ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2458 มาเพียงแค่สองคนเท่านั้น
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง มู่เฉียนซีที่อยู่หอหมอปีศาจก็ได้รับข่าวนี้แล้วเช่นกัน
การพัฒนาของหอหมอปีศาจในพื้นที่อื่นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก อีกทั้งการพัฒนาของเขตต้องห้ามหลักอีกสามแห่งก็ไม่มีความคึกคักเลยแม้แต่น้อย
ตามเมืองต่าง ๆ ไม่ต้องการให้หอหมอปีศาจเติบโต พวกเขาขัดขวางไม่ให้คนไปซื้อยาที่หอหมอปีศาจ หรือแม้กระทั่งปล่อยให้คนมาแอบขโมยยาอย่างลับ ๆ
แม้ว่าความสามารถของคนที่ได้รับมอบหมายให้ประจำตามเมืองต่าง ๆ จะไม่เลว แต่ก็ไม่สามารถป้องกันพวกเจ้าถิ่นที่ต้องการจะทำเรื่องชั่วร้ายได้
พวกเขาที่ไม่สงบเสงี่ยม ถึงมันจะทำให้ภายในใจของมู่เฉียนซีไม่มีความสุขก็ไม่เท่าไร แต่ยังคิดที่จะรวมเขตต้องห้ามทั้งสี่ให้เป็นหนึ่งเดียวอีก มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ไปบอกฝูเซิง ว่าเข ขตต้องห้ามทั้งสามต้องการจะสร้างปัญหา ฉะนั้นให้เขาจัดการพวกเขาซะ หลังจากนั้นก็ควบคุมพวกเขาเอาไว้”
เฉี่ยซื่อกล่าวว่า “ขอรับ!”
ในตอนที่ฝูเซิงได้รับข่าวนี้เขาก็รู้สึกว่าท้องฟ้ามืดมนลงทันที เขาอยากที่จะสู้กับผู้นำของทั้งสามเขตต้องห้ามหลักให้ตายหรือพิการไปเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการจะยึดอ อำนาจของพวกเขามาไว้ในมือสักหน่อย
หากเป็นเช่นนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายไม่น้อยเลย! แค่ตอนนี้เผชิญหน้ากับเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด เขาก็กดดันมากแล้ว
เฉี่ยซื่อกล่าวว่า “นายท่านกล่าวว่า หากเจ้าไม่อยากทำละก็! เช่นนั้นหลังจากนี้จะให้เจ้าไปเมืองเทพสังหารเพื่อทำงานเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวกับอ๋องคุกโลหิตเหล่านั้น เพื่อจะได้ให้ท่านอ๋ องจิ่วเยี่ยหยุดงานมาอยู่เป็นเพื่อนนางได้ตลอด อย่างไรเสียก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยเป็นอ๋องของคุกโลหิตมาก่อน ฉะนั้นเจ้าน่าจะทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น”
คำข่มขู่นี้ของมู่เฉียนซี มันช่างโหดร้ายและแทงใจดำของเขาเหลือเกิน
หลังจากนั้นฝูเซิงก็ไม่กล้าปฏิเสธนางอีกต่อไป เขากล่าวเพียงว่า “ข้ารู้แล้ว”
อาณาเขตของคุกโลหิตนั้นกว้างใหญ่มาก และเขตต้องห้ามทั้งสี่นั้นก็วุ่นวายมากที่สุดแล้ว
ยิ่งตอนนี้กำลังจะจัดงานประลองเพื่อตัดสินว่าผู้ใดคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเขตต้องห้ามทั้งสี่ มันยิ่งดึงดูดความวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
มีบางคนมาขออนุญาตจากท่านอ๋องจิ่วเยี่ย แต่ท่านจื่อโยวกลับส่งข้อความมาแจ้งว่า ปล่อยให้เขตต้องห้ามทั้งสี่จัดการได้เลย
อ๋องจิ่วเยี่ยมีความมั่นใจในความสามารถของตนเองเป็นอย่างมาก เขาไม่กลัวการก่อกบฏเลยแม้แต่น้อย แต่หากเขตต้องห้ามทั้งสี่ต้องการจะร่วมมือกันขึ้นมา ก็ไม่ใช่พลังที่สามารถมองข้ามได้ เช่นกัน และการปล่อยให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้ จะดีจริง ๆ หรือ?
และงานประลองนี้ก็ถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสถานที่จัดงานนั้นก็คือสนามประลองที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงวายุหิมะของเขตต้องห้ามทางตอนเหนือสุดนั่นเอง
และผู้นำของเขตต้องห้ามทางตอนเหนือสุดอย่างเฟิงฉางถั้นที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองวายุหิมะก็ได้มาถึงเป็นคนแรก หลังจากนั้นผู้แข็งแกร่งที่มีความแข็งแกร่งที่สุดของเขตต้องทางตะวันอ ออกไกลและเขตต้องห้ามทางตะวันตกไกลก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน
ส่วนคนจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด ยังไม่มีใครมา!
