ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2434 แย่งชิงพืชกลายพันธุ์
แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ที่พวกเขารวบรวมไว้ถูกปล้นไปเท่านั้น แต่ภายในเหมืองแร่เหล่านั้นก็ถูกเก็บออกไปด้วย
สีหน้าของพวกเขาดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก “บัดซบเอ้ย! หากไม่มีหยกเฉี่ยซาไปมอบให้ นายท่านได้ฆ่าพวกเราแน่”
ไม่ได้มีเพียงภูเขาเขตแดนในชั้นที่สองเท่านั้นที่เกิดเรื่องราวเช่นนี้ ชั้นสาม ชั้นที่สี่ ชั้นที่ห้า…ไปจนถึงชั้นที่หกต่างก็เจอมือพิษลึกลับผู้นี้ทั้งนั้น เจ้าหมอนี่หาประโยชน น์จากทุกโอกาสจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ปล่อยไปเลยแม้แต่ชั้นเดียว
ทางขุมนรกสีโลหิตเริ่มออกประกาศจับ ตอนนี้มู่เฉียนซียืนอยู่ในเมืองใหญ่ของชั้นที่หกแห่งขุมนรกสีโลหิต เมื่อเห็นประกาศจับที่เป็นเป็นนามธรรมเหล่านั้นก็กล่าวว่า “นี่คือข้าหรือ อ? นี่ไปเชิญจิตรกรแห่งจิตวิญญาณผู้นี้มาจากที่ใดกันแน่?”
มู่เฉียนซีกวาดล้างมาตลอดทาง นางกวาดล้างตั้งแต่ชั้นที่สองมาจนถึงชั้นที่หก ฉะนั้นย่อมคุ้นเคยกับความสามารถของผู้คนในหกชั้นแรกอยู่แล้ว
ด้วยพลังทางกายภาพของนาง ทำให้คนในหกชั้นแรกไม่มีผู้ใดทำอะไรนางได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีเสี่ยวเฉี่ยอยู่ข้างกายอีกด้วย
การกวาดล้างที่โหดเหี้ยมของนางทำให้นางได้รับหยกเฉี่ยซามากมายเกินกว่าจะนับได้ ซึ่งสามารถนำมากลั่นยาได้จำนวนนับไม่ถ้วน และทำให้ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเฉี่ยพุ่งทะยานสูงขึ้น จน นตอนนี้มันกลายเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับห้าดาวแล้ว
หลังจากที่กลายเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับห้าดาวแล้ว ความเร็วในการพัฒนาของเสี่ยวเฉี่ยก็เปลี่ยนเป็นช้ามากยิ่งขึ้น เพียงแต่เรื่องที่ทำให้มันดีใจก็คือ ในที่สุดมันก็สามารถพูดได้แล้ว ว
“พวกเขาวาดบริวารน้อยของข้าอัปลักษ์เกินไป มันไม่ดีเท่าที่ข้าวาดเลยด้วยซ้ำ น่ารังเกียจนัก!”
มู่เฉียนซีต่อยมันด้วยหมัด “ข้าบอกกับเจ้าหลายสิบรอบแล้ว ว่าเจ้าจะต้องเรียกข้าว่านายท่าน ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่าบริวารน้อย”
อย่างที่รู้กันว่าตั้งแต่เจ้าหมอนี่สามารถพูดได้ มู่เฉียนซีก็เพิ่งจะมาได้รู้ความรู้สึกของเจ้าหมอนี่ว่า เขามองนางเป็นเพียงบริวารตัวน้อยเท่านั้น
เจ้าตัวน้อยผู้นี้หยิ่งยโสเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังหลงตัวเอง และเป็นเด็กเกเรคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ฮึ! สามารถเป็นบริวารน้อยของข้าได้ก็ถือว่าเป็นเกียรติสำหรับเจ้าแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นนี้ แม้ว่าเจ้าจะดูน่าสงสารมาก แต่การจะให้ข้าเรียกเจ้าว่านายท่าน นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ข้าทรงพลังขนาดนี้จะให้มนุษย์คนหนึ่งมาเป็นเจ้านายของข้าได้อย่างไรกัน” เสี่ยวเฉี่ยกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
มู่เฉียนซีมีพืชกลายพันธุ์ในครอบครอง นางไม่ได้ซ่อนมันเอาไว้ นอกจากนี้ยังพาพืชกลายพันธุ์เดินไปตามถนนใหญ่ และตลาดอย่างโอ้อวด ซึ่งมันก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนมากมาย
หญิงสาวที่ดูหน้าตาธรรมดาคนนี้ปรากฏตัวที่นี่เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังไม่ระวังตัวอีกด้วย
อย่างที่รู้กันว่าเจ้าเมืองของพวกเขาชื่นชอบในการเก็บรวบรวมพืชกลายพันธุ์มากที่สุด และยังต้องการเลี้ยงพืชกลายพันธุ์ให้แข็งแกร่งอีกด้วย
หญิงสาวผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพืชกลายพันธุ์เท่านั้น แต่ยังเป็นหนามโลหิต ซึ่งท่านเจ้าเมืองจะต้องไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีคนกำลังเพ่งเล็งนางอยู่ แต่นางไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย หากพวกเขากล้าเข้ามายั่วยุนาง ก็สามารถลองดูได้!
