เขา ฉะนั้นเขาย่อมไม่อยากให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนางอยู่แล้ว
อวิ๋นจื่อจ้องมองไปยังพวกเขาที่กำลังเป็นกังวลอยู่ทีละคน แล้วกล่าวว่า “นางจะต้องไม่เป็นอะไร! ถือซะว่านางออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ก็พอแล้ว ขนาดข้าที่เป็นคนนอกเมืองหนามโลหิตยังเชื่อว่านางจะสามารถออกมาจากขุมนรกสีโลหิตได้เลย แล้วพวกเจ้าจะไม่เชื่อในตัวเจ้าเมืองของตนเองเลยอย่างนั้นหรือ?”
ขุมนรกสีโลหิตมีความน่าสะพรึงกลัวเพียงใด คนของคุกโลหิตต่างรู้กันเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่พวกเขารู้ดียิ่งกว่านั่นก็คือเรื่องที่เจ้าเมืองของพวกเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ อีกทั้งยังสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้อีกด้วย
ท่านเจ้าเมืองของพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ฉะนั้นพวกเขาจึงเชื่ออยู่เสมอว่า แม้จะเป็นขุมนรกสีโลหิตก็ไม่อาจที่จะกักขังท่านเจ้าเมืองของพวกเขาเอาไว้ได้อยู่ดี
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “คำสั่งของนางก่อนออกไปหาประสบการณ์ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร พวกเจ้าก็ทำอย่างนั้นเถอะ ก่อนที่นางจะกลับมาข้าสามารถดูแลเมืองหนามโลหิตแทนนางได้ หากมีกองกำลังใดมาหาเรื่องพวกเจ้า ข้าจะเป็นคนจัดการให้เอง”
ตอนนี้อวิ๋นจื่อฟื้นตัวแล้ว ฉะนั้นคนที่ต่ำกว่าระดับอ๋องล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
ในเมื่อมีเขาคอยดูแลเมืองหนามโลหิต ถึงแม้ว่าจะมีกองกำลังที่อยากจะโจมตีเมืองหนามโลหิต แต่พวกเขาก็ย่อมไม่กล้าลงมืออย่างแน่นอน
ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเมืองเหลียนกับเจ้าเมืองหนามโลหิตดีจนกลายเป็นเช่นนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
กองกำลังของมู่เฉียนซีไม่ได้รับผลกระทบเพราะการหายตัวไปของนาง และยังคงพัฒนาต่อไปอย่างเป็นปกติ ส่วนจื่อโยวก็เป็นคนควบคุมคุกโลหิตแทน
อย่างที่รู้กันว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยมักจะหายตัวไปยังสถานที่ที่ไม่อาจรู้ได้ทุก ๆ สองสามวัน ฉะนั้นคนที่ควบคุมคุกโลหิตทั้งหมดก็จะมีเพียงใต้เท้าจื่อโยวคนเดียวเท่านั้น
คนของคุกมืดและคุกวิญญาณเริ่มทำการเคลื่อนไหวก่อการร้ายแล้ว อีกทั้งอาการบาดเจ็บของอ๋องทั้งสองก็รักษาหายแล้วด้วย ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเอาแต่นึกถึงหอคอยจำลองนั้นอยู่มิคลาย
แม้ว่ามันจะไม่ใช่หอคอยนิรันดร์ที่สมบูรณ์ แต่พวกมันก็มีพลังของหอคอยนิรันดร์อยู่ส่วนหนึ่งเช่นกัน อีกทั้งมันยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย ฉะนั้นพวกเขาย่อมอยากได้มันมาครอบครองแน่นอนอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคุกนรกจึงส่งคนจำนวนมากลอบเข้ามาในเมืองเทพสังหาร เพื่อต้องการค้นหาสถานที่ที่อ๋องจิ่วเยี่ยซ่อนพระชายาเอาไว้
แต่ดูเหมือนว่าพระชายาผู้นี้จะหายไปในความว่างเปล่าอย่างไรอย่างนั้น นอกจากจะหาคนไม่เจอแล้ว ยังถูกคนของจื่อโยวจับตัวเอาไว้ได้อีกด้วย “พวกเจ้ากำลังหาอะไรอยู่กันแน่?”