เฟิงฉางถั้นกล่าวว่า “พวกเจ้ามาถึงกันหมดแล้ว ไม่รู้ว่าคนของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดจะมาเมื่อไร! แต่ทว่าระยะทางจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดอยู่ห่างจากพวกเรามากที่สุด หากจะมาช ช้าสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่ยอมได้ อย่างไรเสียก็ยังไม่ถึงเวลาเริ่มอยู่ดี”
ทางด้านของเขตต้องห้ามทางตะวันออกไกลกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าคิดว่าเจ้าเมืองหนามโลหิตของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดผู้นั้นคงจะกลัวไปแล้วล่ะ! ข้าได้ยินมาว่าความสามารถของนางยังไม่ ถึงเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ หากถูกข้าโจมตีคงทนได้ไม่เกินกระบวนท่าเดียวเป็นแน่”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนหรือ? แล้วนางจะกลายเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดได้อย่างไร ท่านพี่ตงฟางล้อเล่นอย ย่างนั้นหรือ” เจ้าเมืองซีเหมินกล่าว
ทั่วทั้งงานเริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว นอกจากนี้ยังมีคนที่มาชมการประลองกันอย่างคับคั่งอีกด้วย
และผลลัพธ์ของการประลองในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งที่ตัดสินอนาคตของเขตต้องห้ามใหญ่ทั้งสี่แน่นอน
ในขณะที่เวลากระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ พวกเขาก็ค้นพบว่าตำแหน่งที่นั่งของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดยังคงว่างเปล่าอยู่ ซึ่งมันก็หมายความว่าคนของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดยังไม่มาน นั่นเอง
“เขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดกลัวสินะ!”
“รับคำท้าทายไปแล้วแต่กลับไม่กล้ามาเสียอย่างนั้น นี่มันจะขี้ขลาดเกินไปแล้ว!”
“……”
ในเวลานี้เอง เฟิงฉางถั้นก็กล่าวว่า “เขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดตอบรับว่าจะมาแต่กลับไม่รักษาคำพูด และหลังจากที่คัดสรรผู้มีอำนาจสูงสุดของเขตต้องห้ามทั้งสี่ออกมาได้แล้ว พวกเราทั้งสอ องฝ่ายก็จะบุกไปโจมตีเมืองหนามโลหิต โดยมีผู้มีอำนาจสูงสุดเป็นผู้นำ…”
คำพูดของเฟิงฉางถั้นยังไม่ทันที่จะพูดจบ ก็มีร่างที่ทรงเสน่ห์ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมากลางอากาศ
ชายผู้นั้นมีรูปร่างหน้าที่งดงามเป็นอย่างมาก เขาแต่งตัวสุดแสนจะอลังการ นอกจากนี้ยังมีความงดงามราวกับว่ากำลังจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังอย่างไรอย่างนั้นเลย ดูไม่เหมือนคนที่จะ ะมาประลองเลยสักนิด
“ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมาก่อนเวลาและเพียงมาถึงก่อนเวลาสักเล็กน้อยก็พอ อย่างไรเสียข้าก็กำลังยุ่งอยู่! แต่ผลปรากฏว่าเศษสวะอย่างพวกเจ้ากลับส่งเสียงเอะอะโวยวาย และค คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าบุกไปโจมตีเมืองหนามโลหิตของข้า ผู้ใดเป็นคนมอบความกล้าหาญนี้ให้เจ้ากันแน่?” ฝูเซิงกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าคือ?” เฟิงฉางถั้นกล่าวพลางจ้องมองไปยังชายที่งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ผู้นี้
“ข้าคือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต” ฝูเซิงกล่าว
เจ้าเมืองตงฟางผงะไปครู่หนึ่ง “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล? ข้าได้ยินมาว่า เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตเป็นสาวงามคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีความสามารถไม่ถึงเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ แล้วคนผู้ นั้นจะเป็นเจ้าไปได้อย่างไรกัน?”
