ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2442 เป็นพ่อของเจ้าหรือ?
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวว่า “ก็แค่เปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์เท่านั้น มันเป็นเรื่องที่ง่ายจะตายไป หากยังต้องให้บริวารน้อยอย่างเจ้ามาช่วย เช่นนั้นมันก็คงน่าอายเกินไปแล้ว เดี๋ยวข้าจะเปลี่ ยนให้เจ้าดูตอนนี้เลย ว่าร่างมนุษย์ของข้างดงาม…”
หลังจากนั้นไม่นาน ลำแสงสีแดงก็ปกคลุมเสี่ยวเฉี่ยเอาไว้
มู่เฉียนซีเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เฉี่ยซื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ยาคอยช่วยเหลือ มิเช่นนั้นอย่างน้อยก็จะต้องเป็นระดับเทพก่อนถึงจ จะสามารถทำได้
แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเฉี่ยที่เป็นเพียงพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวจะบอกว่า มันสามารถกลายร่างได้ด้วยตนเองเช่นนี้!
ในตอนที่ลำแสงสีแดงจางหายไป ก็มีน้ำเสียงแหลมสูงที่น่ารักเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “รีบหลับตาเดี๋ยวนี้! หลับตาเร็วเข้า”
มู่เฉียนซีหลับตาลงทันทีพลางกล่าวว่า “ขี้อายอะไรขนาดนี้ หรือว่าตอนกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว เสี่ยวเฉี่ยลืมใส่เสื้อผ้ามาด้วยอย่างนั้นหรือ?”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องการแปลงร่าง เพียงแต่ว่าเสื้อผ้าที่มาในตอนแปลงร่างนั้นใหญ่เกินไป จนมันไม่สามารถใส่เข้าไปได้เลย
มีเด็กชายที่ตัวเล็กคนหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี เขามีเส้นผมยาวสีแดงเพลิง พร้อมด้วยดวงตาสีทองอร่าม ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ละเอียดอ่อนนั้นราวกับเป็นมนุษย์ที่เดินออกมาจาก กภาพวาดก็มิปาน นอกจากนี้ยังมีไฝสีแดงเลือดอยู่ตรงหางตาอีกด้วย
เด็กน้อยผู้งดงามที่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าอยากจะอุ้มเขาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนไม่ไหวแล้วคนนี้ ในตอนนี้กำลังกอดเสื้อคลุมผู้ใหญ่สีแดงเลือดชุดหนึ่งเอาไว้ด้วยสีหน้าที่มึนงง
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน? เดิมทีข้าควรที่จะกลายผู้ชายที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้วสิ! เหตุใดถึงได้กลายเป็นเหมือนลูกของมนุษย์เช่นนี้ นี่…แล้วนี่ข้า จะสร้างอำนาจต่อหน้าบริวารน้อยได้อย่างไรกันล่ะ!
ถึงเสี่ยวเฉี่ยอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา และตอนนั้นเองมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “ให้ข้าลืมตาได้หรือยัง?”
“ยังไม่ได้!”
“ข้าปฏิเสธ ข้าอยากจะลืมตาแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเฉี่ยในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเสื้อผ้าเด็กออกมาก่อนชุดหนึ่ง และในตอนที่มู่เฉียนซีลืมตาขึ้นมา นางก็ได้เห็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูและงดงามมากคนหนึ่ง ง ซึ่งมันก็ทำให้แววตาของนางเปล่งประกายขึ้นมาทันที
“น่ารักจังเลย!”
นางยื่นมือออกไปเพื่อขยี้ผมของเสี่ยวเฉี่ย นอกจากนี้ยังมีแก้มที่เต็มไปด้วยเนื้อนั่นอีกด้วย
“บริวารน้อย เจ้าบังอาจเกินไปแล้วนะ!”
“ตอนโมโหก็น่ารักมากเหมือนกัน!”
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้เลย!”
