ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2433 มันคือเพศผู้
นางได้รับบาดเจ็บจนสภาพจะไม่เหมือนคนอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายเช่นนี้ได้อีก สมองของมนุษย์ผู้นี้มีปัญหาไปแล้วหรืออย่างไร!
มันเห็นมู่เฉียนซีหยิบยาน้ำขวดหนึ่งออกมา และแทงเข็มยาเข้าไปทีละเข็ม หลังจากนั้นก็รักษาอาการบาดเจ็บด้วยตนเอง
“เฝ้าข้าไว้และอย่าปล่อยให้ข้าถูกอะไรคาบไปได้ล่ะ ข้าขอนอนก่อนสักตื่นหนึ่ง! และเจ้าก็อย่ากังวลไปเลย! ข้าเป็นถึงหมอปีศาจ ฉะนั้นข้ารับพลังธาตุอัคคีได้สูงกว่าพลังธาตุอัสน นีเสียอีก แม้มันจะดูน่าสังเวชเกินไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่าไรนัก แค่นอนสักตื่นก็ดีขึ้นแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวกับเสี่ยวเฉี่ยด้วยรอยยิ้ม
ด้วยเหตุนี้นางจึงนอนหลับไปจริง ๆ หลังจากนั้นผิวหนังที่ดำสนิทก็พลันลอกออกมาชั้นหนึ่ง ซึ่งตอนนี้บริวารตัวน้อยของมันก็กลับมางดงามอีกครั้ง และในที่สุดเสี่ยวเฉี่ยก็ไม่ได้โกรธถึ งขนาดนั้นอีกแล้ว
หลังจากที่มู่เฉียนซีบิดขี้เกียจในวันรุ่งขึ้น บนร่างของนางก็ยังมีหนังสีดำสนิทร่วงหล่นลงมาอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งมันก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย
นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเฉี่ย ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องไปหาที่อาบน้ำกันสักหน่อยแล้วล่ะ”
การจะหาทะเลสาบในหุบเขาลึกเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่หากต้องการหาทะเลสาบที่ไม่มีกลิ่นคาวเลือดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงกลั่นยาชำระล้างออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
สภาพแวดล้อมของคุกโลหิตก็เป็นเช่นนี้ ฉะนั้นนางจะมาพิถีพิถันมากเกินไปไม่ได้
ตูมมม!
มู่เฉียนซีกระโดดลงไปในทะเลสาปทันที แต่ทว่าหนามโลหิตกลับบินออกไป
“ตัวเจ้าเองก็สกปรกเช่นกัน ไม่อยากจะมาอาบน้ำทำความสะอาดจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
แต่ว่าเสี่ยวเฉี่ยกลับไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้มันยังรู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั่งตัวอีกด้วย
บริวารมนุษย์ผู้นี้ไม่มีจิตสำนึกในความเป็นผู้หญิงบ้างเลยหรือไง? คิดไม่ถึงว่าจะชวนมันลงไปอาบน้ำด้วยกันเช่นนี้
มันเป็นเพศผู้นะ! นอกจากนี้ยังเป็นเพศผู้ที่แข็งแรงอีกด้วย
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วมู่เฉียนซีก็มองไปยังเสี่ยวเฉี่ยที่หลบอยู่หลังต้นไม้พลางกล่าวว่า “นี่เจ้าอายอย่างนั้นหรือ”
ไร้สาระ! มันจะไปเขินอายได้อย่างไรกัน
มันพุ่งทะยานลงไปในทะเลสาบ ซึ่งสภาพแวดล้อมของที่นี่ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อเห็นดังนั้นมู่เฉียนซีก็ไปกลั่นยาต่อ
นางคิดค้นวิธีการใช้ร่างดับเปลวเพลิงในระหว่างการระเบิดของเปลว แต่ทว่าวิธีเช่นนั้นจะไปสามารถคิดค้นออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่นางอยู่ในโลกใบนี้ เวลาในการฝึกฝนของนาง หรือประสบการณ์ของนางล้วนมีอยู่อย่างจำกัดทั้งนั้น
นางจะไปเหมือนอย่างพวกนิรันดร์และพิฆาตวิญญาณเหล่านั้น ที่สามารถสร้างวิธีการอันยอดเยี่ยมได้ตามใจชอบได้อย่างไร
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจำศีลกันอยู่ ซึ่งหากนางต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่อยู่ในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ และทะลวงไปบนเส้นทางอันนองเลือดเพื่อหาทางออก นางจำเป็นที่จะต้องพยาย ยามทุกวิถีทางที่จะทำให้ตนเองแข็งแกร่งให้ได้ ฉะนั้นนางจึงไม่สามารถปล่อยโอกาสไปได้เลยแม้แต่โอกาสเดียว
เมื่อเสี่ยวเฉี่ยกลับมาและค้นพบว่ามู่เฉียนซีกำลังกลั่นยาที่ทำให้ตนเองเกือบได้รับบาดเจ็บตายอีกครั้ง มันก็โมโหมากจนเกือบที่จะทุบหม้อยาของมู่เฉียนซีจนพลิกคว่ำไปเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวเฉี่ย ทำไมเจ้าโกรธอีกแล้วล่ะ”
แม้ว่าเสี่ยวเฉี่ยจะไม่สามารถเอ่ยปากได้ แต่กลับกำลังก่อกวนมู่เฉียนซี และไม่ยอมปล่อยให้นางกลั่นยา
หากคนอื่นมารบกวนการกลั่นยาของนาง หมอปีศาจอย่างนางคงจะวางยาพิษและทุบตีคนผู้นั้นเป็นแน่
เจ้าตัวน้อยนี่มีจิตใจที่เรียบง่าย นางกำลังเดาว่ามันกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่กันแน่?