“จื่อ…จื่อ…”
สีหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนไปทันที “ช่วยด้วย!”
พวกเขาพูดสารภาพออกมาว่ากำลังต้องการตามหาพระชายาแห่งคุกโลหิตที่ครอบครองหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ผู้นั้นโดยไม่ต้องบังคับ และเมื่อคนเหล่านี้เอ่ยถึงมู่เฉียนซี สีหน้าของจื่อโยวก็เปลี่ยนเป็นมืดมนมากในทันที
“ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!”
การที่ต้องมาจัดการเรื่องของคุกโลหิตทำให้จื่อโยวหงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว เผ่าเทพมีวิธีการมากมาย และวิธีการของเทพพยากรณ์แห่งเผ่าเทพผู้นี้ก็ยิ่งทำให้เขาคาดเดาไม่ได้ ซึ่งมันก็ทำให้เขาไม่มีหนทางที่จะช่วยเหลือเยี่ยและคนงามได้เลยแม้แต่น้อย!
ในเวลานี้คุกวิญญาณและคุกมืดยังหันกระบอกปืนมาโจมตีพวกเขาอีก ฉะนั้นจื่อโยวจึงรุดหน้าไปที่คุกมืดและคุกวิญญาณเพื่อเอาชนะอ๋องทั้งสองคนนั้นในทันที
แม้ว่าความสามารถของเขายากที่จะฆ่าอ๋องคนหนึ่งได้ แต่ก็สามารถทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บและจนตรอกได้อย่างง่ายดาย
คนในแดนนรกต่างก็รู้ดีว่าใต้เท้าจื่อโยวเป็นคนที่อ๋องจิ่วเยี่ยวางใจมากที่สุด เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงแค่ใต้เท้าระดับสูงที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีพลังมากพอที่จะต่อต้านคนที่มีความสามารถเทียบเท่าระดับอ๋องได้
คนของคุกโลหิตที่เคยทำให้จื่อโยวขุ่นเคืองใจก่อนหน้านี้ล้วนรู้สึกเสียววาบขึ้นมาที่ต้นคอทันที และหลังจากนั้นจื่อโยวก็กล่าวเตือนพวกเขาว่า “เมื่อไรที่ข้ามีเวลา ข้าจะมาต่อสู้กับพวกเจ้าเอง แต่หากพวกเจ้าไม่ต้องการให้ข้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้แล้วละก็ เช่นนั้นก็จงทุ่มเทกำลังทั้งหมดของพวกเจ้าไปเสาะหาข้อมูลมาให้ข้า ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถเข้าไปในขุมนรกสีโลหิตได้ พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่?”
“หากเมื่อไรที่พวกเจ้าหาเจอ ข้าก็ย่อมไม่มาจัดการพวกเจ้าแน่นอน!”
โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย ว่าใต้เท้าจื่อโยวจะหาข้อมูลเรื่องขุมนรกสีโลหิตไปทำไมกัน?
สถานที่เช่นนั้น แม้แต่ระดับอ๋องก็ยังไม่อยากจะเข้าไป และถึงแม้ว่าจะสามารถเข้าไปได้ แต่จะมีใครยอมเข้าไปในสถานที่เช่นนั้นกันล่ะ?