ภายในใจของเสี่ยวเฉี่ยนั้นหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ภาพพจน์ของมันเสียหายไปหมดแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามันดูสง่างามมากเพียงใด แต่ผลปรากฏว่ากลับต้องกลายเป็นมนุษย์เด็กตัวเล็กคนหนึ่งที่ไม่มีความสง่างามเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยวเฉี่ยที่กลายร่างเป็นมนุษย์ตัวเล็กรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก มู่เฉียนซีจึงกล่าวปลอบใจมันว่า “อย่าโกรธไปเลยน่า ดูเหมือนว่านี่จะเป็นผลข้างเคียงของการเร่งการยกระดับความสาม มารถอย่างรวดเร็ว โชคยังดีที่ผลข้างเคียงไม่ได้ร้ายแรงมากเท่าไรนัก เพราะมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพลังของเจ้า”
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “นี่มันเรียกว่าไม่ร้ายแรงตรงไหนกัน มันร้ายแรงเป็นพิเศษเลยต่างหาก รูปร่างของเด็กเล็กเช่นนี้มันได้ทำลายความสง่างามของข้าไปจนหมดสิ้นแล้ว ข้า ออกจะทรงพลังขนาดนี้…”
น้ำเสียงเล็ก ๆ บวกกับพวงแก้มอันน่ารัก ทำให้มู่เฉียนซีอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ว่า “เจ้าน่ารักเกินไปแล้วจริง ๆ”
ตอนนี้เสี่ยวเฉี่ยกำลังสิ้นหวัง และเมื่อเห็นท่าทางที่ทุกข์ทรมานของเขา มันก็ทำให้มู่เฉียนซีทนไม่ไหวเล็กน้อย
นางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยช่วยหนามโลหิตที่เป็นพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวแปลงร่างมาก่อน ข้าช่วยกลั่นยาชนิดนั้นให้เจ้า หลังจากที่เจ้าดื่มมันเข้าไปแล้วลองกลายร่างอีกครั้ง ดีหรือไม่?”
ดวงตาสีทองกลมโตคู่นั้นของเสี่ยวเฉี่ยเบิกกว้างพลางกล่าวว่า “อะไรนะ? เจ้าเลี้ยงหนามโลหิตอื่นด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“อื้ม!” ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือนางมีหนามโลหิตทั้งเมืองอีกด้วย แต่อย่างไรเสียหลังจากนี้ไปเสี่ยวเฉี่ยก็ต้องได้เจออยู่แล้ว ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้ไม่อยากซ่อนมันเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ ยงผลกระทบที่รุนแรงในอนาคต
“เจ้ามันเป็นมนุษย์หลายใจ ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว”
เดิมทีวิญญาณดวงเล็ก ๆ นี้ก็เจอกับความเสียหายหนักอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อได้ยินมู่เฉียนซีบอกว่าเลี้ยงหนามโลหิตเอาไว้ด้านนอก นอกจากนี้ยังเป็นระดับเจ็ดอีกด้วย มันจึงรู้สึกหดหู่มา ากยิ่งขึ้นไปอีก
มันไม่สนใจนางแล้ว จะไม่สนใจนางเด็ดขาด!
เพื่อทำให้คนบางคนที่กำลังบึ้งตึงอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย มู่เฉียนซีจึงเตรียมไปกลั่นยา และลองดูว่าจะสามารถช่วยให้เสี่ยวเฉี่ยเติบโตขึ้นได้หรือไม่
ผลปรากฏว่า…
หลังจากนั้นเสี่ยวเฉี่ยก็ไปแปลงร่างอีกครั้ง ทว่ามันก็ยังคงมีรูปลักษณ์ราวกับเด็กอยู่ดี
เสี่ยวเฉี่ยแทบจะทรุดลงทันที “นี่ก็ไม่ได้เหมือนกัน!”
