ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2435 คือความเย่อหยิ่ง
ขุมนรกสีโลหิตมีทั้งหมดสิบแปดชั้น ความสามารถของคนที่อยู่ในหกชั้นแรกไม่แข็งแกร่งเท่าไรนัก อีกทั้งยังมีความหลากหลายมาก แต่ชั้นที่หกขึ้นไปกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนที่นั่น นแข็งแกร่งยิ่งกว่า อีกทั้งยังซับซ้อนกว่าเล็กน้อยอีกด้วย
ซึ่งคนที่อยู่ในหกชั้นแรกไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ตามใจชอบ จำเป็นต้องพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเอง และต้องได้รับป้ายผ่านทางจากเจ้าเมืองของเมืองใหญ่ในชั้นที่หกถึงจะได้
เจ้าเมืองเตรียมพร้อมให้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังตั้งขบวนใหญ่เพื่อส่งมู่เฉียนซีไปยังชั้นที่เจ็ดด้วยตนเองอีกด้วย “นายท่านเดินทางดี ๆ ขอรับ!”
“หากนายท่านว่างก็กลับมาอีกนะขอรับ!”
พวกเขากล่าวอำลามู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนั้นมันดูปลอมเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง พวกเขาแทบรอให้มู่เฉียนซีจากไปไม่ไหวอยู่แล้ว และไม่อยากให้นางกลับมาอีกเลย
ผู้หญิงคนนี้ ช่างเป็นเหมือนฝันร้ายของพวกเขาจริง ๆ
“ท่านเจ้าเมือง ท่านกล้ำกลืนฝืนทนความคับข้องใจเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ?” มีคนกล้าถามขึ้นมา
“จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร?” ท่านเจ้าเมืองเองก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายเช่นกัน
“หลังจากชั้นที่หกแล้ว ก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเราเท่าไรนัก แต่ที่นั่นล้วนมีผู้คุมเฝ้าอยู่ในแต่ละเมือง และผู้คุมก็ไม่เหมือนกับพวกเรา ที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ นอกจากนี้ข้ายัง รู้จักกับผู้คุมคนหนึ่งพอดี ฉะนั้นข้าจะเขียนจดหมายไปให้เขาเพื่อให้เขาช่วยแก้แค้นให้ จะต้องให้เขาทำให้สตรีผู้นั้นแม้ตายก็ยังไร้ที่กลบฝังให้ได้ หลังจากนั้นค่อยแย่งชิงหนามโ โลหิตของนางมา” ท่านเจ้าเมืองกล่าวพลางขบฟันแน่น
ทิวทัศน์ของชั้นที่เจ็ดแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความวุ่นวาย นอกจากนี้กลิ่นคาวเลือดก็ไม่ได้หนาแน่นขนาดนั้นแล้ว
และเวลาปกติของที่นี่ก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากข้างนอกเลยแม้แต่น้อย
แต่มู่เฉียนซีรู้ดีว่า นี่เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น และคนที่อยู่ภายในขุมนรกสีโลหิต จะเป็นเพียงคนธรรมดาได้อย่างไร?
ในฐานะคนที่เข้ามาใหม่คนหนึ่ง มู่เฉียนซีได้ไปรวบรวมข้อมูลข่าวสารทั้งหมด ที่แท้หลังจากชั้นที่หกแล้ว พวกเขาห้ามไม่ให้ต่อสู้กันในเมือง และหากมีใครต่อสู้กันก็จะถูกขับไล่โดยผู คุม
ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายระดับสูงมากเพียงใด แต่เมื่อเผชิญกับผู้คุมที่มีพลังวิญญาณ พวกเขาก็เป็นเพียงคนที่อ่อนแอนจนไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงเลยด้วยซ้ำ
หากมีคนต้องการที่จะต่อสู้กันให้ได้ และต้องการฆ่าคนแล้วละก็ เช่นนั้นจะต้องออกไปจากเมือง หรือไม่ก็ไปต่อสู้กันบนเวทีการประลองพิเศษในเมือง
หากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ไม่ว่าพวกเขาจะฆ่าไปเท่าไร ผู้คุมก็จะไม่สนใจเลย
การฝึกฝนของผู้คนที่นี่ ไม่ได้ใช้หยกเฉี่ยซาในการฝึกฝน แต่กลับฝึกฝนด้วยการใช้ยาลูกกลอนเฉี่ยซาที่กลั่นมาจากหยกเฉี่ยซาแทน
ขุมนรกสีโลหิตถือได้ว่าเป็นคุกนรกที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของคุกโลหิต แม้ว่านักปรุงยาของที่นี่จะพบเจอได้ยาก แต่กลับไม่ใช่ว่าจะไม่มี
