ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2444 ไม่ใช่พ่อของเขา
เจ้าหมอนี่หยอกล้อนางอย่างอวดดี และภายในแววตาของมู่เฉียนซีก็เปล่งประกายระยิบระยับออกมา “ในฐานะที่ท่านเป็นพ่อของเสี่ยวเฉี่ย และยังเป็นสนมชายของเจ้าโลหิต ข้าจึงไม่รู้เลยว่ าท่านจะยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่? ท่านฝูเซิง”
เดิมทีฝูเซิงอยากที่จะล้อเลียนแม่สาวน้อยผู้นี้ต่ออีกสักหน่อย แต่ผลปราฏว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าไป เขาก็ถึงกับขบฟันแน่นเลยทีเดียว
“ใครเป็นคนพูด ข้าจะไปทำลายมันให้หมด!” ฝูเซิงกล่าวอย่างอาฆาตแค้น
เพียงแต่ว่าเวลาของเขามีไม่มากแล้ว ฝูเซิงจึงกล่าวว่า “แม่สาวน้อย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นไม่ธรรมดา และก็รู้ด้วยว่าเจ้าจะไม่ยอมถูกขังอยู่ในคุกสีโลหิตนี้ตลอดไปแน่ ดังนั้นหากเจ้ากำลังจ จะหาทางออกไปแล้วละก็ เช่นนั้นก็ต้องทำให้เจ้าหมอนี่ขึ้นไปถึงขั้นเทวะให้ได้! และมีเพียงขึ้นไปถึงขั้นเทวะเท่านั้น ข้ากับมันถึงจะสามารถเอาชนะเจ้าโลหิตได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ที่แท้ที่ท่านทิ้งลูกชาย และไม่สนใจความเป็นความตายของเขา นอกจากจะต้องการกระตุ้นลูกชายของท่านให้เติบโต ก็มีเป้าหมายเพื่อต้องการให้เขาช่วยท่านเอาชนะเจ้าโลหิ ตอย่างนั้นสินะ!”
มุมปากของฝูเซิงกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง “มันไม่ใช่ลูกชายข้า!”
“บริวารน้อย ข้าบอกกับเจ้าแล้ว เขาไม่ใช่พ่อของข้า” เสี่ยวเฉี่ยก็ทักท้วงขึ้นมาเช่นกัน
มู่เฉียนซีโบกมือแล้วกล่าว “เจ้าดูสิ ใจตรงกันขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่ใช่อีกหรือ?”
ฝูเซิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขาจึงกล่าวว่า “ข้าจะออกไปแล้ว มิเช่นนั้นเจ้าคนผิดปกตินั่นจะต้องค้นพบว่าคืนนี้ข้าแอบหนีออกมาเป็นแน่ เจ้าอย่าให้เจ้าโลหิตเห็นร่างมนุษย์ของมันเป็ นอันขาด ไม่อย่างนั้นต้องถูกเขาสงสัยเป็นแน่”
“ตกลง”
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!” เรื่องที่ควรจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว ฉะนั้นฝูเซิงจึงเตรียมตัวที่จะจากไป
พลันนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “รอเดี๋ยว!”
“เจ้าตัวน้อย ยังมีเรื่องอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านทิ้งเด็กน้อยอย่างเสี่ยวเฉี่ยเอาไว้ข้างนอกเพียงลำพัง โดยไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อตอนนี้ท่านปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมอบสมบัติให้เสี่ยวเฉี่ยบ้างสิ ก่อนหน้านี ท่านก็เคยเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะมาก่อน นอกจากนี้ท่านยังอาศัยการคุ้มครองของเจ้าโลหิตปล้นเอาสมบัติมาได้มากมาย หรือท่านไม่คิดที่จะมอบของขวัญในโอกาสที่พบหน้ากันให้ลูก กชายของท่านหน่อยหรือยังไง?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมีเหตุผล
พ่อจอมห่วยแตกของเสี่ยวเฉี่ยผู้นี้ไม่น่าไว้วางใจเลยจริง ๆ!
