ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2441 ต่อสู้กันอีกครั้ง
ตูมมม!
เนื่องจากการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของพั่วจวิน ทำให้จื่อเวยมีโอกาสหลบหนีไปได้
ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือด และทำราวกับว่านี่จะไม่ใช่เลือดเนื้อของเขาเองอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งการต่อสู้ของพั่วจวินนั้นบ้าเลือด ราวกับหมาป่าตัวหนึ่งก็มิปาน
เสี่ยวเฉี่ยได้สั่งให้พืชกลายพันธุ์เหล่านั้นไล่ล่าจื่อเวย แต่ผลปรากฏว่าพวกมันได้สูญหายไปเช่นกัน
ส่วนพลังของเสี่ยวเฉี่ยก็เริ่มอ่อนแอลงเช่นกัน มันหดขนาดให้เล็กลงและพันอยู่รอบข้อมือของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ง่วงเหลือเกิน ข้าอยากจะนอนสักตื่น!”
“คงจะไม่เกิดผลข้างเคียงอะไรหรอกใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเป็นกังวล
“อย่ากังวลไปเรื่อยน่า ยาที่เจ้ากลั่นออกมาเป็นยาที่ดีมาก มันจะไปมีผลข้างเคียงได้อย่างไร? หาว…ข้าก็แค่ง่วงเท่านั้นเอง…” และหลังจากนั้นเสี่ยวเฉี่ยก็หลับไปอย่างง่วงงุน
บริเวณโดยรอบได้รับความเสียหายที่รุนแรงเนื่องจากการต่อสู้ ส่วนเถาวัลย์กลืนปีศาจต้นนั้นก็ได้ถูกเสี่ยวเฉี่ยดูดกลืนพลังไปจนเหือดแห้งแล้ว และตอนนี้ก็กลายเป็นเพียงเมล็ดที่ไร้พลัง งไปแล้วเท่านั้น
แต่ทว่าพั่วจวิน เขายังคงมีแรงเหลืออยู่!
มู่เฉียนซีเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ พั่วจวินที่กำลังจ้องเขม็งมาที่นางอย่างเคียดแค้น จากนั้นก็เตรียมพร้อมที่จะโจมตีนางอีกครั้ง
แต่ทว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินไป ซึ่งมันก็สาหัสจนเขาไม่สามารถยกนิ้วขึ้นมาได้เลยด้วยซ้ำ และเขาก็รู้สึกว่าตนเองกำลังจะตายแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้าว่าข้าควรฆ่าเจ้า? หรือว่าไม่ฆ่าเจ้าดี?”
พั่วจวินตอบกลับมาโดยไม่คิดแม้แต่น้อย “ฆ่าข้าซะ! ข้าไม่อยากเป็นเหมือนเจ้าทานหลางที่กลายเป็นคนทรยศท่านอู๋หยา และอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า หากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ สู้ข้าตาย ยไปเสียยังจะดีกว่า”
“หรือเจ้าคิดว่าการเป็นลูกน้องของอู๋หยา ไม่ได้ถูกเขาควบคุมเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”
“พรูดด! คิดว่าผู้หญิงอย่างเจ้าจะสามารถเทียบเคียงกับท่านอู๋หยาได้หรือ? การมีอยู่ของท่านอู๋หยาเปรียบเสมือนเทพเจ้าก็มิปาน แต่เจ้าเป็นเพียงแค่มดปลวกที่ข้าสามารถบดขยี้ได้ตาม มใจชอบคนหนึ่งเท่านั้น” พั่วจวินยังคงหัวแข็ง และเขาก็ดื้อรั้นยิ่งกว่าทานหลางเสียอีก
“แต่ว่า ตอนนี้ข้าเองก็สามารถบดขยี้เจ้าให้ตายได้ตามใจชอบเช่นกัน พั่วจวิน!” มู่เฉียนซีแสยะยิ้มเย็นยะเยือกออกมา
“สำหรับศัตรูของข้า! ข้าไม่เคยชอบให้เขาได้ตายอย่างมีความสุขเลย ข้าจะต้องทำเรื่องที่เจ้ารังเกียจมากที่สุดให้ได้ ในเมื่อเจ้าไม่อยากเป็นเหมือนทานหลาง เช่นนั้นข้าย่อมไม่มีทาง งปล่อยให้เจ้าสมความปรารถนาอยู่แล้ว” และมู่เฉียนซีก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
หากไม่ใช่เพราะจื่อเวยและพั่วจวิน นางก็คงไม่ถูกบีบจนตกอยู่ในสภาพที่อับจน และต้องเข้ามาที่ขุมนรกสีโลหิตเช่นนี้แน่
ดังนั้นหากปล่อยให้พั่วจวินตายไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ มันก็คงจะง่ายเกินไปสำหรับเขา
“เจ้า…” พั่วจวินเดือดดาลเป็นอย่างมาก
แต่ทว่าเขาในตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงที่จะจบชีวิตของตนเอง และทันใดนั้นเข็มยาเล่มหนึ่งก็แทงลงบนต้นคอของเขา
มู่เฉียนซียิ้มอ่อนพลางกล่าวว่า “โกรธมากเลยสินะ! แต่พอเห็นเจ้าโกรธขนาดนี้ ข้ากลับค่อนข้างมีความสุขมากเลยล่ะ”
“น่ารังเกียจนัก!”