ถึงมู่เฉียนซีจะลองใช้ยาชนิดต่าง ๆ แต่มันก็ยังคงไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย และเสี่ยวเฉี่ยก็ยอมแพ้ที่จะรักษาอย่างสิ้นหวัง
เขากล่าวว่า “ช่างมันเถอะ ช่างมัน เดี๋ยวหลังจากนี้ข้าจะคิดหาทางเอาเอง”
มู่เฉียนซีเองก็รู้ดีว่า ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการใช้ยา แต่เป็นเพราะร่างกายของเสี่ยวเฉี่ยเอง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “รอให้พวกเราออกไปจากขุมนรกสีโลหิตแล้ว ข้าจะไปถามเพื่อนของข้าให้! เขาก็เป็นพืชกลายพันธุ์เช่นกัน บางทีเขาอาจจะมีหนทางก็เป็นได้”
เสี่ยวเฉี่ยระเบิดออกมาด้วยความโกรธ “ดี ดีมากจริง ๆ! ข้างนอกนั่นเจ้าไม่เพียงแต่มีหนามโลหิตอื่นเท่านั้น แต่ยังมีพืชกลายพันธุ์อื่นอีกด้วยอย่างนั้นสินะ”
เสี่ยวเฉี่ยที่เดือดดาลเปลี่ยนเป็นร่างเดิมทันที มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เสี่ยวเฉี่ยก่อนหน้านี้เจ้าไม่สามารถเดินเล่นได้อย่างอิสระ ไม่ได้กินของอร่อยต่าง ๆ ในเมื่อตอนนี้กลายร่างเป็ นมนุษย์ได้แล้ว หรือว่าเจ้าไม่อยากจะไปเดินเล่นสักหน่อยหรือ?”
และเป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะเสี่ยวเฉี่ยหวั่นไหว จึงได้กลายร่างไปมีรูปลักษณ์ที่น่ารักน่าชังนั่นอีกครั้ง
อาหารของมนุษย์สำหรับเสี่ยวเฉี่ยแล้วถือว่าน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก อีกทั้งมันยังอร่อยมากอีกด้วย เมื่อกินแล้วมันก็สามารถผ่อนคลายความกังวลทั้งหมดไปได้เลย
เมื่อเสี่ยวเฉี่ยมีของกิน มันก็ได้ลืมเรื่องยุ่งเหยิงเกี่ยวกับการแปลงร่างที่ไร้ความสง่างามของมันไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะมันติดตามมู่เฉียนซี มันจึงสามารถกินได้ตลอดทางตั้งแต่ขุมนรกสีโลหิตชั้นที่สิบสองไปจนถึงขุมนรกโลหิตชั้นที่สิบแปดเลยทีเดียว
เนื่องจากว่ารูปลักษณ์ของเสี่ยวเฉี่ยน่ารักเกินไป ดังนั้นมันจึงสามารถดึงดูดพวกนิสัยเสียได้มากมายเช่นกัน เพราะอย่างไรเสียขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่มีคนนิสัยเสียไม่ขาด อยู่แล้ว
แต่ทว่าคนที่กล้ายั่วยุเสี่ยวเฉี่ยเหล่านั้น ก็ถูกจัดการอย่างเหี้ยมโหดไปจนหมดแล้ว ซึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีพวกผู้คุมอยู่ด้วย
นักโทษของคุกสีโลหิตที่สังหารผู้คุมจะถูกหมายหัว แต่หากถูกพืชกลายพันธุ์ฆ่าตาย พวกเขาเองก็ไม่สามารถไปแก้แค้นกับพืชกลายพันธุ์ได้เช่นกัน และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพืชกลายพันธุ์ระดับ เจ็ดดาวเลย