“ยานี้สามารถทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นได้ ดังนั้นข้าจึงอยากที่จะลองดูสักหน่อย! และข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้แน่” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ฮึ! เจ้าก็เป็นเพียงแค่บริวารตัวน้อยของข้าเท่านั้น แค่ข้าแข็งแกร่งขึ้นก็พอแล้วมิใช่หรือ แล้วจะทรมานตนเองไปทำไมกัน? นอกจากนี้ยังทำให้ตัวเองเกือบตายไปแล้วด้วยซ้ำ เสี่ยวเฉี่ยแอ อบบ่นพึมพำอยู่ในใจ
แต่ด้วยสายตาที่หนักแน่นเช่นนี้ ถึงเสี่ยวเฉี่ยไม่อยากจะสนใจแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจไม่ได้อยู่ดี
ตามใจเจ้าเถอะ ตามใจเลย!
นี่เป็นครั้งที่สองที่กลั่นยาชนิดนี้ และเมื่อไม่มีเสี่ยวเฉี่ยคอยก่อกวน มันก็ทำให้มู่เฉียนซีกลั่นยาออกมาได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่กลั่นยาน้ำออกมาแล้ว แน่นอนว่านางไม่ได้ดื่มรวดเดียวเหมือนคราวที่แล้วอีกแล้ว แต่นางหยิบเอาเคล็ดวิชาขัดเคลาร่างกายกองหนึ่งออกมาจากในมิติของนาง
ตั้งแต่ดินแดนทั้งสี่ทิศไปจนถึงแดนซวนเทียน นางได้ไปยังสถานที่ทดสอบลึกลับมากมายหลายแห่ง นอกจากนี้ยังได้รับเคล็ดวิชามาเป็นรางวัลจำนวนนับไม่ถ้วนอีกด้วย
แต่เนื่องจากได้รับเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่ทรงพลังที่สุดมา เจ้าพวกนี้เลยถูกทิ้งเอาไว้ในมิติของนาง
ตอนนี้นางต้องการเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงเพื่อมาขัดเกลาร่างกาย แต่ก็ไม่มีต้นแบบ นอกจากนี้เคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้าก็มีระดับสูงเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่สามารถค้นคว้าเคล็ ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่นางต้องการออกมาได้ เช่นนั้นนางก็จะเริ่มจะส่วนที่เป็นพื้นฐานที่สุดก่อน
เสี่ยวเฉี่ยไม่เข้าใจว่ามู่เฉียนซีต้องการที่จะทำอะไร? และมันต่างก็รู้จักเคล็ดวิชาเหล่านี้ทั้งหมด แต่ทว่ามันเป็นเพียงขยะ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้น
บริวารน้อยของมันสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายเหล่านี้ได้อย่างไร!
ต่อมามันก็ค้นพบว่า มู่เฉียนซีไม่ได้ต้องการฝึกฝนเคล็ดวิชาเหล่านี้ แต่ว่านางกำลังขีด ๆ เขียน ๆ และค้นคว้าอะไรบางอย่างอยู่?
เนื่องจากว่ามู่เฉียนซีมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก ฉะนั้นมันจึงมีประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าเคล็ดวิชาเป็นอย่างมาก
เพียงแต่ว่าประสบการณ์ของนางไม่เพียงพอ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเร่งได้อีกแล้ว”
ในที่สุดเสี่ยวเฉี่ยก็รู้แล้วว่ามู่เฉียนซีต้องการที่จะทำอะไร? ร่างดับเปลวเพลิงอย่างนั้นหรือ หากเล่นกับไฟเช่นนี้นางจะต้องถูกไฟลวกเอาเป็นแน่
แน่นอนว่ามันไม่ต้องการให้บริวารน้อยของมันถูกเผาจนตายอยู่แล้ว ฉะนั้นเสี่ยวเฉี่ยจึงตรงเข้าไปดึงขวดยาน้ำที่มู่เฉียนซีกลั่นออกมาก่อนหน้านี้ทันที
พรวด!