พั่วจวินร้องคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล แต่เป็นเพราะยาของมู่เฉียนซี จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะหมดสติทันที
มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่เขาพลางกล่าวว่า “ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจริง ๆ! เจ้ากำลังจะตายแล้วสินะ ดูเหมือนว่าต้องรีบช่วยเสียแล้วล่ะ”
ฉึก!
เข็มยาเข็มหนึ่ง แทงลงไปในหน้าอกของพั่วจวิน และมันก็ทำให้พลังชีวิตของเขาคงที่ขึ้น
มู่เฉียนซีเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอีกครั้ง นางเริ่มซ่อมแซมเขาราวกับตุ๊กตาที่แตกหักก็มิปาน ในที่สุดก็ซ่อมแซมคนผู้นี้เรียบร้อยแล้ว
จำเป็นต้องบอกว่าคนที่อู๋หยาฝึกฝนออกมา มีสมรรถภาพทางร่างกายและการควบคุมจิตใจที่สูงเป็นอย่างมาก
การที่เก็บเอาดาบอันแหลมคมของเขามาใช้จัดการเขา ก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเหมือนกัน
หากยอมรับคนหนึ่งได้ คนที่สองก็ย่อมต้องยอมรับได้เช่นกัน มุมปากของมุมเฉียนซียกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ยอดเขาหมื่นโลหิตตอนนี้ไม่มีคนอีกแล้ว ส่วนคนที่ควรหนีก็หนีไปหมดแล้วเช่นกัน และครั้งนี้จะต้องเป็นการมายอดเขาหมื่นโลหิตที่เลวร้ายที่สุดของคนเหล่านั้นแน่นอน
นอกจากรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว มู่เฉียนซียังกลั่นยาชนิดหนึ่งออกมา ซึ่งมันก็เป็นยาชนิดเดียวกับที่ใช้กับทานหลางนั่นเอง
ส่วนผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม แน่นอนว่าต้องรอตอนที่เขาตื่นขึ้นมาถึงจะรู้ได้
เมื่อเปรียบเทียบกับพั่วจวิน มู่เฉียนซีมีความกังวลเกี่ยวกับเสี่ยวเฉี่ยของนางมากยิ่งกว่าเสียอีก
ตอนนี้เสี่ยวเฉี่ยกำลังจำศีลอยู่ ซึ่งมู่เฉียนซีก็ได้ใช้พลังวิญญาณตรวจสอบมันอย่างละเอียด และตอนนี้ก็ยังไม่เกิดปัญหาใด ๆ
การเลื่อนขั้นสองดาวภายในพริบตาเดียว จากระดับห้าถึงระดับเจ็ด หากเป็นพืชกลายพันธุ์ทั่วไปเกรงว่าน่าจะระเบิดตัวเองไปแล้ว แต่ทว่าเสี่ยวเฉี่ยกลับไม่มีเรื่องเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้นางยังหาไขกระดูกวิญญาณเฉี่ยซาที่เหลืออยู่บนยอดเขาหมื่นโลหิตเจออีกด้วย ถึงจำนวนมันจะไม่มากเท่าไรก็ตาม
เสี่ยวเฉี่ยยังไม่ตื่น ทว่าพั่วจวินก็ได้ตื่นขึ้นมาก่อนเสี่ยวเฉี่ยก้าวหนึ่งแล้ว
เขามองมาทางมู่เฉียนซี ด้วยท่าทางที่ตื่นตัว ราวกับเม่นก็มิปาน จากนั้นจึงกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง หรือว่าสำหรับคนที่ไม่เหมือนกันแล้ว จะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปด้วยอย่างนั้นหรือ?
แต่อย่างไรเสียนางก็ไม่กลัวเขาอยู่แล้ว เพราะที่ขุมนรกโลหิตแห่งนี้ขนาดจื่อเวยกับพั่วจวินร่วมมือกันลงมือก็ยังกลายเป็นคนที่พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของนางเลย ฉะนั้นนางจะกลัวเขาท ที่อยู่เพียงลำพังได้อย่างไร?
“ข้าคือเจ้านายของเจ้าน่ะสิ!”
“เจ้านายหรือ!” พั่วจวินจ้องมองไปที่นาง
“เจ้านายของข้า ไม่มีทางเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งได้หรอก นอกจากนี้ไม่มีทางเหมือนคนที่อ่อนแออย่างเจ้าแน่” พั่วจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ
“อ่อนแอหรือ?” กลิ่นอายของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมาทันที เจ้าหมอนี่ถึงจะสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่กลับไม่เชื่อฟังเหมือนอย่างทานหลางเลย
หากไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นก็แค่สู้กันสักตั้งก็ได้แล้ว
หากสู้กันรอบเดียวไม่พอ เช่นนั้นก็สู้กันสองรอบไปเลย!
