ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2436 ชอบอิจฉา
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “อ๋อ! ที่แท้ขุมนรกสีโลหิตก็มีกฏเช่นนี้นี่เอง แต่ข้าเองก็ไม่ได้คิดจะฆ่าเจ้าเช่นกัน!”
ฉึก!
เข็มยาอีกเล่มหนึ่งแทงเข้าไปในผิวหนังของเขา
“อ๊ากกกก!” พิษได้ปะทุออกมาแล้ว และตอนนี้เขาก็รู้สึกเจ็บปวดจวนเจียนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
เขาถูกหนามโลหิตมัดเอาไว้ เมื่อยิ่งดิ้นรนบาดแผลก็ยิ่งทวีความสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
เขากล่าวอย่างขอร้องว่า “ปล่อยข้าไปเถอะ ปล่อยข้า…”
เขาเป็นผู้คุมมานานหลายปีแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขากล่าวขอร้องนักโทษอย่างสุภาพเช่นนี้ แต่ความจริงแล้วเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วนั่นเอง
ผู้หญิงคนนี้ได้สร้างบาดแผลและทรมานเขา ซึ่งมันน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าการลงทัณฑ์ต่าง ๆ ของคุกนรกเสียอีก
ผู้หญิงคนนี้ นักโทษที่น่าสะพรึงกลัวอย่างผู้หญิงคนนี้ถูกโยนมาจากโลกไหนกันแน่?
ระดับความโหดเหี้ยมเช่นนี้ทั้งชีวิตของเขาเพิ่งเคยได้เจอเป็นครั้งแรก
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “จงจดจำความหวาดกลัวของเจ้า จดจำความทุกข์ทรมานของเจ้าให้ขึ้นใจ หลังจากนี้เป็นต้นไปเจ้าจะต้องฟังคำสั่งของข้า และทำงานเพื่อข้า”
วางยาพิษ และสะกดจิต แต่หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติใช้เพียงแค่อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
แต่ทว่าขุมนรกสีโลหิตไม่ใช่สถานที่ที่นางคุ้นเคย ฉะนั้นควรใช้ทั้งสองอย่างเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า
“ขอรับ!” ภายในแววตาของเขาเปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึกขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวเฉี่ย เจ้าปล่อยชายผู้นี้ได้แล้ว”
ตึงง!
ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด เพื่อที่จะไม่ทำให้เจ้าหมอนี่สูญเสียเลือดมากเกินไปจนเสียชีวิต มู่เฉียนซีจึงฝังเข็มให้เขา และช่วยห้ามเลือดของเขาเอาไว้
ท่านผู้คุมพาหญิงสาวที่มีพืชกลายพันธุ์ออกไปจากเมืองแล้ว และพวกเขาก็รู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นต้องยากที่จะหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน
ส่วนพืชกลายพันธุ์นั้น แน่นอนว่าต้องตกอยู่ในมือของผู้คุมคนนั้นอย่างแน่นอน
แต่ทว่าความจริงแล้วกลับแตกต่างไปจากที่จินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง และคิดไม่ถึงว่านางจะกลับมาพร้อมกับท่านผู้คุมอย่างไม่บุบสลายเลยแม้แต่น้อย!
นอกจากนี้ท่านผู้คุมยังดูแลนางเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมอบบ้านพักของตนเองให้กับนางอีกด้วย
หรือว่าหญิงสาวผู้นั้นจะใช้กลยุทธ์หญิงงามกับท่านผู้คุม แต่ทว่าหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามเท่าไรนัก
พวกเขาต่างก็อยากรู้มากว่านางใช้วิธีไหนกันแน่ ถึงสามารถทำให้ท่านผู้คุมไว้ชีวิตนางได้เช่นนี้
เดิมทีเจ้าเมืองผู้นั้นรอข่าวเรื่องที่มู่เฉียนซีถูกจัดการ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าท่านผู้คุมจะมาด้วยตนเอง
แววตาของผู้คุมนั้นเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมันก็ทำให้ใจของท่านเจ้าเมืองผู้นี้สั่นไหวเล็กน้อย
“ท่านผู้คุม ไอ้สารเลวที่ไหนทำให้ท่านอารมณ์ไม่ดีกันแน่ขอรับ ข้าหวังว่าตนเองจะสามารถขจัดปัญหานี้ให้ท่านได้” เจ้าเมืองกล่าวอย่างประจบสอพอ
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ท่านผู้คุมจะพ่นคำนี้ออกมาอย่างเย็นชาเช่นนี้ “เจ้าไง!”
พลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา จากนั้นเลือดสด ๆ ก็สาดกระเซ็น และเจ้าเมืองผู้นี้ก็ตายไปด้วยน้ำมือของผู้คุมทันที
แม้กระทั่งตอนที่เขาตายก็ยังไม่รู้เลยว่าเหตุใดผู้คุมถึงได้มาฆ่าเขาอย่างไม่มีสาเหตุใด ๆ เช่นนี้!
