ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2448 เกิดเรื่องกับฝูเซิง
มู่เฉียนซีพุ่งตรงไปยังผลอสูรเพลิงทันที และในตอนที่นางกำลังจะเด็ดผลอสูรเพลิงมาได้สำเร็จ ร่างของนางก็กลืนหายไปในเปลวเพลิงนั้นอย่างฉับพลัน
ถึงมู่เฉียนซีจะไม่ตาย แต่ก็คงต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะได้ไม่ต้องเสียแรงให้กับนางมากนัก จื่อเวยแอบคิดในใจ
ผลที่ได้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังเอาไว้ เพราะถึงจะถูกเปลวเพลิงดูดกลืนหายไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็ทำให้นัยน์ตาของจื่อเวยหดลงอย่า างกะทันหัน นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ตอนนี้มู่เฉียนซีได้ฝึกฝนเคล็กวิชาร่างดับเปลวเพลิงแล้ว ฉะนั้นนางจึงมีภูมิคุ้มกันต่อเปลวเพลิงที่ธรรมดาเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้เปลวเพลิงของต้นอสูรเพลิง จึงไม่เป็นอันตรายต่อนางเลยแม้แต่น้อย
และผลอสูรเพลิงลูกแรกก็ถูกมู่เฉียนซีเก็บได้ ซึ่งมันก็ทำให้จื่อเวยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และเริ่มไล่ตามมู่เฉียนซีอีกครั้งทันที
ความเร็วของนางเร็วมาก บวกกับนางที่ไม่หวาดกลัวต่อเปลวเพลิงของต้นอสูรเพลิง ดังนั้นนางจึงสามารถเก็บผลอสูรเพลิงทั้งเก้าลูกได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเก็บผลไม้เสร็จแล้ว จื่อเวย หากเจ้าอยากจะสู้ พวกเราก็ไปสู้กันทางนั้นเถอะ! ถ้าหากเจ้าชนะ ผลอสูรเพลิงทั้งหมดนี่จะเป็นของเจ้า”
ร่างของมู่เฉียนซีสว่างวาบ และออกไปจากตรงนั้นทันที
ตอนนี้บนต้นอสูรเพลิงมีแต่ความว่างเปล่า และมันก็ไม่มีผลเหลืออยู่เลยแม้แต่ผลเดียว
สุดท้ายมันก็เริ่มคลั่งขึ้นมาแล้วเช่นกัน เนื่องจากว่าผลของมันถูกเก็บไปจนหมด และแน่นอนว่าพวกของจื่อเวยไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว
“มู่เฉียนซี!” จื่อเวยกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ฆ่านางซะ!”
ผู้คุมทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซี และทันใดนั้นเสี่ยวเฉี่ยก็เข้ามารับการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาเอาไว้ โดยไม่พลาดเลยแม้แต่คนเดียว
เพราะสุดท้ายแล้วหากปล่อยให้มีผู้คุมหลุดออกไปโจมตีมู่เฉียนซี ถึงแม้ว่าความสามารถทางกายภาพของมู่เฉียนซีจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แต่นางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้คุมที่มีระดับใต้เท้า ขั้นสูงอยู่ดี
สีหน้าของจื่อเวยมืดมนลงทันที เขากล่าวว่า “มู่เฉียนซี แค่จัดการเจ้าข้าไม่จำเป็นต้องให้ผู้คุมลงมือหรอก รอรับความตายซะเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รับความพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่”
ปัง!
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ว่าจื่อเวยแข็งแกร่งกว่าครั้งที่แล้วเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเจ้าโลหิตจะให้ความช่วยเหลือเขามากเลยทีเดียว!
แต่ว่า แข็งแกร่งขึ้นแล้วมันจะทำไมล่ะ?
มีเข็มยาหลายสิบเล่มลอยออกไปจากปลายนิ้วของมู่เฉียนซี ซึ่งจื่อเวยก็สามารถหลบหลีกได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ตึงง!
ทั้งสองคนทำการต่อสู้ระยะประชิด แต่เนื่องจากกลยุทธ์ของมู่เฉียนซีนั้นมีมากกว่าจื่อเวยมาก จึงทำให้ทั้งคู่ก็ไม่สามารถรู้ผลแพ้ชนะได้ในขณะนี้ และทำได้เพียงเสมอกันเท่านั้น
แววตาของจื่อเวยมืดมนลงทันที เขาแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดนี้เหตุใดถึงยังไม่สามารถฆ่ามู่เฉียนซีได้อีก! บัดซบเอ้ย!
ความสามารถของผู้คุมแข็งแกร่งมาก เพราะถึงพืชกลายพันธุ์จะมีจำนวนมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางพวกเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์อยู่ดี และตอนนี้จื่อเวยก็กำลังรอให้พวกเขาทะลวงออกมาให้ ได้
ขอเพียงมีผู้คุมแต่คนเดียวที่หลุดออกมาจากวงล้อมนั้นได้ เรื่องการสังหารมู่เฉียนซีก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากแล้ว แต่ทว่าตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องการจับมู่เฉียนซีเอาไว้ก็เพียงพอแล้ ว
“ขวางพวกมันเอาไว้!”
“หาทางบุกทะลวงออกมา จะปล่อยให้เปลืองแรงต่อไปเช่นนี้ไม่ได้”
พืชกลายพันธุ์จำนวนมากขนาดนี้ ทำให้ผู้คุมเหล่านี้ปวดหัวมากจริง ๆ แต่พวกเขาก็พยายามบุกทะลวงออกไปอย่างสุดความสามารถ
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องสร้างช่องว่างให้ได้ พวกเขาใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการส่งผู้คุมคนหนึ่งออกไป เพียงเท่านี้การช่วยเหลือท่านจื่อเวยก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกแล้ว
และจื่อเวยในตอนนี้ ก็กำลังรอช่วงเวลานี้อยู่เช่นกัน!
และในเวลานี้เอง จื่อเวยก็เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของมู่เฉียนซี “ดูเหมือนเจ้าจะภูมิใจมากสินะ! แต่เสียใจที่จะต้องบอกกับเจ้าว่า เจ้าไม่มีทางบรรลุเป้าหมายได้แน่”
ตึงง!
ทันใดนั้นร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ข้างหลังของเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว และโจมตีเข้าใส่จุดสำคัญถึงชีวิตของเขาอย่างไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย
จื่อเวยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “พั่วจวิน!”
เขาไม่จำเป็นต้องหันไปมอง ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่โจมตีเขาจากทางด้านหลังคือใคร และนั่นก็คือพั่วจวินนั่นเอง!
ตึง!
จื่อเวยล้มฟุบลงไปบนพื้น และเลือดก็ทะลักออกมาราวกับน้ำพุ
เขากล่าวอย่างประหลาดใจว่า “เจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทรยศท่านอู๋หยาเหมือนกับทานหลาง ดี…ดีจริง ๆ…”
จื่อเวยไม่คิดมาก่อนเลยว่า คนที่เดิมทีควรตายไปแล้วจะปรากฏตัวออกมาลอบโจมตีเขา ทำให้เขาไม่ทันได้ป้องกันเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พั่วจวิน เจ้าอยากให้เขามีชีวิตอยู่หรือว่าอยากให้เขาตายดีล่ะ”
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายท่านสั่งขอรับ!” พั่วจวินกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าทำอะไรกับพั่วจวินกันแน่? เหตุใดเขาถึงได้เชื่อฟังคำสั่งของเจ้า!” จื่อเวยกล่าวด้วยความตกใจ
“ชีวิตของเจ้านี่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ยังไม่ตายอยู่ดี ในเมื่อเจ้าไม่ตาย เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป เอาเป็นว่าทำให้เจ้ามีความภักดีเหมือนกับพั่วจวิน และทานหลางก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวกับเขา
“เจ้าฝันไปเถอะ! ข้าไม่มีทางเป็นเหมือนพวกเขาแน่นอน ข้ายอมตาย…”
จื่อเวยรู้ดีว่าตนเองไม่เหลือพลังในการโต้กลับเลยแม้แต่น้อย แต่เพื่อไม่ให้กลายเป็นเหมือนพั่วจวินและทานหลาง เขาจึงเตรียมตัวที่จะปลิดชีวิตของตนเองเสีย
เขาเตรียมจะฆ่าตัวตาย โดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด
คนที่อู๋หยาบ่มเพาะออกมา ไม่มีใครเห็นแก่ชีวิตของตนเองเลยแม้แต่คนเดียว อีกทั้งยังถือว่าคำสั่งของเขาเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดอีกด้วย
แต่ความเร็วในการฆ่าตัวตายของเขาย่อมไม่เร็วเท่าการเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีแน่นอนอยู่แล้ว พลันนั้นร่างของจื่อเวยก็แข็งทื่อจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
มู่เฉียนซีหยุดเลือดให้เขา และจัดการบาดแผลของเขาด้วย
จื่อเวยจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซีอย่างโกรธเคือง!
