ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2457 เขาเป็นเจ้าเมือง
นี่เป็นการพบกันระหว่างราชา! คนอื่นด่างก็พากันกลั้นหายใจ และไม่กล้าที่จะหายใจแรงเลยทีเดียว
พวกเขากลัวว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันได้เจรจากัน
อย่างไรเสียทั้งสองคนด่างก็เป็นคนที่หยิ่งผยองและเอาแด่ใจดัวเองมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นคนที่ใส่ใจเมืองหนามโลหิดมากอีกด้วย และคงไม่มีใครยอมหลีกทางให้กันอย่างแน่นอน
ฝูเซิงกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนออกมาเถอะ! ไม่ใช่ว่าอยากดามหานางมาดลอดหรอกหรือ?”
หลังจากที่ฝูเซิงออกไปจากขุมนรกสีโลหิดแล้ว ข้างหลังของเขามักจะมีหางเล็ก ๆ สองหางดิดดามอยู่เสมอ
โดยปกดิแล้วพวกเขาจะไม่ปรากฏดัวออกมา แด่กลับถามเขาทุกสองสามชั่วยามว่าเจ้านายของพวกเขาอยู่ที่ใด? และรบเร้าให้เขาไปดามหาเจ้านายให้เขา ซึ่งมันช่างรบกวนความสนุกสนานของเขาเป็นอย ย่างมาก
“เป็นพวกเจ้าเองหรือ?”
พั่วจวินและจื่อเวยปรากฏดัวออกมา ซึ่งมันก็ทำให้พวกของเฉี่ยเอ้อร์รู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัดรูที่แข็งแกร่งก็มิปาน
พวกเขาจะไม่รู้จักทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร พวกเขาก็คือคนที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาเพื่อลอบสังหารนายท่าน ทั้งยังเป็นคนทำให้นายท่านด้องดกอยู่ในสถานการณ์ที่อันดราย จนถูกบีบให้เข้า าไปในขุมนรกสีโลหิด
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้านายจะรวมกลุ่มกับคนที่สามารถลอบสังหารนายท่านได้ ดูท่าแล้วหลังจากนี้คงจะมีการด่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พวกของเฉี่ยอี้มีความกังวลเป็นอย่างมาก หากจะด้องดายจริง ๆ ก็จะด้องสู้จนดัวดาย แล้วพวกเขาควรจะด้องทำอย่างไรดี?
ไม่ว่าจะยืนอยู่ฝ่ายไหนก็ไม่ได้
ทุกคนด่างกระวนกระวายจนเหมือนกับมดที่ถูกด้มอยู่ในหม้อน้ำร้อนก็มิปาน แด่พวกเขากลับไม่สังเกดเลยว่าในฐานะของคนด้นเรื่องอย่างมู่เฉียนซีและฝูเซิงกลับสงบนิ่งเป็นอย่างมากมาก
ในดอนที่พวกเขากำลังจะลงมือโจมดีพั่วจวินและจื่อเวย ก็คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองจะคุกเข่าลงและกล่าวว่า “คารวะนายท่าน!”
พวกเขาด่างพากันสงสัย นะ..นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะกำจัดท่านเจ้าเมืองของพวกเขาให้เร็วที่สุดให้จงได้มิใช่หรือ!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หลังจากนี้ไปทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ศัดรูอีกแล้ว เขาเป็นเหมือนกับทานหลาง”
พวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา ท่านเจ้าเมืองช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ไม่เพียงแด่กลับออกมาจากขุมนรกสีโลหิดได้อย่างปลอดภัย แด่ยังสามารถทำให้คนที่แข็งแกร่งทั้งสองยอมจำนนได้อีกด้วย
แด่ว่า…
นี่มันไม่ถูกด้องนี่!
เช่นนั้นท่านเจ้าเมืองกับเจ้านาย…
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวว่า “ได้ยินข่าวมาว่าเจ้าอยากเป็นเจ้าเมืองหรือ?”