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีจึงลงมือทันที โดยที่ไม่สนใจว่าเจ้าหมอนี่จะฟื้นตัวแล้วหรือไม่
ตึงง!
ร่างของพั่วจวินลอยกระเด็นออกไป และกระแทกลงบนพื้นจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
พรวด!
เขากระอักเลือดออกมา และในตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาก็หนักขึ้นอีกครั้ง ส่วนมู่เฉียนซีก็ไม่ออมมือให้เขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าพั่วจวินเองก็ไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงปีนป่ายขึ้นมาและต่อสู้อีกครั้ง
แต่ไม่ว่าเขาจะต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้เพียงใด เขาก็ถูกมู่เฉียนซีเอาชนะได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
สุดท้ายแล้วเขาก็ได้รับบาดเจ็บเกินกว่าที่จะปีนป่ายขึ้นมาได้อีก แววตาของเขาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “นายท่าน!”
ทันใดนั้นพั่วจวินก็หมดสติไปอีกครั้งทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สมควรแล้วล่ะ! ที่ต้องมาทนโดนทุบตีอีกรอบเช่นนี้ แต่ข้าก็ค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว”
อย่างไรเสียตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตรงไปที่หอเซียนเว่ยเพื่อจัดการคนที่วางแผนร้ายกับนางอย่างอู๋หยาได้ ฉะนั้นจึงทำได้เพียงระบายความโกรธใส่เขาแทนเท่านั้น
ถึงมันจะเปลืองยาไปสักหน่อย แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ปวดใจแต่อย่างใด และนางก็จัดการอาการบาดเจ็บของพั่วจวินอีกครั้ง
หลังจากที่พั่วจวินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างมู่เฉียนซีด้วยความเคร่งครัด และนางก็ไม่เห็นท่าทางที่ดูโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนตอนที่เป็นศัตรูก่อนหน้านี้อีกแ แล้ว
แน่นอนว่า ไม่ได้เป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ แต่เขามักจะมีลักษณะเช่นนี้ก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้านายเท่านั้น
และหากมู่เฉียนซีสั่งให้เขาฆ่าใครสักคนแล้วละก็ เกรงกว่าเขาน่าจะเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ที่พยายามทำให้สำเร็จด้วยวิธีที่ไร้ความปรานีเป็นแน่
เรื่องที่เกิดขึ้นบนยอดเขาหมื่นโลหิตได้แพร่กระจายออกไปแล้ว และมู่เฉียนซีก็รู้ดีว่านางไม่สามารถใช้ใบหน้านี้ได้อีกแล้ว ส่วนพั่วจวินเองก็เช่นกัน
เนื่องจากเขากับจื่อเวยฆ่าคนไปมากมาย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา นางจึงแปลงโฉมให้กับพั่วจวินด้วย
ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังอยู่ที่ชั้นที่สิบสองของขุมนรกสีโลหิตเพื่อรอให้เสี่ยวเฉี่ยตื่นขึ้นมา ซึ่งเสี่ยวเฉี่ยในตอนนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวแล้ว และเมื่อไรท ที่นางสามารถเข้าไปถึงชั้นที่สิบแปดได้ นางก็จะต้องคิดหาวิธีเข้าใกล้เจ้าโลหิต เพื่อหาทางออกไปจากขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ให้ได้
เสี่ยวเฉี่ยตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นเจ็ดวัน มันกล่าวว่า “หิว หิวเหลือเกิน! บริวารน้อย ข้าเพียงแค่นอนหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้น เจ้าก็ลืมข้าแล้วหรือ ข้าหิวมากเลยจริง ๆ นะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เปล่าสักหน่อย อันนี้ข้าให้เจ้า!”
นางมอบยาที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตหลายสิบขวดให้เขา ซึ่งมันก็ทำให้เสี่ยวเฉี่ยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และหลังจากนั้นมันก็กล่าวว่า “ยอดเยี่ยมไปเลย”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เสี่ยวเฉี่ย ความแข็งแกร่งของเจ้ายกระดับขึ้นมามากถึงเพียงนี้ภายในพริบตาเดียว เจ้าแน่ใจว่าไม่มีปัญหาจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีปัญหาเลยสักนิด!”
“ตอนนี้เจ้ากลายเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวแล้ว ข้ามีวิธีที่ทำให้เจ้ากลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เจ้าอยากจะให้ข้าช่วยเหลือเจ้าเรื่องนี้หรือไม่?” ไม่ใช่ว่าพืชกลายพันธุ์ทั้งหมดจะชอบ กลายร่างเป็นมนุษย์ ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงต้องขอความคิดเห็นของเสี่ยวเฉี่ยก่อนนั่นเอง