มุมปากของฝูเซิงกระตุกเล็กน้อย “อื้ม! ข้าต้องให้ของขวัญในการพบหน้ากันกับเจ้าตัวน้อยบ้างสินะ”
ฝูเซิงเอาแหวนมิติออกมาอันหนึ่ง พลางกล่าวว่า “สิ่งของที่อยู่ข้างในนี้ข้ามอบให้เจ้าทั้งหมดเลย แต่หากไม่ชอบอันไหนก็แค่ทิ้งไปก็พอแล้ว”
ทันใดนั้นฝูเซิงก็หายไปต่อหน้าต่อตาของมู่เฉียนซี จากนั้นนางก็หยิกแก้มเสี่ยวเฉี่ยพลางกล่าวว่า “พ่อของเจ้านี่ช่างห่วยแตกจริง ๆ นอกจากนี้คิดว่าเขาน่าจะถูกเจ้าโลหิตเปลี่ยนให้ชอบ บเพศเดียวกันไปแล้วเป็นแน่ แต่อย่ากังวลไปเลย ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง”
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งว่า “เขาไม่ใช่พ่อของข้าจริง ๆ ไม่ใช่จริง ๆ นะ! นอกจากนี้เขาก็ไม่มีทางชอบผู้ชายเด็ดขาด”
สำหรับพ่อที่ห่วยแตกคนนี้ มู่เฉียนซีรู้สึกไม่พอใจมากเลยจริง ๆ
รูปร่างหน้าตาก็งดงาม แต่นิสัยกลับห่วยแตกเกินไป! แม้มันอาจจะทำให้ลูกชายตายได้ แต่เขาก็ยังคิดที่จะให้ลูกชายตัวน้อยของเขา ไปแก้แค้นแทนเขาตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้อีก
ถึงนางไม่อาจจะทำใจให้ชอบฝูเซิงได้จริง ๆ แต่ทว่าเขากลับบอกข้อมูลที่สำคัญมากอย่างหนึ่งให้นางได้รู้ นั่นก็คือความแข็งแกร่งของเจ้าโลหิตมีมากกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้ ซึ่งอย่า างน้อยก็น่าจะมีความสามารถอยู่ในระดับอ๋อง นอกจากนี้ยังไม่ใช่ระดับอ๋องธรรมดาอีกด้วย
ดูเหมือนว่าความสามารถของเจ้าโลหิตจำเป็นจะต้องใช้พืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะถึงจะสามารถเอาชนะได้ และดูเหมือนว่าหากต้องการเอาชนะเจ้าโลหิตและออกไปจากขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ มันน่าจะยากล ลำบากมากกว่าที่คิดเอาไว้หลายพันหลายหมื่นเท่าเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นางก็ไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน
รอให้เสี่ยวเฉี่ยยกระดับไปถึงขั้นเทวะ ความสามารถของนางก็น่าจะยกระดับขึ้นแล้วเช่นกัน
ตอนนี้มู่เฉียนซีจึงเดินหน้าค้นหาปรมาจารย์ต่อไป ท้ายที่สุดแล้วนางก็ได้ค้นพบปรมาจารย์ท่านหนึ่ง
คิดไม่ถึงเลยว่าปรมาจารย์ท่านนี้จะค้นคว้าเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายของร่างดับเปลวเพลิงโดยเฉพาะ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ดีเท่าไรนัก นอกจากนี้คนของขุมนรกสีโลหิตก็ไม่มีใครสามารถร รับมันได้อีกด้วย ซึ่งทุกคนที่เคยลองเคล็ดวิชานี้ต่างก็ถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านทั้งสิ้น
เนื่องจากคนที่ตายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ตอนนี้ก็ไม่มีใครไปหาปรมาจารย์ท่านนี้เพื่อศึกษาเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายนี้อีกเลย ซึ่งการดำรงอยู่ของเขาจึงกลายเป็นสิ่งที่ถู กคนอื่นดูถูกเหยีดหยามไปโดยสิ้นเชิง
เขาเป็นคนสมองทึมทื่อคนหนึ่ง เพราะหลังจากที่ศึกษาค้นคว้าเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายนี้แล้ว ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างอื่นอีกเลย ฉะนั้นแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ชั้นสิบแปด แต่กลับกลาย ยเป็นคนยากจนข้นแค้นที่หาได้ยากบนชั้นที่สิบแปดแห่งนี้
เดิมทียังพอมีตัวเลือกอื่นอยู่บ้าง แต่เมื่อมู่เฉียนซีเห็นคนผู้นี้ จึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมเยือนเขาก่อน
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวว่า “เจ้า…เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกหรือ! ไม่ได้ ไม่อนุญาต”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าไปลองดูก่อนต่างหาก อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็เลื่อนขั้นเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวแล้ว ฉะนั้นจึงไม่สามารถให้เจ้าเลื่อนขั้นต่อไปได้อีก เพราะตอนนี้ร่างกาย ของเจ้าเริ่มเกิดปัญหา และข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้าเสี่ยงอันตรายไปมากกว่านี้ได้แล้ว”
ชั้นที่สิบแปดของขุมนรกสีโลหิต เต็มไปด้วยบรรยากาศที่หรูหรา ฉะนั้นแน่นอนว่าบ้านดินขนาดเล็กเช่นนี้จึงพบเห็นได้ยากมาก
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีเดินเข้าไปในภายในบ้านดินหลังนั้น คนที่เดินผ่านไปมาเหล่านั้นก็กล่าวขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนมาหาท่านปรมาจารย์หลานด้วย!”
“มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ไม่มีใครขอคำชี้แนะจากท่านปรมาจารย์หลานมาเป็นสิบปีแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีคนมาหาเขาอีก! นอกจากนี้ยังเป็นเพียงแม่นางน้อยคนหนึ่งอีกด้วย แม่นางน้อยผู้นี้คิดไม่ตกขนาดไหนกันนะ”
“ร่างดับเปลวเพลิง เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขุมนรกสีโลหิตที่เป็นสถานที่ที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณในการสร้างเกาะป้องกันได้เช่นนี้ ฉะนั้นผลของการใ ใช้เคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงนี้ จึงไม่เพียงแต่จะหลอมรวมร่างกายไม่ได้ แต่ยังถูกมันแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านอีกด้วย”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
มู่เฉียนซีเคาะประตู แต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบรับ
ถึงประตูจะปิดไม่สนิท แต่อย่างไรเสียในสถานที่เช่นนี้ ถึงจะเปิดประตูเอาไว้ ก็ไม่คงไม่มีขโมยเข้ามาอยู่ดี
มู่เฉียนซีผลักประตูเปิดออกและเดินเข้าไป จากนั้นก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังปีนป่ายขึ้นมา
เขาพูดด้วยดวงตาที่พร่ามัวคู่นั้นว่า “หิว…หิวเหลือเกิน…”
ท่าทางที่เหมือนกับผีหิวโหยก็มิปานนั้น ช่างน่าหวาดกลัวมากจริง ๆ
ในฐานะที่มู่เฉียนซีเป็นนักปรุงยาคนหนึ่ง จึงมองออกได้ทันทีว่าถึงชายผู้นี้จะถูกความหิวโหยทำให้มีสภาพเช่นนี้ แต่เขาก็ยังมีแรงและยังไม่ตายอยู่ดี
เข็มยาเข็มหนึ่งบินออกไป จากนั้นก็แทงไปบนแขนของเขา เช่นนั้นก็เติมสารอาหารให้เขาก่อนก็แล้วกัน!
หากนางเดาไม่ผิดแล้วละก็ คนผู้นี้ก็คือปรมาจารย์ที่นางกำลังตามหาอยู่คนนั้นแน่นอน อย่างไรเสียก็คงไม่มีใครอื่นอยู่ภายในห้องที่เรียบง่ายเช่นนี้อีกแล้วล่ะ
ยาได้ถูกร่างกายของเขาดูบซับไปอย่างรวดเร็ว และตอนนี้ปรมาจารย์หลานก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งแล้ว
เขาค่อย ๆ ปีนป่ายขึ้นมาอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นชายชราที่ผอมแห้งคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมาอย่างน่าสงสารว่า “แม่สาวน้อย ข้ายังหิวอยู่เลย! เจ้าสิ่งนั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว ขอเพิ่มให้ ข้าอีกสักหน่อยจะได้หรือไม่”
สถานที่ที่สามารถใช้เงินได้ราวกับน้ำ และมีของอร่อยนับไม่ถ้วนผสมปนเปอยู่มากมายเช่นนี้ แต่กลับสามารถทำให้ตนเองเหลือเพียงหนังหุ้มกระตูกได้ ปรมาจารย์หลานท่านนี้นับว่ามีพรสวรรค์ เช่นกัน
มู่เฉียนซีโยนยาน้ำให้เขาสองสามขวดพลางกล่าวว่า “กินอันนี้เถอะ!”
เขารีบดื่มยาขวดหนึ่งลงไปรวดเดียวโดยไม่สนใจว่ามันจะมีพิษหรือไม่ ดูแล้วราวกับผีหิวโหยที่กลับชาติมาเกิดก็มิปาน
ร่างกายของเขาฟื้นฟูได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่สาวน้อย เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้! เจ้ามาหาข้าเพราะมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ? หรือว่าเจ้ามาผิดที่กันล่ะ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ามาหาปรมาจารย์หลานที่ค้นคว้าเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิง หากท่านก็คือเขาแล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็มาหาไม่ผิดที่แล้วล่ะ”
ปรมาจารย์หลานผงะไปครู่หนึ่ง “แม่สาวน้อยอย่างเจ้าต้องการค้นคว้าเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงอย่างนั้นหรือ อย่ามาก่อเรื่องเลย เจ้าออกไปเถอะ!”
เขาเคยเห็นคนที่ใช้ร่างดับเปลวเพลิงมามากมาย และสุดท้ายต่างก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้แม่สาวน้อยที่ช่วยชีวิตเขาต้องมาตายไปเช่นนี้
“ปรมาจารย์หลาน ตลอดหลายปีมานี้ท่านไม่เคยยอมแพ้เลยมิใช่หรือ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าร่างดับเปลวเพลิงสามารถทำสำเร็จได้ ในเมื่อตอนนี้ข้ามาหาท่านแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่ยอมให้คำแนะนำ ข้าบ้างเล่า!” มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าว
“เข้ามาสิ! หากเจ้ามีความสนใจเคล็ดวิชาที่เรียบง่ายและไม่ต้องการฝึกฝนด้วยตนเอง ข้าก็สามารถแนะนำเจ้าได้บ้าง! เพราะนอกจากข้าแล้ว ในขุมนรกสีโลหิตแห่งนี้ก็มีเพียงแค่เจ้าที่มีความ มคิดบ้า ๆ เช่นนี้” ปรมาจารย์หลานเชิญมู่เฉียนซีเข้าไปข้างใน