และการมีอยู่ของยาลูกกลอนเฉี่ยซานี้ ทำให้ความเร็วในการฝึกฝนพลังทางกายภาพของพวกเขามีความเร็วกว่าคนของหกชั้นแรกมากมายนัก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตอนนี้หยกเฉี่ยซาไม่สามารถทำให้เจ้าไปต่อได้อีกแล้ว พวกเราจะต้องคิดหาหนทางอื่นแทน! ไม่ต้องพูดเรื่องการไปถึงระดับเทพเลย อย่างน้อยเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ด ดให้ได้ก็พอแล้ว”
“วางใจเถอะ! แค่พืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดเท่านั้นเอง อีกไม่นานข้าก็สามารถเลื่อนขั้นได้แล้ว เพราะข้าเป็นคนที่เก่งกาจมากอย่างไรล่ะ” เสี่ยวเฉี่ยกล่าวอย่างมั่นใจมาก
หลังจากที่มู่เฉียนซีเพิ่งมาถึงชั้นที่เจ็ด นางก็ไม่ได้ปิดบังการมีอยู่ของเสี่ยวเฉี่ยแต่อย่างใด และเมื่อพวกเขาเห็นหนามโลหิต ก็รู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้ช่างโชคดีจริง ๆ
การมีพืชกลายพันธุ์อยู่ด้วย ถ้าไม่ถูกคนอื่นแย่งชิงไป และหากพืชกลายพันธุ์เติบโตขึ้นมาได้ สิ่งนี้จะกลายเป็นตัวรับประกันความปลอดภัยของนางในแดนนรกนี้ได้อย่างแน่นอน
คนทั่วไปเมื่อได้รับพืชกลายพันธุ์แล้วจะซ่อนเอาไว้อย่างระมัดระวัง และไม่ให้คนอื่นค้นพบได้ แต่การที่ให้มันอยู่ข้างกายอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านางหลงระเริงเกินไป
แต่มู่เฉียนซีไม่ได้หลงระเริงเลยแม้แต่น้อย และหากมีคนกล้าโจมตีนาง กล้ามาแย่งเสี่ยวเฉี่ยไปละก็ นางก็จะลงมือจัดการกับคนเหล่านั้นเอง
และแน่นอนว่ามีคนมาหาเรื่องนางจริง ๆ ในตอนที่คนในชุดคลุมขาวปรากฏตัวขึ้น ทุกคนต่างก็พากันหลีกทางให้พวกเขา
ซึ่งคนผู้นี้ ก็คือผู้คุ้มนั่นเอง!
ผู้คุมคนนี้กล่าวว่า “ตามข้ามาสิ!”
น้ำเสียงของเขาไม่อนุญาตให้นางได้ปฏิเสธ และที่นี่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะปฏิเสธคำพูดของผู้คุมคนหนึ่งเช่นกัน
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เอาสิ!”
เขาพามู่เฉียนซีไปยังนอกเมือง และเอ่ยปากว่า “ส่งหนามโลหิตมาให้ข้าซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! จากนี้เจ้าจะสามารถมีชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้ าเอง”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ข้าขอปฏิเสธ! หากต้องการแย่งเสี่ยวเฉี่ยของข้าไป เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่?”
ผู้คุมกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ช่างปากดีจริง ๆ! ข้าก็เคยเห็นนักโทษที่กล้าหาญชาญชัยมาไม่น้อย แต่คนที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ ข้าไม่ได้เจอมานานมากแล้ว”
ทันใดนั้น เขาก็ระเบิดพลังวิญญาณของตนเองออกมา
ต่อหน้านักโทษที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้เหล่านี้ พวกเขาที่มีพลังวิญญาณถือว่าไร้เทียมทานเลยทีเดียว
ดวงตาของมู่เฉียนซีมืดลงเล็กน้อย ขุมนรกสีโลหิตกว้างใหญ่ขนาดนี้ ผู้คุมก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าผู้คุมทุกคนจะเก่งกาจมากเหมือนกันหมด และความสามารถของคนผู้นี้ก็ไม่ได้ แข็งแกร่งเท่าไรเช่นกัน
อย่างมากที่สุดก็ดูเหมือนว่าจะเป็นความสามารถของผู้ครองดินแดนระดับล่างเท่านั้น แต่ก็แน่นอนว่าอีกฝ่ายที่สามารถใช้พลังวิญญาณและสามารถใช้ทักษะวิญญาณในการต่อสู้ได้ย่อมได้เปรียบ บมากกว่านางที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้เลยอยู่แล้ว แต่หากต้องการที่จะจัดการนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
ผู้คุมเตรียมตัวที่จะโจมตีหญิงสาวผู้ไม่รู้จักดีชั่วคนนี้ ด้วยการตบนางให้ตายภายในฝ่ามือเดียว
ตูมมม!