“วางใจเถอะ พวกเราจะต้องหาข้อมูลดี ๆ มาให้ท่านได้อย่างแน่นอน” ในเมื่อพวกเขาไม่อยากให้สัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวนี้มาก่อกวน พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่รับปากและช่วยจื่อโยวจัดการเรื่องนี้เท่านั้น
มู่เฉียนซีก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า จะมีคนมาพบนางในวันรุ่งขึ้น “แม่นางมู่ ท่านจางของพวกเราให้มาเชิญท่านขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านจางของพวกเจ้าเป็นใครกัน? ข้าไม่รู้จัก”
“ท่านจางของพวกเราเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาเขตแห่งนี้ เขาต้องการเชิญแม่นางมู่ไปพูดคุย ดังนั้นแม่นางมู่โปรดให้ความร่วมมือด้วยขอรับ”
“คนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาเขตนี้ ยิ่งใหญ่ขนาดไหนถึงจะให้ข้าไปพบเขาด้วยตนเอง หากเขาอยากจะพบข้า ก็ให้เขามาด้วยตนเองเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ช่างปากดีจริง ๆ นะ! แม่นางน้อย เจ้าคิดว่าเจ้ายังอยู่ข้างนอกหรืออย่างไร คิดว่าเจ้าในตอนนี้ยังเป็นคุณหนูใหญ่ที่มีคนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่อย่างนั้นหรือ? ที่นี่คือขุมนรกสีโลหิต มันไม่สำคัญหรอกว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะมีภูมิหลังครอบครัวเป็นอย่างไร หรือมีสถานะไหน! เพราะที่นี่มีเพียงระดับความแข็งแกร่งเท่านั้น ทางที่ดีเจ้ารู้จักที่จะปรับตัวหน่อยดีกว่านะ”
ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นยะเยือกออกมาทันที “คนที่ต้องรู้จักปรับตัวน่าจะเป็นพวกเจ้ามากกว่านะ!”
พวกเขาไม่ทันได้เห็นการเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีได้อย่างชัดเจน ก็ถูกโจมตีจนลอยละลิ่วออกไปเสียแล้ว
ตึง ตึง ตึง!
พวกเขาล้มกระแทกลงไปบนพื้นทีละคน ซึ่งพวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีพลังวิญญาณ แม่นางน้อยที่งดงามและไร้เหตุผลผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
โดยปกติแล้วคนที่เพิ่งมาถึงขุมนรกสีโลหิต จะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับภาพลวงตาที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ และจะถูกคนที่อยู่มาก่อนอย่างพวกเขาทรมาน
แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากลับถูกทรมานเสียเอง!
“แม่สาวน้อยผู้นี้ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยทีเดียว พวกเรารีบไปแจ้งท่านจางกันเถอะ!”
ในตอนที่ท่านจางรุดมาถึง มู่เฉียนซีก็กำลังดื่มชาอยู่อย่างสบายอกสบายใจพอดี
เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “แม่สาวน้อยนี่ช่างหน้าตางดงามมากจริง ๆ เจ้าหนูพวกนั้นไม่ได้หลอกข้าสินะ! ตามข้ามาเถอะ! ข้าเองก็ไม่อยากหยาบคายกับสาวงามเช่นเจ้าเหมือนกัน”
มู่เฉียนซีมองหน้าเขาแล้วกล่าวว่า “ตามเจ้าไปหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”
นางหยิบถ้วยชาถ้วยนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ขว้างไปทางเขา
ท่านจางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าคนงามอย่างเจ้าก็เป็นคนที่ดื้อรั้นเหมือนกันสินะ เช่นนั้นข้าจะใช้ความแข็งแกร่งของข้าพิชิตเจ้าก็แล้วกัน!”
มือทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บ และพุ่งเข้าจู่โจมมู่เฉียนซีทันที
นี่เป็นเพียงการโจมตีที่อาศัยเพียงแค่กำลัง และไม่มีทักษะเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งการเคลื่อนไหวของเขายังช้ามาก จนมู่เฉียนซีไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิดเดียวอีกด้วย
ทันใดนั้นมือของมู่เฉียนซีก็กลายเป็นใบมีด และตรงเข้าไปแทงตรงจุดตายบนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากว่าคนเหล่านี้ไม่มีพลังวิญญาณเป็นเกาะป้องกัน ฉะนั้นเมื่อถูกทำร้ายตรงจุดสำคัญ มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสได้เลยทีเดียว
.
.