ขวดยาแตกกระจาย และหลังจากนั้นยาน้ำสีแดงเพลิงก็รดลงไปบนร่างของเสี่ยวเฉี่ยโดยตรง
“เสี่ยวเฉี่ย นี่เจ้า…”
มันไม่สามารถใช้พลังวารีในการชำระล้างได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้มู่เฉียนซีหยิบยาบางอย่างออกมาอย่างรีบร้อน
น่าเสียดายที่ช้าเกินไป เพราะยาน้ำที่กลั่นมาจากหยกเฉี่ยซานี้ได้ถูกซึมซับเข้าไปในร่างกายของเสี่ยวเฉี่ยแล้ว
พลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งขนาดนั้นถูกดูดซับโดยพืชกลายพันธุ์เช่นนี้ แม้จะเป็นนางเองก็ไม่รู้ว่ามันจะสามารถทนได้หรือไม่
มู่เฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญญาณออกมามากมายและเตรียมกลั่นยาเพื่อช่วยเหลือมัน แต่ผลสุดท้ายนางก็ได้ค้นพบว่าเจ้าหมอนี่สามารถดูดซับพลังของยาได้อย่างราบรื่น และนอกจากนี้ระดับของมั นยังสูงขึ้นมากอีกด้วย
คิดไม่ถึงว่านอกจากพลังของหยกเฉี่ยซาจะสามารถหลอมรวมเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้แล้ว มันยังสามารถช่วยให้พืชกลายพันธุ์เติบโตได้อีกด้วย
หลังจากที่ตรวจสอบแล้วว่าร่างกายของเสี่ยวเฉี่ยไม่มีอะไรผิดปกติ มู่เฉียนซีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เจ้านี่นะ! ยุ่งไม่เขาเรื่องเลย แอบมาขโมยของของข้าไปเสียอย่างนั้น ไม่กลัวถูกเผาเป็นเถ้าถ่านหรืออย่างไร”
เสี่ยวเฉี่ยมีความภูมิใจเป็นอย่างมาก เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกันล่ะ? ข้าจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างไร เจ้าบริวารน้อยเจ้าไม่เห็นจำเป็นต้องกังวลเลย
การดูดซับพลังจากยาน้ำนี้ของข้าสามารถทำให้ความสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนี้มีข้าคอยปกป้องเจ้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นแต่ก็ไม่มีใครมากล้ารังแกเจ้าอีก กแล้วล่ะ! เจ้ารีบไปกลั่นยาน้ำนั้นมาให้ข้าเถอะ
เสี่ยวเฉี่ยมาพัวพันกับมู่เฉียนซีเพื่อขอยา และมู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าการค้นคว้าเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายระดับสูงเช่นนี้ไม่สามารถค้นคว้าออกมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ฉะนั้นนางคิดว ว่าจะหาทางช่วยยกระดับความสามารถของเสี่ยวเฉี่ยก่อนก็แล้วกัน!
อย่างไรเสียมันก็เป็นเพียงพืชกลายพันธุ์ระดับหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นความสามารถของมันจึงอ่อนแอไปหน่อย
ไม่ว่าเสี่ยวเฉี่ยจะดูดซับพลังของหยกเฉี่ยซาไปมากเพียงใด แต่มันก็สามารถเผาผลาญไปได้จนหมดสิ้น และไม่มีผลกระทบที่ไม่ดีอันเกิดจากวิธีดึงต้นกล้าให้โตนี้อีกด้วย
มู่เฉียนซีคิดว่า บางทีพืชกลายพันธุ์ของขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้อาจจะแตกต่างจากที่อื่นก็เป็นได้
หลังจากหยกเฉี่ยซาที่มู่เฉียนซีได้เก็บมาจากเหมืองภูเขาถูกผลาญไปจนหมด เสี่ยวเฉี่ยก็สามารถเลื่อนขั้นได้แล้ว และมันก็กลายเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับสองดาวได้เสียที
แม้ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังไม่สามารถพูดได้อยู่ดี ซึ่งนี่ก็ทำให้เสี่ยวเฉี่ยรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
“ไม่มีหยกเฉี่ยซาเหลือแล้ว ดูเหมือนว่าต้องไปหามาเพิ่มสักหน่อยแล้วล่ะ” มู่เฉียนซีหยิบแผนที่แผ่นนั้นออกมาแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าสามารถอาศัยยาที่กลั่นออกมาจากหยกเฉี่ยซาเลื่อนข ขั้นได้ ฉะนั้นพวกเราจึงต้องการหยกเฉี่ยซาเป็นจำนวนมาก แต่หากค่อย ๆ รวบรวมคงเสียเวลามากเป็นแน่ เช่นนั้นพวกเรามาปล้นหยกเฉี่ยซาให้หมดภูเขาเขตแดนลูกนี้ไปเลยก็เป็นแผนที่ไม่เลวเ เหมือนกัน”
ความคิดนี้เป็นความคิดที่ไม่เลวจริง ๆ มันเห็นด้วย และเสี่ยวเฉี่ยก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ในเส้นทางสายแร่บนเขาเขตแดนชั้นที่สองขึ้นไปทั้งหมดต่างถูกคนลึกลับลอบโจมตี และหยกเฉี่ยซาที่พวกเขาเก็บรวบรวมมาได้อย่างยากลำบากก็ถูกใครบางคนปล้นไป