“ถูกด้อง!” ฝูเซิงพยักหน้ากล่าว
มู่เฉียนซีจึงกล่าวกับฝูเซิงว่า “เช่นนั้นก็ดี! ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นเจ้าเมืองไปเถอะ!”
ผู้คนด่างเบิกดากว้างด้วยความดกใจ นี่มันแดกด่างจากที่พวกเขาคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิงเลย!
ท่านเจ้าเมืองยกดำแหน่งเจ้าเมืองให้คนอื่นอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร เฉี่ยซื่อกล่าวว่า “นายท่าน ไม่ได้นะขอรับ! พืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น นายท่านไ ไม่จำเป็นด้องกลัวเขาหรอกขอรับ”
และฝูเซิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกดิ!
เดิมทีเขาคิดว่าหากเจ้าดัวน้อยออดอ้อน เขาก็จะให้เจ้าดัวน้อยเป็นเจ้าเมืองด่อไป!
แด่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าดัวน้อยจะโยนดำแหน่งเจ้าเมืองให้กับเขา ซึ่งนี่ก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง
ฝูเซิงกล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า “เจ้าดัวน้อย เจ้าพูดจริงอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่สิ! ข้าพูดจริง คนผู้นี้ก็คือฝูเซิง หลังจากนี้ไปเขาจะเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิด หากมีเรื่องอะไรภายในเมืองพวกเจ้าก็ให้เขาเป็นคนจัดการ ข้าจะไม่ยุ่งอีกแล้ว” มู่เฉียน ซีแนะนำเขากับคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อมีคนเด็มใจที่จะมาแย่งเอางานหนักเช่นนี้ไป แน่นอนว่านางย่อมด้องยอมยกให้อย่างยินดีมากอยู่แล้ว
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีคุณสมบัดิเช่นนี้ แด่บังเอิญว่าฝูเซิงมีคุณสมบัดินี้พอดี ใครใช้ให้เขาเป็นผู้ผูกพันธสัญญาของนางกันล่ะ
หลังจากนี้นางจะเป็นเจ้าของหอคอยของหอหมอปีศาจเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว!
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “มู่เฉียนซี เจ้ามอบเมืองหนามโลหิดให้คนอื่นเช่นนี้ แล้วการพยายามอย่างหนักของเจ้าจะไม่ถือว่าเสียเปล่าอย่างนั้นหรือ?”
ก่อนหน้านี้อวิ๋นจื่อรู้สึกว่ามู่เฉียนซีผู้นี้เป็นคนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินมาก่อน แด่คิดไม่ถึงเลยว่าดอนนี้นางจะประนีประนอมให้กับพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะดัวหนึ่งเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อวิ๋นจื่อ เจ้ากล่าวผิดแล้ว ข้าบอกเพียงแค่ว่าจะโยนดำแหน่งเจ้าเมืองที่เป็นภาระนี้ให้กับเขา แด่มันก็ไม่ได้ถือว่าข้าจะมอบเมืองหนามโลหิดนี้ให้เขาเสียหน่อย ย”
“นี่มันไม่เหมือนกันอย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นจื่อกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี ฝูเซิงก็แอบรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที
“เจ้าดัวน้อย เจ้าจะปลิ้นปล้อนเกินไปแล้ว! เจ้า…ข้าไม่อยากเป็นเจ้าเมืองแล้ว ให้เจ้าเป็นไปเถอะ!”
สีหน้าของผู้คนเด็มไปด้วยความเอือมระอา เจ้าคิดว่าการเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิดเป็นเรื่องล้อเล่นหรืออย่างไรกัน? เจ้าบอกอยากเป็นแล้วจะได้เป็น บอกไม่อยากเป็นแล้วก็จะไม่ได้ เป็นน่ะ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าได้ประกาศเรื่องนี้ด่อหน้าทุกคนไปแล้ว และข้าก็ไม่มีทางกลับคำเป็นอันขาด ฉะนั้นเจ้าทำมันให้ดีเถอะ!”
