ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2445 เปลี่ยนเป็นงดงามไปแล้ว
“ข้าเองก็ศึกษาค้นคว้าเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงมาระยะหนึ่งแล้วเช่นกัน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ข้าศึกษาออกมา ท่านปรมาจารย์หลานโปรดให้คำชี้แนะด้วย” และมู่เฉียนซีก็ได้หยิบเอาเ เคล็ดวิชาที่ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้เหล่านั้นออกมา
ในตอนแรกที่ปรมาจารย์หลานได้ดูสิ่งเหล่านี้ก็ยังคงนิ่งสงบอยู่มาก แต่ในตอนท้ายเมื่อได้ดูแล้วกลับรู้สึกเหลือเชื่อมากจริง ๆ นี่คือเคล็ดวิชาที่แม่สาวน้อยผู้นี้ศึกษาออกมาอย่ างนั้นหรือ
“เจ้า…เจ้าศึกษามันมานานแค่ไหนแล้ว?” ปรมาจารย์หลานกล่าวอย่างสั่นเทา
“ประมาณเดือนกว่า ๆ เห็นจะได้!”
ปรมาจารย์หลานเบิกตาโพลงพลางกล่าวว่า “อะไรนะ? เดือนกว่า ๆ อย่างนั้นหรือ แม่สาวน้อย เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่!”
ระดับความสมบูรณ์แบบของเคล็ดวิชานี้ ถึงเขาจะใช้เวลานับร้อยปีก็ยังไม่สามารถทำให้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้เลย แต่แม่สาวน้อยผู้นี้กลับใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
“แม่สาวน้อยเจ้านี่เป็นอัจฉริยะจริง ๆ เจ้าสามารถสร้างเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายเช่นนี้ออกมาได้ตั้งแต่อายุยังน้อย หากเจ้าไม่ได้ค้นคว้าเคล็ดวิชาที่ไม่เป็นรูปธรรมเช่นนี้แต่เป็นเคล็ ดวิชาอื่น ข้าก็ไม่รู้เลยว่าจะมียอดฝีมือของขุมนรกสีโลหิตมากมายเพียงใด ยกสมบัติมาให้เจ้าเพื่อขอให้เจ้ามอบเคล็ดวิชาเหล่านี้ให้”
หลังจากนั้นปรมาจารย์หลานก็ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “หรือว่าเจ้าอยากจะเป็นเหมือนตาแก่แย่ ๆ อย่างข้า ที่ติดอยู่ในทางตัน และเอาแต่ศึกษาเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่ไร้ประโยชน์ จนไม่ม มีคนมาขอคำชี้แนะนานมากกว่าสิบปี อีกทั้งกำลังจะอดตายเพราะความยากจนอย่างนั้นหรือ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อปรมาจารย์หลานทำการศึกษามาเป็นเวลานานขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าท่านไม่มีทางที่จะศึกษาสิ่งที่ไม่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และหากเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงนี้ประส สบความสำเร็จ มันก็จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งทางกายภาพได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย”
“ถึงแม้ว่าจะกล่าวได้เช่นนั้น แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่มีร่างมนุษย์ที่เหมาะสมเลย นอกจากนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าลองอีกแล้วด้วย”
“ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์การค้นคว้าบางส่วนของข้า อย่างไรเสียสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีคนต้องการอยู่แล้ว หากเจ้าต้องการที่จะค้นคว้าจริง ๆ ก็สามารถเอาไปพิจารณาด้วยก็ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ขอบคุณท่านปรมาจารย์หลานมากเจ้าค่ะ!”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็อาศัยอยู่ที่นี่ และค้นคว้าเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประสิทธิภาพของมันนั้นน่าทึ่งมาก หลังจากนั้นไม่นานมู่เฉียนซีก็สามารถสร้างเคล็ด วิชาร่างดับเปลวเพลิงส่วนแรกสำเร็จได้ด้วยตนเองแล้ว
“สมบูรณ์แบบ…สมบูรณ์แบบมาก มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เจ้านี่ช่างวิปลาสเหลือเกิน” สิ่งนี้ทำเอาปรมาจารย์หลานถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ช่วงที่มู่เฉียนซีอยู่ที่นี่สองสามวัน เขาก็ไม่ต้องทนหิวจนท้องกิ่วอีกแล้ว และในที่สุดร่างกายของเขาก็มีเนื้อหนังขึ้นมาแล้วเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เคล็ดวิชานี้สามารถลองได้หรือไม่?”
“จะว่าได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่ไม่มีใครยินยอมน่ะสิ! เว้นแต่ว่าเจ้าจะไปจับคนที่แข็งแกร่งสักคนมาฝึกฝน แต่ว่า…”
มู่เฉียนซีหยิบยาขวดหนึ่งออกมาแล้วกล่าวว่า “เคล็ดวิชาส่วนนี้เป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง ดังนั้นข้าย่อมต้องเป็นคนลองมันเองอยู่แล้ว!”