หลังจากที่ฆ่าเจ้าเมืองแล้ว คนอื่น ๆ ที่อยู่ในจวนเจ้าเมืองก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก และเอาแต่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น
ในฐานะผู้คุม การที่เขาต้องการจะฆ่านักโทษคนใดในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เขาฆ่าคนไปแล้ว เขาก็กวาดเอาสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่อยู่ในจวนเจ้าเมืองออกไปด้วย และหลังจากนั้นก็นำไปมอบให้กับมู่เฉียนซี
“นายท่าน เจ้าขยะไร้ประโยชน์นั่นถูกจัดการแล้วขอรับ ส่วนนี่คือสิ่งของที่เขาเก็บรวบรวมเอาไว้ ไม่ทราบว่านายท่านชอบหรือไม่?” ผู้คุมยืนอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และกล่าวอย่างระมัดระวัง
นอกจากสมบัติที่ไร้สาระเหล่านั้นแล้ว ก็ยังมีพืชกลายพันธุ์อีกมากมาย และพืชกลายพันธุ์ที่มีระดับสูงที่สุดก็คือระดับสามดาวนั่นเอง
ในตอนที่สายตาของมู่เฉียนซีมองไปที่พวกมัน เสี่ยวเฉี่ยก็โกรธเคืองเป็นอย่างมาก และแรงกดดันของพืชกลายพันธุ์ระดับห้าก็ทำให้พวกมันตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
“ไม่อนุญาต ไม่อนุญาต ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเลี้ยงพวกมัน เจ้าพวกไร้ประโยชน์เหล่านี้ ถึงจะมาเป็นหมื่นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก” เสี่ยวเฉี่ยกล่าวอย่างเอาแต่ใจ
มู่เฉียนซีเองก็ค่อนข้างจนปัญญาเช่นกัน เสี่ยวเฉี่ยมักจะเหมือนนางสนมที่เอาแต่ใจและชอบขี้อิจฉา แค่เห็นนางเล่นกับสมุนไพรวิญญาณก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาแล้ว ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงพืชกลายพันธุ์เหล่านี้เลย
หากมันได้รู้ว่านางเลี้ยงหนามโลหิตเอาไว้เต็มเมือง ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะโกรธมากขนาดไหนเช่นกัน
ในเมื่อมันโมโหขนาดนี้ มู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงทำให้มันคล้อยตามเท่านั้น
“จากนี้ไปหากเจ้ากลายเป็นพืชกลายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว ข้างกายของเจ้าจะไม่มีเหล่าน้องชายคอยติดตามได้อย่างไร? หากเจ้ามีน้องชายคอยติดตามสักกลุ่มหนึ่ง มันถึงจะดูมีอำนาจมิใช่หรือ?” มู่เฉียนซีพยายามพูดชักจูงด้วยเหตุผล และมันก็ทำให้เจ้าหมอนี่สามารถยอมรับน้องชายเหล่านี้ได้แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ถึงคิดที่จะมาเป็นน้องชายของข้า ทว่าเจ้าพวกนี้ก็อ่อนแอเกินไปหน่อย”
ตอนนี้การเลื่อนขั้นของเสี่ยวเฉี่ยกำลังติดอยู่ที่คอขวด และถึงมู่เฉียนซีจะพยายามค้นคว้ายาชนิดใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้มันบรรลุได้เพียงใด แต่ผลสุดท้ายมันก็ยังคงเป็นเช่นเดิมอยู่ดี ส่วนความสามารถของพืชกลายพันธุ์ที่ได้มาใหม่เหล่านี้กลับยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
คอขวดของพืชกลายพันธุ์นั้นบรรลุได้ยากมาก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงรู้สึกว่าหากต้องการสะสมพลังอันแข็งแกร่งในขุมนรกสีโลหิตแล้วละก็ ก็มีเพียงการเพิ่มจำนวน และเลี้ยงดูกองทัพพืชกลายพันธุ์เท่านั้น
เมื่อมีพลังเช่นนี้แล้ว หากต้องการทำเรื่องอะไรในขุมนรกสีโลหิต ก็น่าจะราบรื่นขึ้นมาก และนอกจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวผู้คุมที่สามารถใช้พลังวิญญาณได้อีกแล้ว