ความสามารถของคนผู้นี้ไม่อาจหยั่งถึงได้ แม้แต่เขาเองก็ยังมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ข้างกายของฝูเซิง มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ที่เจ้าพูดหมายถึงข้าอย่างนั้นหรือ? และเนื่องจากเมืองหนามโลหิตใหญ่เสียขนาดนั้น ก็เลยมีเจ้าเมืองสองคน เจ้าจะทำไมหรือ? ข้าแค่มีความสุขก็พอแล้ว”
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีอ่อนแอมากจริง ๆ ซึ่งมันก็สามารถพิสูจน์คำพูดของเจ้าเมืองตงฟางที่บอกว่านางมีระดับไม่ถึงเจ้าครองดินแดนได้
เจ้าเมืองซีเหมินกล่าวว่า “ข้าว่าเจ้าคงจะรู้สึกว่าความสามารถของตนเองไม่เพียงพอ ถึงได้ตั้งใจหาคนนอกมาช่วยมากกว่า! นี่มันขัดต่อกฏอย่างสิ้นเชิง”
“หาคนนอกมาช่วยหรือ นี่คือคนของข้า! มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เขามีสิทธิควบคุมเมืองหนามโลหิตหรืออย่างไร?”
ฝูเซิงบอกว่าไม่สนใจหากเปิดเผยความสัมพันธ์เรื่องการผูกพันธสัญญาระหว่างพวกเขา และก่อนหน้านี้เขาก็เปิดเผยต่อหน้าอวิ๋นจื่อไปแล้ว ฉะนั้นครั้งนี้มู่เฉียนซีก็จะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้า าผู้แข็งแกร่งจากทั้งสามเขตต้องห้ามใหญ่นี้เช่นกัน
ผนึกพันธสัญญาของทั้งสองคนปรากฏขึ้นมาต่อหน้าฝูงชน และผนึกของพันธสัญญาเท่าเทียมสีแดงโลหิตนี้ก็น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
สาวน้อยในชุดสีม่วงผู้นั้นเป็นเจ้านาย ส่วนชายหนุ่มที่งดงามอย่างชั่วร้ายผู้นั้นเป็นบริวาร
เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่หากรูปร่างหน้าตาที่งดงามเช่นนี้จะไม่ใช่มนุษย์ มันก็เป็นเรื่องที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พวกเจ้ายังมีอะไรที่สงสัยอีกหรือไม่?”
ผู้นำเหล่านั้นต่างเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดเจ้าหมอนี่ถึงได้คิดสั้นถึงขนาดยอมรับหญิงสาวที่อ่อนแอเช่นนี้เป็นเจ้านายกันแน่
เฟิงฉางถั้นกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา! ในเมื่อมีความสัมพันธ์ของพันธสัญญาเท่าเทียม ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเจ้าเมืองหรือเขาจะเป็นเจ้าเมืองก็ไม่ต่างกัน และเขาก็จะไม่ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งจากภา ายนอกอีกแล้ว”
สีหน้าของผู้คนมากมายฉายแววเคร่งขรึมออกมา คนผู้นี้ดูพิเศษมาก ความสามารถลึกเกินหยั่งถึง แต่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นของปลอมก็เป็นได้
อย่างไรเสียหากเป็นพืชกลายพันธุ์หรือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ก็คงไม่มีทางยอมรับหญิงสาวที่อ่อนแอเช่นนี้เป็นเจ้านายได้หรอก!
เฟิงฉางถั้นกล่าวกับพวกเขาว่า “ส่วนแขกที่มาจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด พวกเจ้าสามารถพาคนของพวกเจ้าเข้าไปนั่งได้! ทางด้านนั้นคือตำแหน่งของพวกเจ้า”
ตำแหน่งของทางใต้นั้นว่างเปล่า และคนที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งนั้นก็มีเพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งมันดูน่าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“เขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด มีเพียงแค่พวกเจ้าสองคนที่มาอย่างนั้นหรือ?” เจ้าเมืองเฟิงกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “มีแค่พวกข้าสองคนมันไม่พออย่างนั้นหรือ?”
จะอวดดีเกินไปแล้ว!
ส่วนพวกเขาที่มาจากเขตต้องห้ามทั้งสาม ต่างก็ให้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากเขตต้องห้ามของพวกเขามากันทั้งหมด
แต่พวกเขายังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉะนั้นจึงได้ไปตามหายอดฝีมือจากคุกโลหิตและคุกอื่น ๆ มาคอยคุ้มครองเพิ่มด้วย
ทว่าเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดกลับมาเพียงแค่สองคนเท่านั้น นี่หมายความว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ หรือจะบอกว่าพวกเขาจะยอมรับความพ่ายแพ้กันแน่?
แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ หรือละทิ้งการต่อสู้! แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามของทั้งสองคนนี้ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนที่ปรารถนาในตัวพวกเขามากมายเพียงใดแล้ว
และปัญหาก็คือไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถออกไปจากเมืองวายุหิมะ หรือออกไปจากเขตต้องทางตอนเหนือสุดได้หรือไม่?