ในตอนที่นางเพิ่งจะพักผ่อนในโรงเตี้ยมได้ไม่นาน ก็มีคนพุ่งเข้ามา และคนที่เข้ามานั้นก็ไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย
เขาเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “พืชกลายพันธุ์หนามโลหิตของเจ้า มันเป็นระดับใด?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ระดับห้าดาว เจ้าเชื่อหรือไม่?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ห้าดาว ล้อเล่นหรือ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าพืชกลายพันธุ์ระดับห้าดาวขึ้นไปพบเห็นได้ยากมาในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้? นี่เจ้าจะพูดเกินจริงไปหน่อยแล้ว” พวกเขาหัวเราะขึ้นมาอ อย่างบ้าคลั่ง
เสี่ยวเฉี่ยโมโหมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าพวกมนุษย์โง่เง่าเหล่านี้จะไม่เชื่อว่ามันเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับห้าดาว ไหนจะยังกล้ามาหัวเราะเยาะอีก ฉะนั้นมันต้องทำให้พวกเขาเหล่านี้ได้ รู้ถึงความเก่งกาจของหนามโลหิตที่เป็นพืชกลายพันธุ์ระดับห้าดาวนี้สักหน่อยแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แค่พวกเศษสวะเหล่านี้ไม่ต้องให้ถือมือเจ้าหรอก อย่างไรเสียเสี่ยวเฉี่ยก็เก่งกาจถึงเพียงนี้ เจ้าไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือมิใช่หรือ?”
เมื่อมาถึงขุมนรกสีโลหิตชั้นที่หก คนเหล่านี้ล้วนมีหยกเฉี่ยซาอยู่ในครอบครองเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายชนิดต่าง ๆ จนพลังในการต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร ร่งมากยิ่งขึ้น
หากคำนวณระดับตามพลังวิญญาณแล้วละก็ น่าจะอยู่ในระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เห็นจะได้
ฉะนั้นระดับนี้ มีความแตกต่างจากมู่เฉียนซีถึงหนึ่งดาวครึ่งเลยทีเดียว
ในตอนที่พวกเขากำลังจะลงมือกับมู่เฉียนซี พวกเขากลับค้นพบว่าหญิงสาวรูปร่างเล็กคนนี้ระเบิดพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาออกมา และหลังจากนั้นก็โจมตีจนพวกเขาทั้งหมดล้มฟุบลงไปในพริบตาเ เดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า เพราะข้าต้องการเจอกับเจ้าเมืองของพวกเจ้า จงนำทางไปซะสิ!”
“ขอรับ!”
พวกเขาไม่อาจต่อต้านคำพูดของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ และทำได้เพียงแค่เชื่อฟังเท่านั้น เพราะมิเช่นนั้นพวกเขาอาจจะตายได้นั่นเอง
พวกเขาอยู่ที่ขุมนรกสีโลหิตมาเป็นเวลานานมากแล้ว ฉะนั้นย่อมเข้าใจความจริงในข้อนี้ดีอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในจวนของท่านเจ้าเมือง และชายคนหนึ่งก็เหลือบมองมาที่นางพลางกล่าวว่า “ข้าบอกกับพวกเจ้าไปหลายครั้งแล้ว ว่าเจ้าเมืองอย่างข้าไม่สนใจอิสตรี และยิ่งไม่ต้องพ พูดถึงสตรีที่อัปลักษณ์เช่นนี้ พวกเจ้ายังจะกล้า…”
เพี้ยะ!
คำพูดของเขายังไม่ทันพูดจบ ก็มีเงาสีแดงวาบผ่านไป และบนใบหน้าของท่านเจ้าเมืองผู้นี้ก็มีรอยแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกเลยทีเดียว
นี่คือฝีมือของเสี่ยวเฉี่ย!
เสี่ยวเฉี่ยโมโหเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้ามนุษย์โง่เง่าผู้นี้จะกล้ามาบอกว่าบริวารตัวน้อยของมันอัปลักษณ์
อย่างที่รู้กันว่าบริวารตัวน้อยของมันนั้นงดงามเป็นที่สองของโลก และคนแรกก็ย่อมต้องเป็นตัวของมันเองแน่นอนอยู่แล้ว
“เป็นพืชกลายพันธุ์ หนามโลหิตอย่างนั้นหรือ!” เจ้าเมืองที่ถูกทำให้เสียโฉมไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น แต่ยังมองไปยังหนามโลหิตนั้นอย่างตั้งใจอีกด้วย
“สามารถลอบโจมตีข้าได้ ช่างมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ข้าต้องการหนามโลหิตนี้ เจ้าต้องการหยกเฉี่ยซาเท่าไร?” เจ้าเมืองกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ขอโทษด้วย ข้าไม่ขาย! แม้ว่าข้าต้องการขาย เจ้าก็จ่ายไม่ไหวอยู่ดี!”
“เจ้ากล้าปฏิเสธข้าหรือ เจ้านี่มันช่างบังอาจนัก เด็ก ๆ! นำคนที่กล้าทำร้ายเจ้าเมืองผู้นี้ไปสังหารซะ!” เขากล่าวอย่างดุดัน
คนที่เป็นผู้นำทางของมู่เฉียนซีเหล่านั้นไม่กล้าลงมือ แต่มู่เฉียนซีกลับเริ่มโจมตีเจ้าเมืองผู้นี้ทันที หลังจากที่เจ้าเมืองหลบการโจมตีของมู่เฉียนซีได้ เขาก็กล่าวว่า “ที่แท้ก็ม มีความสามารถอยู่บ้างนี่เอง มิน่าถึงได้กล้าหาญเช่นนี้ เพียงแต่คนที่กล้ามาตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้า จะต้องตายอย่างน่าสังเวชที่สุด”
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่ปะทะฝีมือกับมู่เฉียนซีถึงสามรอบ เขาก็ไม่มั่นใจในตนเองอีกแล้ว
หญิงสาวที่ดูเหมือนอ่อนแอแต่กลับเก่งกาจถึงเพียงนี้ นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว
“เด็ก ๆ! เข้ามาโจมตีพร้อมกัน! พวกเจ้าหายไปทำอะไรกันหมดแล้วฮะ”
พลังของคนคนหนึ่งย่อมมีขีดจำกัด และเจ้าเมืองก็อยากจะใช้การต่อสู้แบบกงล้อเพื่อผลาญกำลังของมู่เฉียนซี
รอให้นางหมดแรงเมื่อไร ถึงตอนนั้นการจัดการผู้หญิงคนนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากอยู่แล้ว
เขาไม่เชื่อว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของหญิงสาวผู้นี้จะสามารถอยู่ได้นานขนาดนั้น
ภายในจวนเจ้าเมืองมีคนอยู่มากมาย และถึงแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบกงล้อ แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงต่อสู้ได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
เรื่องการถูกผลาญพลังจนหมดนั้น สำหรับนางแล้วถือว่าไม่มีอยู่จริง เพราะว่ามู่เฉียนซีมียาฟื้นฟูพลังกายอยู่ด้วยนั่นเอง
ตึง ตึง ตึง!
คนของเจ้าเมืองล้มฟุบลงไปทีละคน และทุกการโจมตีของมู่เฉียนซีล้วนโดนจุดสำคัญของร่างกายทั้งสิ้น
และแม้ว่าคนที่โดนโจมตีจะไม่ตาย แต่ก็ยากที่จะลุกขึ้นมาได้อีก
ลูกน้องของเจ้าเมืองเหล่านั้นล้วนล้มฟุบลงไปบนพื้นหมดแล้ว และเหลือเพียงเขาที่เป็นผู้สั่งการคนเดียวเท่านั้น
เขามองฉากทั้งหมดนี้ด้วยความหวาดกลัว หลังจากนั้นก็พ่นคำพูดออกมาว่า “สัตว์ประหลาด!”
ปึก!
เข้าถูกต่อยเข้าไปที่กลางหน้าท้อง จนทำให้กระอักเลือดออกมา
“ไว้ชีวิตข้าด้วย!” เขาดูแลเมืองนี้มานานหลายปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกทุบตีราวกับสุนัขเช่นนี้
“จงมอบหยกเฉี่ยซาทั้งหมดของเจ้ามาให้ข้าซะ!”
“ไม่มีปัญหาขอรับ!”
“ข้าต้องการป้ายผ่านทางของชั้นที่เจ็ด ที่เจ้ามีอยู่หรือไม่?”
“มีขอรับ! ถึงแม้ว่าจะไม่มีแต่ก็สามารถมีได้ขอรับ”
ภายในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ ขอเพียงแค่มีกำปั้นที่แข็งแกร่ง ก็สามารถพูดได้ทุกอย่างแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี เจ้ารีบไปจัดการเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย และไม่กลัวว่าเขาจะหนีไปหากำลังเสริมมาเลยแม้แต่น้อย