“ต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถเอาพืชกลายพันธุ์มาครอบครองได้?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เรียนนายท่าน พืชกลายพันธุ์ของขุมนรกสีโลหิตพบเจอได้ยากเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักโทษมักจะชอบเลี้ยงพืชกลายพันธุ์เพื่อรับประกันความปลอดภัยของตนเองเป็นพิเศษ ซึ่งหากต้องการพืชกลายพันธุ์ก็ต้องโชคดีพอถึงจะจับได้ หรือว่าแค่มีเงินเท่านั้นขอรับ” เขากล่าวตอบ
“ข้าน้อยมีทรัพย์สินไม่มากนัก เกรงว่าน่าจะซื้อพืชกลายพันธุ์ได้เพียงตัวถึงสองตัวเท่านั้นขอรับ” เขาเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างระมัดระวัง
“ไม่มีเงินอย่างนั้นหรือ? นั่นมันง่ายจะตายไป” ยาลูกกลอนเฉี่ยซาของที่นี่ล้ำค่ามาก แต่ผลผลิตของมันก็ต่ำมากเช่นกัน
ขอเพียงมอบหยกเฉี่ยซาให้มู่เฉียนซี นางก็สามารถกลั่นยาลูกกลอนเฉี่ยซาออกมาได้แล้ว และถึงแม้จะใช้หยกเฉี่ยซาเหมือนกัน แต่นางสามารถกลั่นยาลูกกลอนเฉี่ยซาออกมาได้มากกว่าคนอื่นหลายเท่า ซึ่งมันก็ทำให้ได้กำไรมากอยู่ดี
มู่เฉียนซีทำยาลูกกลอนเฉี่ยซาออกมามากมาย และหลังจากนั้นก็มอบให้ผู้คุมที่นางควบคุมเอาไว้ผู้นี้จัดการต่อ
ประสิทธิภาพของยาลูกกลอนเฉี่ยซาของนางดีกว่าลูกกลอนเฉี่ยซาทั่วไปมากนัก ซึ่งก็ทำให้มันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
และในเมื่อมีเงินเพียงพอแล้ว มู่เฉียนซีก็ไปซื้อพืชกลายพันธุ์มาอีกมากมาย แต่ทว่าพวกมันกลับเป็นเพียงขยะที่มีคุณภาพต่ำเท่านั้น
“ไม่ได้เรื่อง!”
“น้องชายของข้าจะอ่อนแอขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
“……”
เสี่ยวเฉี่ยรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เมื่อได้เห็นพืชกลายพันธุ์ที่มู่เฉียนซีไปซื้อมา
มู่เฉียนซีทั้งค้นคว้าเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกาย กลั่นยา เลี้ยงพืชกลายพันธุ์ และเสาะหาวิธีการบรรลุเพื่อยกระดับความสามารถของตนเองไปด้วย ซึ่งในตอนนี้เองผู้คุมที่เป็นทาสของนางก็ได้นำข่าวมาแจ้งว่า “นายท่าน ยอดเขาหมื่นโลหิตเปิดออกแล้วขอรับ”
“ยอดเขาหมื่นโลหิตอย่างนั้นหรือ?”
“ยอดเขาหมื่นโลหิตเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในชั้นเจ็ดถึงชั้นสิบสองของขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ บนยอดเขานั้นมีไขกระดูกวิญญาณเฉี่ยซาและพืชกลายพันธุ์อยู่มากมาย ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่คนมากมายใฝ่ฝัน แต่ทว่ายอดเขาหมื่นโลหิตนั้นจะเปิดทุก ๆ สิบปีเท่านั้น ฉะนั้นนักโทษทั้งหมดของขุมนรกสีโลหิตจึงไม่มีทางปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปแน่นอน เพราะขอเพียงแค่ได้รับไขกระดูกวิญญาณเฉี่ยซา พวกเขาก็จะสามารถแข็งแกร่งขึ้น และสามารถไปยืนอยู่เหนือชั้นที่สิบสองขึ้นไปได้”
“แม้ว่านักโทษที่อยู่บนชั้นที่สิบสองขึ้นไปจะมีสถานะเป็นนักโทษ แต่ขอเพียงมีความสามารถที่แข็งแกร่งพอ พวกเขาก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยิ่งกว่าตอนอยู่โลกภายนอกก่อนหน้านี้เสียอีก”
หากกล่าวว่าระดับชั้นที่ต่ำกว่าชั้นที่เจ็ดเป็นโลกที่คนป่าเถื่อนอาศัยอยู่ ระดับชั้นที่เจ็ดถึงชั้นที่สิบสองก็คงถือว่าเป็นโลกที่คนธรรมดาทั่วไปอาศัยอยู่
เช่นนั้นระดับชั้นที่สิบสองขึ้นไป ก็ต้องถือว่าเป็นโลกที่ขุนนางชั้นสูงอาศัยอยู่แน่นอน โลกนั้น ล้วนเป็นความปรารถนาของนักโทษมากมาย เนื่องจากว่าพวกเขาไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ตลอดชีวิต ฉะนั้นย่อมอยากที่จะมีชีวิตที่ดีอยู่ในขุมนรกสีโลหิตอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถไปยอดเขาหมื่นโลหิตได้?”