ในที่สุดมู่เฉียนซีและเสี่ยวเฉี่ยมาถึงขุมนรกสีโลหิตชั้นที่สิบแปดแล้ว และพระราชวังของเจ้าโลหิตก็อยู่ตรงใจกลางชั้นที่สิบแปดแห่งนี้พอดี
ที่นี่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง นอกจากนี้ทุกคนยังดื่มด่ำไปกับความสุขสำราญไม่ขาด
และตอนนี้พวกนางก็สามารถหาที่นั่งริมหน้าต่างภายในโรงเตี๊ยมที่ตกแต่งอย่างหรูหรามากแห่งหนึ่งได้
นางกำลังป้อนอาหารให้กับเสี่ยวเฉี่ยที่มีแขนขาขนาดเล็ก ก็พลันได้ยินเสียงเอะอะที่ดังมาจากถนนด้านนอกอีกฝั่งหนึ่ง
“ท่านฝูเซิงออกมาเดินเล่นแล้ว”
“ท่านฝูเซิง…”
“……”
ใบหูของเสี่ยวเฉี่ยสั่นไหวเล็กน้อย ฝูเซิง…
เขานอนคว่ำหน้าอยู่ข้างหน้าต่างและมองออกไป เนื่องจากว่าตอนนี้เสี่ยวเฉี่ยได้ถูกคนผู้นั้นดึงดูดความสนใจ มันจึงทำให้มู่เฉียนซีมองไปด้วยเช่นกัน
กุหลาบแดงปลิวว่อนไปทั่วอากาศตั้งแต่คนผู้นั้นยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย ซึ่งรูปแบบอันงดงามนี้ก็ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นอย่างมาก
กลุ่มคนนับร้อย แบกเกี้ยวที่ดูอ่อนนุ่มและสวยงามเดินไปบนอากาศตามท้องถนน และบนเกี้ยวขนาดยักษ์ที่ดูอ่อนนุ่มนั้นก็มีชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตางดงามและมีเสน่ห์มากคนหนึ่งนั่ง อยู่
ริมฝีปากสีเลือดของเขาแดงราวกับเลือดสด คิ้วของเขาก็งดงามราวกับวาดออกมาก็มิปาน ดวงตาสีทองนั้นเปล่งประกายสดใส อีกทั้งยังมีไฝสีแดงเลือดตรงหางตา ซึ่งมันก็ทำให้เขาดูมีเสน่ห ห์เย้ายวนและน่าหลงใหลอย่างเห็นได้ชัด และมันก็ทำให้เขาเป็นเหมือนดั่งหายนะที่ทำให้โลกวุ่นวายอย่างไรอย่างนั้น
แวบแรกที่มอง ชายผู้นี้งดงามมากเหลือเกิน
แต่เมื่อได้มองอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก
และเมื่อมู่เฉียนซีหันหน้ากลับมา แล้วมองไปยังเสี่ยวเฉี่ยที่อยู่ข้างกายของตนเอง นางก็พบว่าชายผู้นั้น ไม่ได้มีหน้าตาที่เหมือนกับเสี่ยวเฉี่ยตอนที่โตแล้วหรอกหรือ?
เขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ!
และในตอนนี้ เสี่ยวเฉี่ยก็จ้องมองไปยังชายที่งดงามและมีเสน่ห์ยั่วยวนฝูงชนจนถูกล้อมหน้าล้อมหลังผู้นั้นอย่างโกรธเคือง
ราวกับว่าชายผู้นั้นเป็นพ่อผู้ชั่วร้ายที่ทอดทิ้งภรรยาของตน และออกไปโปรยเสน่ห์กับหญิงสาวที่อยู่ด้านนอกก็มิปาน
ร่างของพืชปีศาจแปลงกายได้ตามความนึกคิดของตนเอง แน่นอนว่าหากมีเชื้อสายเดียวกันแล้วละก็ จะแปลงร่างเหมือนกันทุกประการก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เสี่ยวเฉี่ย คนที่ทำท่าทางอวดดีคนนั้นเป็นพ่อของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นมันก็เป็นหนามโลหิตเหมือนกันน่ะสิ!”