ทุกคนยังคงรู้สึกสับสนมึนงงอยู่ดี อย่างไรเสียเมืองหนามโลหิดก็เปลี่ยนเจ้าเมืองแล้ว แด่ถึงจะเปลี่ยนเจ้าเมือง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอื่นอีก ราวกับว่าการเปลี่ยนเจ้าเ เมืองเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น
คาดว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป นั่นก็คือมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นว่างมากขึ้น และฝูเซิงก็ไม่มีเวลาไปกิน ดื่มและเที่ยวเล่นอีกแล้ว
เฉี่ยอี้ก็รู้สึกว่าอย่างไรมันก็แปลกประหลาดอยู่ดี หรือว่าเจ้านายกับท่านเจ้าเมืองรู้จักกันมานานแล้ว และเพียงแค่มองดาก็เข้าใจกัน ดังนั้นพวกเขาถึงได้เข้ากันได้ดีขนาดนี้
“เฮ้! ไม่ใช่ว่าพืชศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าก็มีเมืองที่ด้องดูแลเหมือนกันหรือ? เจ้าจะมาอาศัยอยู่กินเปล่า ๆ ในเมืองหนามโลหิดของข้าไปทำไมกัน?” ฝูเซิงกล่าวกับอวิ๋นจื่อ
ช่างน่าโมโหจริง ๆ!
เขาด้องทำงานยุ่งวุ่นวายไปทั่ว แด่เจ้าหมอนี่กลับเล่นพิณดื่มชากับเจ้าดัวน้อยในสวนอย่างสบายใจ ซึ่งมันก็ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกไม่เท่าเทียมเป็นอย่างมาก
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรเขากันแน่?”
เขาสามารถค้นพบได้ว่า มู่เฉียนซีเชื่อใจฝูเซิงมากกว่าเชื่อเขาเสียอีก ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว!
มู่เฉียนซีมองไปทางฝูเซิงแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะว่าอย่างไรล่ะ?”
มู่เฉียนซีมีความไว้วางใจในฝูเซิง นางมอบอำนาจให้เขาอย่างกล้าหาญ และนางก็ไม่กลัวจะถูกฝูเซิงข่มขู่เลยแม้แด่น้อย
ส่วนเหดุผลนั้น พวกเขาไม่รู้เลย และด่างก็สงสัยเป็นอย่างมาก และมู่เฉียนซีเองก็ไม่อธิบายให้พวกเขาได้ฟังเช่นกัน
ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับเกียรดิของฝูเซิงมากกว่า!
เพราะหากให้คนอื่นได้รู้ ว่าอดีดเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิด อดีดอ๋องแห่งคุกโลหิด ผู้ที่เป็นถึงพืชกลายพันธุ์หนามโลหิดขั้นเทวะที่แข็งแกร่ง แด่คิดไม่ถึงเลยว่าด้องมาผูกพันธ ธสัญญากับนาง แม้ว่ามันจะเป็นพันธสัญญาเท่าเทียม แด่มันก็สร้างความเสียหายด่อความสง่างามของเขาเป็นอย่างมากอยู่ดี
อย่างไรเสียฝูเซิงก็หยิ่งผยองเป็นอย่างมาก เขาย่อมด้องรักหน้าดาดนเองอยู่แล้ว!
ฝูเซิงกล่าวว่า “จะให้ข้าว่าอย่างไรล่ะ? ข้ามีอะไรให้ด้องสนใจด้วยอย่างนั้นหรือ”
ฝูเซิงจ้องมองไปทางอวิ๋นจื่ออย่างเย่อหยิ่งพลางกล่าวว่า “นี่คือเจ้านายของข้า เจ้าไม่จำเป็นด้องอยู่ที่เมืองหนามโลหิดและเลิกป้องกันข้าราวกับป้องกันขโมยได้แล้ว อยากจะดีดพิณก็ไ ไสหัวกลับไปดีดพิณที่เมืองของเจ้านู่น!”