สีหน้าของปรมาจารย์หลานเปลี่ยนไปทันที และเขาก็กล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน “แม่สาวน้อย เจ้าอย่าทำอะไรส่งเดชเช่นนี้! อย่าหุนหันพลันแล่นนักสิ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ารู้ตัวเองดีอยู่แล้ว!”
มู่เฉียนซีดื่มยาที่ตนเองกลั่นออกมาลงไปทันที ซึ่งมันก็เป็นยาชนิดเดียวกับที่ทำให้นางทุกข์ทรมานเมื่อครั้งที่แล้ว
ขนาดคราวที่แล้ว นางที่ยังไม่มีเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายร่างดับเปลวเพลิงที่สมบูรณ์ นางยังไม่บุบสลายเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย นางจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่น นอน!
พรึ่บ!
และทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของมู่เฉียนซี
ปรมาจารย์หลานกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เป็นถึงอัจฉริยะแต่กลับกล้าหาญชาญชัยเสียเหลือเกิน นี่ถึงขั้นจะเล่นตัวเองให้ตายเลยอย่างนั้นหรือ!
และในตอนที่เขาอยากจะเข้าไปช่วย เขาก็ได้ถูกหนุ่มน้อยในชุดคลุมดำคนหนึ่งขวางเอาไว้เสียก่อน
พั่วจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไม่อนุญาตให้ท่านเข้าใกล้นายท่าน!”
“เจ้านี่ช่างมีความภักดีที่โง่เขลาจริง ๆ หากไม่ให้เข้าไปช่วย หรือเจ้าจะมองดูนางถูกเผาตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้หรือ? ถอยไป เจ้าเด็กไม่รู้ความนี่” ปรมาจารย์หลานกล่าว
“ไม่!”
และในตอนที่เปลวเพลิงจางลง มู่เฉียนซีก็ยังคงปลอดภัยดีอยู่
ปรมาจารย์หลานกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “สะ…สำเร็จแล้ว…”
“เจ้า…”
เขาเคยเห็นคนที่ใช้ร่างดับเปลวเพลิงมาแล้วก็หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนที่ยืนอยู่อย่างปลอดภัยต่อหน้าเขาเช่นนี้
“เจ้า…เจ้าคงจะไม่ใช่ผู้คุมหรอกใช่หรือไม่ หรือเจ้ามีพลังวิญญาณคุ้มกันร่างกายอย่างนั้นหรือ! มิเช่นนั้น…มิเช่นนั้นเจ้าจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ข้าไม่ใช่ผู้คุมจริง ๆ และก็ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ด้วย และนี่ก็เป็นแค่เปลวเพลิงระดับต่ำที่สุดเท่านั้น ดูเหมือนว่าข้าจะต้องลองเจ้าสิ่งนี้ดูแล้วล่ะ!” ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ หยิบสิ่งของสีแดงเลือดชิ้นหนึ่งออกมา
“ไขกระดูกวิญญาณเฉี่ยซา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นไขกระดูกวิญญาณเฉี่ยซา พลังนี้แข็งแกร่งมากเกินไป เจ้า…เจ้าระวังหน่อยเถอะ! แม่สาวน้อย ถึงจะเป็นคนหนุ่มสาวก็อย่าอยากเอาชนะมากเกินไป จนหลงระ ะเริงเลย หากคนที่มีพรสวรรค์เช่นเจ้าตายไป มันคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหลือเกิน”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ใช้ไขกระดูกวิญญาณเฉี่ยซากลั่นยาหลอมร่างที่นางต้องการออกมา ซึ่งแน่นอนว่ามีระดับที่สูงกว่าผลึกเฉี่ยซาถึงสิบเท่า และยังแข็งแกร่งกว่าอีกด้วย ฉะนั้นคราวนี้ มู่เฉียนซีจึงถือว่าทุลักทุเลมากเลยทีเดียว
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เหตุใดผู้หญิงอย่างเจ้าถึงได้ไม่เชื่อฟังขนาดนี้นะ! แค่ทำตัวเป็นบริวารที่ดีของข้าไม่ได้หรือยังไง? เอาแต่ทรมานร่างกายของตนเองอยู่ได้ ข้าย ยังฝึกฝนจนเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะไม่ได้ เจ้าก็จะมาทำให้ตนเองต้องตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
และร่างดับเปลวเพลิงขั้นที่หนึ่ง ก็คือการหลอมชั้นพื้นผิว!