ทันทีที่ปล่อยฝ่ามือออกไป เรื่องที่ทำให้เขายากที่จะเชื่อก็คือ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะสามารถหลบหลีกได้ และการโจมตีของเขาก็ล้มเหลว
บนใบหน้าของผู้คุมคนนี้ฉายแววประหลาดใจออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความสามารถอยู่บ้าง! การตอบสนองของเจ้ารวดเร็วมาก แต่นั่นก็เป็นเพราะเจ้าโชคดีเท่านั้น ต่อไปนี้เจ้าอาจจะไม่ได ด้โชคดีขนาดนั้นอีกแล้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็โจมตีเข้ามาอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีอย่างต่อเนื่องของเขาถูกมู่เฉียนซีหลบได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก และเขาก็โจมตีอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตูมมม!
และในที่สุดกระบวนท่านี้ก็สามารถโจมตีหญิงสาวผู้นี้ได้แล้ว
แม้ว่านางจะสามารถหลบจุดตายได้ แต่นางก็จะต้องทรมานมากแน่นอน
ตึงง!
ร่างของมู่เฉียนซีเหาะออกมา และนางก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผู้คุมกล่าวอย่างเหลือเชื่อว่า “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน?”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเป็นเกาะป้องกัน อาศัยเพียงแค่ร่างกายในการสกัดการโจมตีของเขาเท่านั้น แต่กลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย นี่มันจะไม่ปกติเกินไปแล้ว
“ปล่อยให้เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว!” เนื่องจากบริวารน้อยได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหล จึงทำให้ในที่สุดเสี่ยวเฉี่ยทนไม่ไหวจนพุ่งทะยานออกไป
ผู้คุมกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “หนามโลหิต สามารถพูดได้ หากสามารถพูดได้อย่างน้อยก็ต้องเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับห้าดาว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับห้าดาว…”
นี่เป็นของล้ำค่าที่หายากเป็นอย่างมาก! เขาจ้องมองเสี่ยวเฉี่ยด้วยดวงตาที่เป็นประกาย และเสี่ยวเฉี่ยก็พุ่งเข้าโจมตีเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“รนหาที่ตายนัก!”
ปัง ปัง ปัง!
เสี่ยวเฉี่ยต่อสู้กับผู้คุมอย่างดุเดือด ส่วนมู่เฉียนซีก็กลืนยาลงไปเพื่อซ่อนร่างกายของตนเอง
แม้ว่าผู้คุมจะมีความสามารถที่เก่งกาจกว่านักโทษคนอื่น แต่นางไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถสกัดพิษของนางได้
เสี่ยวเฉี่ยต่อสู้กับผู้คุมคนนี้อย่างยากที่จะรู้ผลแพ้ชนะได้ จนในที่สุดมู่เฉียนซีก็หาโอกาสที่เหมาะสมที่สุดได้แล้ว และเข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานออกไป!
หวือ หวือ หวือ!
เนื่องจากว่าเขาหลบช้าเกินไป เข็มยาเหล่านั้นจึงข่วนไปบนผิวหนังของเขา
“นี่มันคืออะไรกัน?” เขากล่าวอย่างตกใจ
“อย่ากังวลไปเลย มันทำให้เจ้าตายไม่ได้หรอก!” เมื่อทำได้สำเร็จ มู่เฉียนซีก็ไม่ซ่อนอยู่ในความมืดอีกต่อไป
พรวด!
ผู้คุมผู้นี้กระอักเลือกออกมาโดยตรง และมันก็ส่งผลให้ร่างของเขาถูกมัดเอาไว้ด้วยหนามอันแหลมคม
“อ๊ากกก!” หนามอันแหลมคมนั้นแทงเข้าไปในร่างกายของขา ซึ่งมันก็ลึกเข้าไปถึงกระดูกเลยทีเดียว
“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ ใครก็ตามที่ฆ่าผู้คุม คนผู้นั้นจะต้องถูกผู้คุมของขุมนรกสีโลหิตทั้งหมดไล่ล่า หากไม่ตายก็จะไม่ยอมเลิกลา” เขากล่าวอย่างรีบร้อน