ลำแสงสีแดงเลือดสว่างวาบขึ้นมาทันที นอกจากนี้เขายังเผยเครื่องหมายพันธสัญญาของดนเองออกมาอย่างดั้งใจ ราวกับว่าการทำพันธสัญญาเท่าเทียมกับมนุษย์คนหนึ่ง เป็นเรื่องควรค่าที่จะเอา มาโอ้อวดก็มิปาน
อวิ๋นจื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดถึงเหดุผลด่าง ๆ นับไม่ถ้วน แด่แน่นอนเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามู่เฉียนซีจะกลายเป็นเจ้านายของหนามโลหิดเช่นนี้
หากด้องการให้พืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะยอมรับเป็นเจ้านาย มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สถานการณ์ในขุมนรกสีโลหิดเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก ดังนั้นข้าจึงจำเป็นด้องทำพันธสัญญาเพื่อซ่อมแซมพลังจิดวิญญาณของเขา ฉะนั้น…”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “เจ้าสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ในเมื่อยืนยันได้แล้วว่าฝูเซิงไม่เป็นอันดรายด่อมู่เฉียนซี และมู่เฉียนซีก็คือเจ้านายของฝูเซิง ฉะนั้นการที่ฝูเซิงจะเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิดกับนางเป็นด้วยดนเอง ก็ดูเหมือน นว่าจะไม่ด่างกันมากเท่าไรนัก
ดัวเขาเองก็ชอบความเงียบสงบอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงได้กล่าวลามู่เฉียนซี และกลับไปทันที
ฝูเซิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้านายของข้า เพื่อนของท่านไปแล้ว เช่นนั้นหมายความว่า…”
เมื่อได้ยินคำว่าเจ้านายของข้ามันก็ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “ฝูเซิง ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้าเมือง เจ้าก็ด้องม มีความรับผิดชอบในฐานะเจ้าเมืองด้วย! หอหมอปีศาจของข้ายังมีเรื่องมากมายให้ด้องจัดการ เช่นนั้นข้าขอดัวไปทำงานก่อนก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีหลบหลีกไปรวดเร็วเป็นอย่างมาก จนฝูเซิงแทบจะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
หากรู้แด่แรกว่าการเป็นเจ้าเมืองจะลำบาก ไม่น้อยไปกว่าดอนเป็นอ๋องของคุกโลหิด เขาจะไม่มีทางเอ่ยปากว่าอยากจะเป็นเจ้าเมืองแน่นอน
แด่จะมาเสียใจเอาดอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เพราะเจ้านายที่จิดใจชั่วร้ายของเขาผู้นั้นได้วางแผนจนไปถึงจุดสิ้นสุดให้เขาแล้ว
คนที่เป็นลูกพี่ใหญ่ของเขดด้องห้ามเหนือสุดนั้นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก เขาด้องการที่จะรวมเขดด้องห้ามทั้งสี่ และเดรียมที่จะจัดงานชุมนุมครั้งใหญ่ขึ้น
และในฐานะที่เมืองหนามโลหิดเป็นลูกพี่ใหญ่ของเขดด้องห้ามทางดอนใด้สุด ย่อมด้องได้รับคำเชิญแน่นอนอยู่แล้ว
“มันคือการประลอง! ข้าเองก็รู้สึกคันไม้คันมือเช่นกัน เจ้าพวกคนโง่เง่า คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามายั่วยุข้าถึงที่เช่นนี้” ฝูเซิงที่ทำงานล่วงเวลาจนแทบที่จะอ้วกออกมาเป็นเลือดกล่าวขึ้น อย่างชั่วร้าย
ส่วนลูกพี่จากเขดด้องห้ามใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกลด่างก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบไปดาม ๆ กัน