ทันใดนั้นร่างกายของมู่เฉียนซีก็มีผิวหนังสีดำชั้นหนึ่งหลุดลอกออกมา ก่อนจะปรากฏให้เห็นผิวหนังภายในที่มีสีขาวอมชมพู อีกทั้งยังเรียบเนียนราวกับผ้าไหมอีกด้วย
“ข้าก็ไม่เป็นไรมิใช่หรือ? สำหรับข้าแล้วถือว่ามันมีประโยชน์มากเลยด้วยซ้ำ เจ้าลองดูสิไม่ใช่ว่าข้าเปลี่ยนกลายเป็นคนที่งดงามไปแล้วอย่างนั้นหรือ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเฉี่ยเม้มปากเล็กน้อยขณะมองนางที่กำลังพูดอยู่ ถึงนางจะกลายเป็นคนที่งดงามไปแล้วจริง ๆ แต่เขาก็ไม่มีทางยอมรับมันแน่นอนอยู่แล้ว
“อัปลักษณ์จะตาย อัปลักษณ์ที่สุด เหมือนจะเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์มากกว่าเดิมเสียอีก เจ้าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน?”
ปัง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดเสียงหนึ่งดังขึ้น และก็มีชายที่เหมือนกับทูตสวรรค์ก็มิปานปรากฏตัวออกมา
เขากล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าตัวน้อย เจ้าหมอนี่ปากไม่ตรงกับใจเอาเสียเลย เจ้าอย่าได้ไปสนใจเขาเลยนะ! นอกจากนี้ตอนนี้เจ้าก็เปลี่ยนเป็นงดงามมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ซึ งข้าก็ชอบเจ้ามากจริง ๆ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นี่ท่านมาได้อย่างไรกัน? หรือท่านไม่กลัวท่านเจ้าโลหิตจับกลับไป และทำให้ท่านลุกขึ้นมาไม่ได้อีกอย่างน้้นหรือ?”
มุมปากของฝูเซิงกระตุกอย่างบ้าคลั่ง และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นี่ในสมองของผู้หญิงอย่างเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? หากข้าไม่ยินยอม แม้ว่าจะเป็นเจ้าโลหิตก็ไม่อาจบีบบังคับข ข้าได้ เว้นแต่เขาอยากจะพิการน่ะนะ”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่แท้ที่ท่านฝูเซิงรักษาพรหมจรรย์ของตนเองเอาไว้ได้ ก็เป็นเพราะตอนที่ตกอยู่ในอันตราย ท่านสามารถกลายร่างเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายได้สินะ! ไม่รู้ว่า ตอนนี้ท่านเจ้าโลหิตจะอดกลั้นมานานแค่ไหนแล้ว?”
ในตอนที่ไม่ว่าใครก็ตามต้องการที่จะทำอะไรบางอย่าง กลับต้องมาเห็นหนุ่มรูปงามเปลี่ยนเป็นหนามแหลมคมที่ดุร้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน คาดว่าการที่ร่างกายเต็มไปด้วยหนามเช่นนี้คงเป็นป ประสบการณ์ที่ยากจะอธิบายได้อย่างแน่นอน!
“ร่างดับเปลวเพลิงนี้อันตรายเกินไปจริง ๆ อย่างไรเสียเจ้าหมอนี่ก็กลายเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะได้อย่างแน่นอน เจ้าไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เลย! ทั้งสาวน้อยและ หนุ่มน้อยต้องน่ารักน่าเอ็นดูมิใช่หรือ?” ฝูเซิงยื่นมือออกไป จากนั้นก็ยกผมสีดำขลับของมู่เฉียนซีขึ้น แต่ผลปรากฏว่ากลับถูกพั่วจวินโจมตีอย่างฉับพลัน
ฝูเซิงรีบถอยออกไปอย่างรีบร้อน นิ้วมือของเขาเกือบถูกตัดจนขาดแล้ว ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายของเจ้าตัวน้อยนี่ไม่รู้จักมารยาทเลยสักนิด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่เพราะต้องการจัดการเจ้าโลหิตเท่านั้น! ที่ด้านนอกนั้นยังมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ และก็เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเ เจ้าโลหิตเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ย่อมต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นทั้งนั้น คราวหน้าข้าจะไม่ตกหลุมพลางของเขา และทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตรายอีก”
ฝูเซิงหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ช่างเป็นสาวงามที่น่ารักจริง ๆ ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีทางขัดขวางเจ้าได้อีกแล้ว สู้ ๆ ก็แล้วกันนะ! แต่หลังจากที่ออกไปแล้ว หา ากคนผู้นั้นกล้ามารังแกเจ้าอีก ข้าเองก็สามารถช่วยเจ้าจัดการเขาได้เช่นกัน!”
เสี่ยวเฉี่ยจ้องมองไปที่มันอย่างไม่สบอารมณ์ ต้องการให้เขามาขัดขวางบริวารตัวน้อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผลสุดท้ายเขาจะยอมแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย!
“ก่อนหน้านี้ท่านแข็งแกร่งมากอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม