ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2450 คนคนเดียวกัน
มู่เฉียนซีสามารถสัมผัสตำแหน่งคราว ๆ ที่เจ้าโลหิตปรากฏตัวออกมาได้ ซึ่งเขาก็โผล่ออกมาจากชั้นใต้ดินนั่นเอง
ในสถานการณ์ที่มาศัตรูบุกโจมตีเช่นนี้ มู่เฉียนซีที่เดินอยู่ในพระราชวังโลหิตจะต้องตกเป็นเป้าของการโจมตีอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะมีจื่อเวยคอยนำทางให้ พวกเขาจึงไม่ได้คิดว่าพวก นางคือศัตรู
บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยกองซากปรักหักพัง และมู่เฉียนซีก็พบฝูเซิงที่ถูกใส่กุญแจมือและเท้าอยู่ในชั้นใต้ดิน
บนร่างกายของเขามีเพียงผ้าที่ปิดส่วนล่างของร่างกายเอาไว้เท่านั้น ฉะนั้นจื่อเวยจึงโยนเสื้อคลุมยาวออกไปเพื่อปิดบังร่างกายให้กับเขา
พวกเขาต้องปลดกุญแจเหล่านี้ออกแต่กลับไม่มีลูกกุญแจ ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงหยิบยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนออกมาและใช้มันจัดการสิ่งเหล่านี้
เมื่อฝูเซิงได้รับอิสระ มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “เสี่ยวเฉี่ยรีบพุ่งมาที่นี่สุดชีวิต ในที่สุดก็สามารถรักษาความบริสุทธิ์ของเจ้าเอาไว้ได้ แต่มันเองก็ทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตรายเช ช่นกัน”
“รักษาความบริสุทธิ์ของข้า มันก็เหมือนรักษาความบริสุทธิ์ของเขาเช่นกัน ไอ้วิปลาสสารเลวนั่น ข้าไม่มีทางปล่อยให้มันตายดีแน่นอน” ฝูเซิงกัดฟันกล่าว
“เสี่ยวเฉี่ยยังไม่ถึงขั้นเทวะเลย ซึ่งมันก็แตกต่างจากที่เจ้าคาดการณ์เอาไว้อย่างสิ้นเชิง เจ้าแน่ใจว่าจะเอาชนะได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ”
“แม้ว่าจะไม่มีโอกาสชนะ แต่ก็ต้องสู้แล้วล่ะ ตอนนี้พวกเราไม่มีทางถอยได้อีกแล้ว มิใช่หรือ?”
ในตอนที่ฝูเซิงพุ่งทะยานออกไป เสี่ยวเฉี่ยก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก
ตูมมม โครมมม!
กิ่งก้านของหนามโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า พลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวร้องคำรามออกมา มันก็กำลังพยายามที่จะบดขยี้เสี่ยวเฉี่ยให้ได้
ความสามารถของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันเกินไป แม้ว่าหนามโลหิตจะได้เปรียบในเรื่องเผ่าพันธุ์ แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าไรนัก
ในเวลานี้ ได้มีร่างเงาร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมา นัยน์ตาของเจ้าโลหิตหดตัวลงอย่างกะทันหัน และพลังของเขาก็ลดลงเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
อย่างไรเสียฝูเซิงก็ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจึงอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ง่าย
เจ้าโลหิตกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ใครเป็นคนปล่อยเจ้าออกมากันแน่? ช่างบังอาจนัก”
ฝูเซิงกล่าวว่า “ปล่อยมันไป”
เจ้าโลหิตผงะไปครุ่หนึ่ง หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “ฝูเซิง ปกติเจ้าไม่เคยสนใจความเป็นความตายของคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าหมอนี่จะมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเจ้า แต่หนามโลหิต ตบนโลกนี้มีตั้งมากมาย จะตายไปสักตัวก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้านี่”
“หากข้าต้องการให้เจ้าปล่อยเขาไปล่ะ?” ฝูเซิงกล่าว
“เจ้าเป้นคนของข้า จะไปเข้าข้างคนนอกได้อย่างไร ทว่าหากเจ้าต้องการให้ข้าปล่อยเขาไปก็ได้ แต่หลังจากนี้เจ้าจะต้องยอมจำนนให้ข้าอย่างเต็มใจ ได้หรือไม่?” เจ้าโลหิตกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขี้เล่น
“ตอนนี้เจ้าจงคุกเข่าลงแทบเท้าข้า เพื่อแสดงความภักดีของเจ้าออกมาซะ”
ในเวลานี้ เสี่ยวเฉี่ยส่งกระแสจิตมาบอกว่า “นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าฝันไปเสียเถอะ!”
ฝูเซิงรู้ดีว่า ด้วยนิสัยของเจ้าโลหิต หากค้นพบพืชกลายพันธุ์ที่ใกล้จะบรรลุเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจขวางเขาได้อย่างแน่นอน และดูเหมือนว่ามีแต่ต้องสู้เท่านั้ น!
หนามโลหิตที่อยู่ทั่วทั้งพระราชวังโลหิตก็หายไปในทันที หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนกลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ และเข้าไปในระหว่างคิ้วของฝูเซิง
เดิมทีฝูเซิงไม่มีพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กลับได้ครอบครองพลังของพืชกลายพันธุ์ที่ใกล้จะบรรลุระดับเทวะเอาไว้แล้ว
มู่เฉียนซีผงะไปครูหนึ่ง “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เสี่ยวเฉี่ยล่ะ?”
“เจ้า…” ในเวลาเจ้าโลหิตก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ฝูเซิงเอ๋ย! ฝูเซิง! ข้าดูถูกเจ้ามากเกินไปแล้วจริง ๆ สมกับที่เคยเป็นเจ้านายของคุกโลหิตมาก่อน พืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะที่แข็งแกร่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีหนทางสร้างร่างแยกออกมา และทำใ ให้มันกลายเป็นพืชกลายพันธุ์ของขุมนรกโลหิต หลังจากนั้นก็ปล่อยให้มันเติบโตจนกลายเป็นขั้นเทวะ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จะมีหนทางเอาชนะข้าได้ใช่หรือไม่?”
“โชคดีที่ข้าทนไม่ไหวจนเริ่มโจมตีเจ้าเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ มิเช่นนั้นเจ้าก็คงไม่มีทางระเบิดมันออกมา และทำให้แผนการของตนเองถูกทำลาย! เจ้านี่ช่างหยิ่งผยองเหลือเกิน หากเจ้าทนไปอีก สักระยะก็คงสามารถฆ่าข้าได้จริง ๆ ไปแล้ว แต่เจ้าดันไม่ยอมทนเสียอย่างนั้น!”
“เพื่อทำให้มันกลายเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับนี้ เจ้าก็คงวางแผนเรื่องนี้มาเป็นเวลานานนับร้อยนับพันปีแล้วสินะ! น่าเสียดายที่มันกลับถูกทำลายภายในวันเดียวเช่นนี้”
เจ้าโลหิตบ้าคลั่งมาก เขาเองก็ภูมิใจมากที่สามารถทำลายแผนการของฝูเซิง และไม่ปล่อยให้ฝูเซิงทำสำเร็จได้
มิเช่นนั้นหากเขาต้องเผชิญหน้ากับพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะ ก็คงไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนแพ้ใครจะเป็นคนชนะกันแน่
ฝูเซิงกล่าวว่า “เจ้าจะดูถูกข้าฝูเซิงมากเกินไปแล้ว นับร้อยนับพันปีหรือ ทำไมมันต้องใช้เวลานานขนาดนั้นด้วย? ความจริงแล้วเพียงแค่เดือนสองเดือน ร่างแยกของข้าก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ งแล้ว”
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้!” เจ้าโลหิตไม่เชื่อ
มุมปากของฝูเซิงยกโค้งขึ้นมาเล็กน้อย หากตัวเขาไม่ได้สัมผัสมันด้วยตนเอง เขาก็คงไม่เชื่อเช่นกัน
มู่เฉียนซีเองก็ตะลึงงันไปเช่นเดียวกัน เสี่ยวเฉี่ยคือฝูเซิง ฝูเซิงก็คือเสี่ยวเฉี่ย
เดิมทีแล้วพวกเขาไม่ใช่พ่อลุกกัน แต่พวกเขาคือคนคนเดียวกันต่างหาก มิแปลกใจเลยที่เหมือนกันทุกประการเช่นนั้น แถมนิสัยก็ยังคล้ายคลึงกันอีกด้วย
เพื่อที่จะออกไปจากขุมนรกโลหิต คิดไม่ถึงเลยว่าฝูเซิงจะคิดวิธีเช่นนี้ออกมาได้
ภายในสถานการณ์ที่ปั่นป่วนเจ้าโลหิตได้พุ่งทะยานไปทางฝูเซิง “ฝูเซิง วางใจเถอะ! ข้าทนฆ่าเจ้าไม่ได้หรอก เพราะข้ายังไม่ทันได้ครอบครองเจ้าเลย! แต่มันก็ไม่ง่ายกว่าเจ้าจะเอาพลังวิญญ ญาณมาได้เช่นกัน ฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าพิการเท่านั้น”
“เจ้าอยู่ที่ขุมนรกโลหิต มีข้าคอยปกป้อง ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณอยู่แล้ว”
ตูมมม โครมมม!
พลังวิญญาณของระดับอ๋องนั้นปั่นป่วนเกินไป และเมื่อร่างเดิมและร่างแยกของฝูเซิงหลอมรวมกัน ความสามารถก็ยกระดับขึ้นอีกครั้ง
แต่ทว่ามันยังไม่ได้! ยังไม่พอ!
และเขาก็ไม่สามารถข้ามขีดจำกัดของขั้นเทวะนั้นไปได้อย่างสิ้นเชิง
ถึงก่อนหน้านี้เขาจะไม่รู้สาเหตุมาก่อน แต่ทว่าตอนนี้เขารู้แล้ว
“บัดซบเอ้ย!”
ตอนแรกเจ้าโลหิตทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัส และเขายังทำลายพลังวิญญาณของเขาอย่างรุนแรงในเวลาเดียวกันอีกด้วย ซึ่งในขุมนรกโลหิตแห่งนี้บาดแผลเหล่านี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้น มันจะยังคงเป็นเช่นนี้แม้ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
เนื่องจากจิตวิญญาณบอบช้ำ ฉะนั้นเรื่องการก้าวเข้าสู่ขั้นเทวะนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“ครืนนนน!” หลังจากนั้นฝูเซิงก็ระเบิดพลังขั้นสูงสุดออกมาเพื่อต่อต้านเจ้าโลหิต และเสียงฟ้าร้องก็ดังกึกก้องไปในอากาศอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างสายฟ้าแลบ ผลแพ้ชนะก็ได้รับการตัดสินแล้ว!
“ปังง!” และชายหนุ่มผมสีแดงผู้มีหน้าตางดงามคนนั้น ก็ร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ
เจ็บ! คิ้วของฝูเซิงขมวดแน่น และรู้สึกราวกับว่าทั้วทั้งร่างของเขากำลังจะแตกสลายก็มิปาน มันยังไม่ได้สินะ!
ดวงตาสีทองอร่ามคู่นั้นฉายแววมืดมนออกมา แม้ว่าจะต้องพังพินาศไปพร้อมกับเขา แต่อย่างไรก็ไม่อยากถูกเขาขังเองไว้อยู่ดี และหากเป็นเช่นนั้นบางทีเจ้าตัวน้อยอาจจะมีโอกาสออกไปจาก ขุมนรกโลหิตแห่งนี้ได้ก็เป็นได้
ตอนนี้มีเพียงแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น!
ถึงดวงตาของมู่เฉียนซีคู่นั้นจะไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างชัดเจน แต่พลังจิตวิญญาณของนางสามารถรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ และนางก็ค้นพบว่าฝูเซิงกำลังรวบรวมพลังทั้ งหมดของเขา
เจ้าโง่นี่อยากจะระเบิดตนเองอย่างนั้นหรือ!
เมื่อมู่เฉียนซีเดาความคิดของฝูเซิงออก สีหน้าของนางก็มืดมนไปทันที ไม่ได้!
เจ้าโลหิตเข้ามาใกล้ฝูเชิงอีกครั้ง และหากเขาลงมือเริ่มลงมืออีกครั้ง ฝูเซิงก็รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่พลังที่สามารถระเบิดตนเองได้ของเขาก็คงจะไม่มีอีกแล้ว และมีเพียงตอนนี้ …
ในเวลานี้ร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเข้ามาขวางหน้าเจ้าโลหิตเอาไว้
จื่นเวยกล่าวว่า “ท่านเจ้าโลหิต ข้ามีเรื่องจึงได้มาหาท่าน”
“ไม่เห็นหรือว่าข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ? ข้าเห็นแก่หน้าอู่หยาที่เป็นเจ้านายของเจ้าถึงได้ยอมดูแลเจ้า แต่หากเจ้ายังมาเกะกะอยู่อีกล่ะก็ ข้าเองก็สามารถฆ่าเจ้าได้เช่นกัน” สำห หรับคนที่วิ่งทะเล่อทะล่าออกมาอย่างจื่นเวย เจ้าโลหิตไม่มีอะไรจะพูดแล้วเช่นกัน
“รอข้าสั่งสอนคนไร้ประโยชน์ของข้าให้เชื่อฟังเสียก่อน แล้วข้าค่อยมาคุยธุระอื่น ๆ กับเจ้า ตอนนี้ให้ข้า…”
“ฟู่ว!” ทันใดนั้น เจ้าโลกิตก็สูดลมหายใจเย็นเข้าไปครั้งหนึ่ง
คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนซ่อนอยุ่ในความมืด และใช้พลังจิตวิญญาณโจมตีเขา
เขาคือเจ้านายของขุมนรกโลหิตแห่งนี้ เป็นผู้ที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุด และมีพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งที่สุดแล้ว
ดังนั้นจะมีคนที่มีพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งกว่าเขา จนสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้โผล่ออกมาได้อย่างไร?