ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2459 นางเป็นภาระ
เฟิงฉางถั้นกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การประลองครั้งนี้ก็สามารถเริ่มได้แล้ว นอกจากนี้ก็ถึงเวลาแล้วด้วย”
“ต่อไปข้าจะกล่าวถึงกฎการประลอง หากทุกท่านรู้สึกว่ากฎไม่เหมาะสมแล้วล่ะก็ สามารถ…”
คำพูดของเฟิงฉางถั้นยังไม่ทันจะพูดจบ ร่างเงาสีแดงที่พร่างพราวไปด้วยเสน่ห์ก็วาดผ่านไปในอากาศอย่างงดงาม หลังจากนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาด้วยความแพรวพราวพลางกล่าวว่า “ท ทำไมต้องสร้างกฏให้มันยุ่งยากขนาดนั้นด้วย!”
“หากต้องการเป็นผู้ถือครองอำนาจเหนือเขตต้องห้ามทั้งสี่ ก็ขอเพียงแค่มีความแข็งแกร่งที่เพียงพอก็พอแล้วมิใช่หรือ? อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่เลย พวกเจ้าที่มาจากเขตต้องห้ามทั้งสามเข้ ามาพร้อมกันเลยเถอะ!”
เดิมทีการที่ทั้งสองคนจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดมาถึงก่อนเวลานัดหมายเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาหยิ่งยโสมากพอแล้ว แต่ผลปรากฏว่าเมื่อฝูเซิงออกตัวเช่นนี้ มันก็ ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงมากขึ้นไปอีก
คนผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ! รูปร่างหน้าตางดงามขนาดนั้น แต่สมองกลับใช้การไม่ได้สินะ!
ยอดฝีมือระดับใต้เท้าของเขตต้องห้ามทั้งสามก็มีอยู่ไม่น้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะให้พวกเขาลงมือโจมตีพร้อมกันเช่นนี้ ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ
“โจมตีพร้อมกันอย่างนั้นหรือ นี่เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่หรืออย่างไร? เจ้าจะดูถูกเขตต้องห้ามทางตะวันออกไกลของข้ามากเกินไปแล้วนะ”
“เจ้านี่เหลวไหลสิ้นดี แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การละเล่นของเด็ก ๆ หรอกนะ”
“……”
ฝูเซิงไม่พูดจาไร้สาระกับพวกเขาอีก เขาระเบิดพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างกะทันหัน และพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็ทำให้พวกเขาแต่ละคนตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
อันตราย!
คนที่หยิ่งผยองขนาดนี้ ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยทีเดียว
แต่ความคิดเหลวไหลอย่างการท้าทายพวกเขาเขตต้องห้ามทั้งสามเพียงลำพังเช่นนี้ มันจะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเกินไปหน่อยแล้ว
ผู้นำหลักทั้งสามต่างมองหน้ากัน และในที่สุดเฟิงฉางถั้นก็กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตแห่งเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดมีความกล้าหาญถึงขนาดนี้ เช่นนั้นเขตต้องห้ามหลั กทั้งสามอย่างพวกข้าจะสั่งสอนเรื่องความแข็งแกร่งให้เจ้าเองก็แล้วกัน!”
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
หลังจากนั้นก็มีคนขึ้นมาบนสนามประลองมากมาย อย่างไรเสียกลิ่นอายที่ฝูเซิงระเบิดออกมาก่อนหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถมองข้ามได้ และจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
พวกเขาน่าจะคิดไม่ถึงว่า พลังที่ฝูเซิงระเบิดออกมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น
หากกลิ่นอายทั้งหมดระเบิดออกมา คาดว่าพวกเขาน่าจะตื่นตกใจจนวิ่งหนีกันจนป่าราบ และไม่กล้าสู้ต่อเป็นแน่
ในเมื่อมีคู่ต่อสู้มาแล้ว ฝูเซิงก็เริ่มลงมือทันที หลังจากนั้นพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวก็จู่โจมเข้ามา และสีหน้าของคนที่อยู่ในสนามก็ฉายแววเคร่งขรึมออกมาทันที
“ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน!”
เฟิงฉางถั้นกล่าวว่า “โจมตี!”
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ร่างเงาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานไปทางฝูเซิง
พวกเขาทุกคนต่างแสดงวิธีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมันก็ทำให้การประลองบนเวทีในตอนนี้คึกคักเป็นอย่างยิ่ง
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่เริ่มปะทะกัน ยอดฝีมือที่คุ้นหน้าคุ้นตาผู้คนเหล่านั้นกลับถูกโจมตีจนลอยละลิ่วออกไป และได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
การเผชิญหน้ากันครั้งแรก เป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อคนนับร้อยคน แต่ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถโต้กลับได้เลยแม้แต่น้อย!
พรวด!
เฟิงฉางถั้นถอยหลังออกไป และมุมปากของเขาก็มีเลือดไหลทะลักออกมา
นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่โผล่ออกมาจากที่ไหนกันแน่นะ?
ฝูเซิงจ้องมองไปทางพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ยังไม่ยอมให้คนที่ซ่อนตัวเหล่านั้นลงมืออีกหรือ? หากพวกเขาไม่ลงมือแล้วละก็ พวกเจ้าทั้งหมดอาจจะต้องตายเร็วขึ้นก็ได้นะ”
เจตนาฆ่าอันเย็นยะเยือกที่ฉายแววขึ้นภายในดวงตาสีทองอร่ามคู่นั้น ทำให้พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงความตายอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังใกล้เข้ามา
พวกเขาในตอนนี้เพิ่งจะค้นพบว่า ด้วยการกระทำเช่นนี้ของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด ไม่ใช่เพราะพวกเขามีความกล้าหาญถึงขนาดมารนหาที่ตาย แต่เป็นเพราะว่าพวกเขามีพลังที่แข็งแกร่งมากต่าง งหาก
ผู้นำของเขตต้องห้ามทั้งสามกล่าวว่า “ลงมือ! ทุกคนลงมือได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ยังไงก็ต้องเอาชนะเขาให้ได้ ”
“ขอรับ ท่านเจ้าเมือง!”
ฉากการประลองนี้ยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีก ส่วนมู่เฉียนซีก็ยังคงดูฉากการประลองนี้อย่างนิ่งสงบ ซึ่งแน่นอนว่าฝูเซิงไม่มีทางเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่แล้ว
แต่ในขณะที่ฝูเซิงกำลังต่อสู้ มู่เฉียนซีก็ได้ค้นพบว่ามีวิธีการต่อสู้ของคุกมืดและคุกวิญญาณรวมอยู่ด้วย ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะร่วมมือกับคนจากคุกนรกอื่นด้วยสินะ
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ถึงจะมีคนจำนวนมากก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพลังของเขานั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่าขีดจำกัดของเขาอยู่ที่ใดกันแน่?
เดิมทีการประลองครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อทำให้ความทะเยอทะยานในการคอบครองเขตต้องห้ามทั้งสี่ของพวกเขาบรรลุผลสำเร็จ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าความจริงนั้นจะโหดร้ายมาก และพวกเขาทั้งหมดก็ถูก กเฆี่ยนตีโดยคนเพียงคนเดียว
เนื่องจากศัตรูแข็งแกร่งเกินไป จึงทำให้จิตวิญญาณในการต่อสู้ที่ลุกเป็นไฟของพวกเขาสลายไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้มีคนที่ล้มฟุบลงไปมากขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงของจิตวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกก็ได้บอกกับพวกเขาว่า ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาไม่มีทางเอาชนะคนผู้นี้ได้อย่างแน่นอน
เจ้าเมืองซีเหมินกล่าวว่า “พี่เฟิง พวกเราควรทำเช่นไรดี? เมืองหนามโลหิตนั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ วันนี้เขาเพียงคนเดียวสามารถท้าทายยอดฝีมือของเขตต้องห้ามทั้งสามของพวกเราได้ เ เช่นนั้นเป้าหมายของเขาจะต้องเป็นการกลืนกินเมืองทั้งหมดของเขตต้องห้ามทั้งสามของพวกเราแน่นอนเลย”
เจ้าเมืองตงฟางกล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “มีคนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาปรากฏตัวที่คุกโลหิตตั้งแต่เมื่อไรกัน และข้าก็สงสัยถึงขนาดที่ว่า ความสามารถของเขาน่าจะอยู่ในระดับอ อ๋องเลยด้วยซ้ำ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก! ยอดฝีมือระดับอ๋องจะมีความสนใจในเขตต้องห้ามทั้งสี่ได้อย่างไรกัน”
ตึง ตึง ตึง!
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขาพ่ายแพ้แล้ว ส่วนคนที่เชิญมาจากภายนอกก็พ่ายแพ้แล้วเช่นกัน และหน้าของผู้นำของเขตต้องห้ามทั้งสามตอนนี้ก็เผยความหมองคล้ำออกมา
จะต้องยอมแพ้จริง ๆ หรือ?
พวกเขาเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่นั่งชมการประลองครั้งใหญ่อันน่าตื่นตาตื่นใจคราวนี้อย่างผ่อนคลาย พวกเขาลืมไปได้อย่างไร ถึงชายหนุ่มในชุดคลุมแดงผู้นี้จะยอดเยี่ยม แต่เขายังมีเจ้านา ายอยู่อีกคนหนึ่ง
หากเจ้านายของเขาถูกพวกเขาจับเอาไว้ได้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งแต่ก็คงถูกพวกเขาข่มขู่ได้อยู่ดี
ทว่ายอดฝีมือทั้งหมดในตอนนี้ได้ถูกนำไปสู้บนสนามประลองหมดแล้ว และไม่มีผู้ใดเจียดเวลาออกไปจัดการแม่สาวน้อยคนนั้นได้เลย
“ให้รุ่นน้องเป็นคนลงมือ! อย่างไรเสียรุ่นน้องเหล่านั้นก็ยังมีคนที่มีความสามารถระดับเจ้าครองดินแดนปกป้องอยู่ด้วย แค่จัดการแม่สาวน้อยเพียงคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว”
หลังจากนั้นพวกเขาก็สั่งว่า “ลงมือซะ จับผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ นั่นคือกุญแจสำคัญที่ใช้พลิกสถานการณ์ของพวกเราได้”
“ขอรับ!” รุ่นน้องจากกองกำลังต่าง ๆ เหล่านั้นพลันเข้าใจความคิดของพวกเขาทันที หลังจากนั้นแต่ละคนก็เริ่มลงมือด้วยการพุ่งทะยานเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างฉับพลัน
“พวกเจ้านี่ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ เลย!” สีหน้าของฝูเซิงเผยรอยยิ้มที่อันตรายออกมา
“ถึงความสามารถของเจ้าจะแข็งแกร่งมากก็จริง และหากมีเจ้าเพียงลำพังพวกเราคงไม่มีทางจัดการเจ้าได้อย่างแน่นอน แต่เจ้าดันพาภาระมาด้วยคนหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ได้เตรียมคนมาปกป้องนางอ อีกด้วย ซึ่งถือว่านี่เป็นหายนะของเจ้าเลยก็ได้”
“ภาระงั้นหรือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้านายของข้าเป็นภาระอย่างนั้นหรือ นี่ถือว่าเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาเลย! จุดจบของพวกเจ้า กำลังจะมาถึงแล้ว!” ฝูเซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ เย็นชา
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ทั่วทั้งสนามประลองเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวจนทำให้คนหายใจไม่ออก และหนามโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น หลังจากนั้นมันก็ได้แสดงการเข่นฆ่าที่งดงาม ทั้งยังเป็นการเข่น นฆ่าเพียงฝ่ายเดียวอีกด้วย
พวกเขากรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวว่า “หนามโลหิต พระเจ้า! คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นหนามโลหิต”
“เขาคือหนามโลหิตขั้นเทวะ มิน่าถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
“เมืองหนามโลหิตของเขตต้องห้ามทางตอนใต้ ไม่เคยมีผู้ใดกล้ายึดครองมาตลอด แต่ทว่าในไม่กี่เดือนมานี้กลับถูกใครบางคนสร้างมันขึ้นมาใหม่ และเปลี่ยนจนกลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรื องที่สุด ซึ่งหลังจากนั้นหนามโลหิตก็ไม่เคยโจมตีมนุษย์อีกเลย ที่แท้ก็เป็นเพราะมีคนกลายมาเป็นเจ้านายของหนามโลหิตขั้นเทวะนี่เอง”
“เดิมทีหนามโลหิตก็ทรงพลังมากอยู่แล้ว และหนามโลหิตขั้นเทวะยังสามารถเทียบเคียงระดับอ๋องได้อีกด้วย แต่ระดับอ๋องนั้น…”
พวกเขาตื่นกลัวจนสีหน้าซีดเผือด เช่นนี้แล้วพวกเขาจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของระดับอ๋องได้อย่างไรกัน? ระดับเช่นนี้ เป็นระดับที่พวกเขาได้แต่เงยหน้ามองเท่านั้น
หากพ่ายแพ้ ก็มีแต่ต้องตาย!
พวกเขาไม่อยากตายเลยจริง ๆ และได้แค่หวังว่ารุ่นน้องเหล่านั้นจะสามารถจับเจ้านายของพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะนี้ได้สำเร็จ