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเฉี่ยก็กำลังสั่งการกับน้องชายของมันให้สังหารคนทั้งหมดนี้ให้สิ้น
“บริวารน้อยของข้ากำจัดคนผู้นั้นได้แล้ว พวกเจ้านี่ไม่ได้เรื่องเลย ยังไม่รีบฆ่าพวกเขาให้เร็วขึ้นกว่านี้อีกหรือ”
เพราะความกดดันของเสี่ยวเฉี่ยทำให้พวกเขาจำเป็นต้องทุ่มสุดกำลัง และมันก็ทำให้สภาพของผู้คุมเหล่านั้นในตอนนี้น่าสังเวชเป็นอย่างมาก
“อ๊ากกกก!” มีเสียงกรีดร้องดังออกมาอย่างต่อเนื่อง และกองทัพผู้คุมเหล่านั้นก็ถูกสังหารหมู่ จนไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว
จื่อเวยรู้ว่ามันจบสิ้นแล้ว! และความพ่ายแพ้ในคราวนี้ ก็ไม่มีโอกาสที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้เลยแม้แต่น้อย
การปล่อยให้มู่เฉียนซีหนีรอดมาจนถึงขุมนรกสีโลหิตได้ในครั้งที่แล้ว แน่นอนว่าเป็นเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา และเมื่อก้าวแรกผิดพลาดก้าวต่อไปก็จะผิดพลาดด้วยเช่ นกัน
น่ารังเกียจนัก!
ฉึก ฉึก ฉึก!
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ฝังเข็มให้จื่อเวยอีกหลายเข็ม
ต่อมา นางก็โยนขวดยาออกไปอีกหลายขวด “พั่วจวิน เจ้ารับหน้าที่ในการเฝ้าเขาเอาไว้ หลังจากนั้นก็กรอกยาเหล่านี้ให้เขาด้วย ฉะนั้นข้ามอบหน้าที่นี้ให้เจ้าเป็นคนจัดการเขาก็แล้วก กัน”
“ขอรับ นายท่าน!” เมื่อเห็นว่าพั่วจวินเชื่อฟังคำสั่งของมู่เฉียนซี มันก็ทำให้จื่อเวยโกรธจนแทบจะระเบิดเลยทีเดียว
และทันทีที่คิดว่าหลังจากนี้ตัวเขาเองก็จะต้องปฏิบัติกับผู้หญิงคนนี้เช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถที่จะทนมันได้เลยจริง ๆ
ซึ่งมู่เฉียนซีไม่รู้เลยว่าความรู้สึกของจื่อเวยในตอนนี้บ้าคลั่งมากเพียงใด เพราะนางเอาแต่มองไปยังเจ้าตัวน้อยแสนน่ารักที่กลายร่างเป็นมนุษย์ และมองมาที่นางด้วยท่าทางที่ต้องกา ารคำชมพลางกล่าวว่า “ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “อื้ม! เสี่ยวเฉี่ยช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
และในตอนนี้เอง เสี่ยวเฉี่ยกลับรู้สึกมึนศรีษะขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนเกือบที่จะล้มฟุบไปต่อหน้าต่อตาของมู่เฉียนซีเสียแล้ว
แต่ยังโชคดีที่มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนสามารถรับเขาเอาไว้ทัน มิเช่นนั้นเสี่ยวเฉี่ยได้ล้มหน้าคะมำลงไปเป็นแน่
“เสี่ยวเฉี่ย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? หรือเจ้าใช้พลังมากเกินไปอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเป็นกังวล
เสี่ยวเฉี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้าไม่ได้เป็นอะไร แต่เป็นเขาที่กำลังเกิดปัญหาขึ้นแล้วต่างหาก”
มู่เฉียนซีรู้ว่าเขาที่เสี่ยวเฉี่ยกล่าวถึงนั้น ก็คือฝูเซิงนั่นเอง!
ตอนนี้ฝูเซิงอยู่ที่พระราชวังโลหิต และเขาก็รู้สึกเหมือนไร้พลังไปทั่วทั้งร่าง จนเกือบที่จะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว
เจ้าโลหิตลงมือกับเขาอีกครั้ง และไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนโจมตีมาก่อน
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นอาณาเขตของเจ้าโลหิต ซึ่งมันก็มีโอกาสมากมายให้เจ้าโลหิตได้ลงมือ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถป้องกันได้เลย
ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาก็มักจะกลายเป็นร่างเดิม และหากเจ้าโลหิตกล้ามาสัมผัสหนามโลหิตของเขา เจ้าโลหิตก็ต้องระวังที่จะถูกแทงตายเช่นกัน
แต่ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถกลายร่างเป็นร่างเดิมได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?