ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2460 อดีตท่านอ๋อง
ร่างเงาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซี ผู้ชมคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้ช่างน่าสังเวชนัก
เมืองหนามโลหิตของพวกเขาไม่ใช่ว่าจะไม่มีคน แม้ว่าผู้ผูกสัญญาของนางจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่เมื่อออกมาข้างนอกก็ต้องเตรียมยอดฝีมือสักสองสามคนมาปกป้องอยู่ดี!
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
เหล่ารุ่นน้องของแต่ละเขตต้องห้ามเล่านั้นล้วนเป็นเจ้าครองดินแดนระดับล่างกันทั้งนั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจากมู่เฉียนซีเท่าไรนัก
พวกเขามีความอิจฉาเป็นอย่างมาก เหตุใดคนที่มีความสามารถต่ำเช่นนี้ถึงกลายมาเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตแห่งเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดได้กัน นอกจากนี้ยังได้ผูกพันธสัญญากับพืชกล ลายพันธุ์ขั้นเทวะอีกด้วย
คนที่ไม่มีแม้กระทั่งความสามารถระดับเจ้าครองดินแดนคนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าครองดินแดนระดับบนที่คอยปกป้องพวกเขาออกโรงเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาสามารถจัดการผู้หญิงคนนี้ ได้อยู่แล้ว
ในเวลานี้เอง พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นหญิงสาวผู้นี้กำลังยิ้มอยู่
“มาแล้วก็ดี ได้เห็นฝูเซิงทรมานพวกเขาอย่างสนุกสนาน ข้าเองก็ค้นไม้ค้นมือแล้วเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง คนเหล่านี้ก็โกรธเป็นอย่างมาก
“ช่างหยิ่งผยองนัก เจ้าคิดว่าความสามารถของเจ้าจะยอดเยี่ยมเหมือนพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะอย่างนั้นหรือ? ถึงได้กล้าเอ่ยคำพูดที่หยิ่งผยองเช่นนี้ออกมาน่ะ”
มู่เฉียนซีคลี่ยิ้มจาง ๆ แล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่าข้าไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่การทรมานพวกเจ้า เพียงแค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว”
มู่เฉียนซีหยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา หลังจากนั้นเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นมาทันที
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปมาก สิ่งนี้อันตราย!
“เก้าอัคคีพิฆาต!”
ปัง ปัง ปัง!
“นายน้อย ระวังขอรับ!”
“คุณชาย…”
มู่เฉียนซีใช้เพียงกระบวนท่าเดียว แต่เหล่าอัจฉริยะที่เป็นรุ่นน้องจากเมืองใหญ่ต่าง ๆ เหล่านั้นกลับไม่มีแรงต่อต้านเลยสักนิด
หากไม่มีเจ้าครองดินแดนระดับบนเหล่านั้นกระโดดออกมาปกป้องแล้วละก็ พวกเขาก็คงจะถูกเปลวเพลิงของมู่เฉียนซีแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านนานแล้ว
ทุกคนต่างเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตกใจ ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหล่านายน้อยของพวกเจ้าเหล่านั้นไม่ได้เรื่องเลย! พวกเจ้าไม่มาสู้แทนล่ะ?”
“แม่สาวน้อย อย่าหยิ่งผยองเกินไปนักเลย!” พลันนั้นยอดฝีมือระดับเจ้าครองดินแดนระดับสูงก็เริ่มลงมือทันที
ตอนที่อยู่ในขุมนรกสีโลหิตมู่เฉียนซีไม่ได้ใช้พลังวิญญาณในการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และหลังจากที่ออกมาได้แล้วก็ดูเหมือนว่านางจะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เลยเช่นกัน
วันนี้ได้เผชิญหน้ากับคนกลุ่มนี้ ในที่สุดนางก็ได้ต่อสู้ครั้งใหญ่จริง ๆ จัง ๆ สักที
มู่เฉียนซีใช้พลังวิญญาณธาตุทั้งสามอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อรับการโจมตีของคนเหล่านี้
เมื่อทักษะวิญญาณลับจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถูกปลดปล่อยออกมา ยอดฝีมือระดับเจ้าครองดินแดนระดับสูงเหล่านั้นต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันถ้วนหน้า
“นี่มันเรื่องโกหก! ยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ แต่เจ้าครองดินแดนระดับสูงกลับไม่สามารถต่อสู้กับนางได้ได้อย่างไร”
“นางเริ่มโจมตีอย่างดุเดือดมาโดยตลอด อีกทั้งยังไม่มีการป้องกันเลยด้วยซ้ำ การโจมตีของเจ้าครองดินแดนระดับสูงอ่อนแอถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน แม้แต่คนที่ไม่มีการป้องกันคนหนึ่ง ยังไม่สามารถทำให้บาดเจ็บได้เลย”
“ใช่แล้ว!”
เจ้าครองดินแดนระดับสูงเหล่านี้ต่างก็แอบบ่นกันอย่างลับ ๆ และถึงพวกเขาจะใช้ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในการโจมตี แต่เมื่อร่างของผู้หญิงคนนั้นโดนการโจมตีเหล่านี้ของพวกเข ขาไปแล้ว กลับไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้นางได้เลยแม้แต่น้อย
นี่คือร่างกายของมนุษย์อย่างนั้นหรือ? สีหน้าของเจ้าครองดินแดนระดับบนเหล่านี้เต็มไปด้วยคำถาม
ผู้คนพุ่งทะยานออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดออกมาแล้ว มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่จงออกมา!”
ตอนที่มู่เฉียนซีอยู่ในขุมนรกสีโลหิตนางไม่สามารถให้พวกมันออกมาต่อสู้ได้ ซึ่งพวกมันก็เบื่อหน่ายมาเป็นเวลานานแล้ว
ตอนนี้ในที่สุดมู่เฉียนซีก็สามารถเรียกพวกมันออกมาได้แล้ว จากนั้นพวกมันก็เริ่มติดตามมู่เฉียนซีและสังหารไปทั่วทุกสารทิศในทันที
ตูมม โครมมม!
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ทางด้านไหน ผลลัพธ์ล้วนเป็นการถูกบดขยี้เพียงฝ่ายเดียวทั้งนั้น
พวกเขาจิตใจคับแคบจนรู้สึกว่าแม่สาวน้อยผู้นี้คือภาระ แต่แท้จริงแล้วเจ้าสองคนนี้คือคนวิปลาสต่างหากล่ะ?
ความสามารถของมู่เฉียนซีในตอนนี้ แม้แต่ระดับใต้เท้าก็อย่าคิดที่จะทำอันตรายนางได้เลย และบนโลกนี้ก็คาดว่าน่าจะไม่มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดคนใดที่วิปลาส สเท่านี้อีกแล้ว
“นายท่าน พวกเรายอมแพ้แล้ว!”
“พวกเราขอยอมแพ้!”
“……”
ผู้แข็งแกร่งของเขตต้องห้ามทั้งสามที่ยังโชคดีมีชีวิตรอดเหล่านั้น ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ที่มีอำนาจเหนือเขตต้องห้ามทั้งสี่คือใคร?”
“คือพวกท่านขอรับ!”
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมืองที่ทรงพลังและมีอำนาจมากที่สุดในเขตต้องห้ามทั้งสี่คือเมืองใด?”
“คือเมืองหนามโลหิตขอรับ!”
“เช่นนั้น หากมีคำสั่งของเมืองหนามโลหิต พวกเจ้ากล้าต่อต้านหรือไม่”
“มิกล้าขอรับ!”
หลังจากที่ถามคำตอบคำแล้ว มู่เฉียนซีก็พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ดังนั้นหลังจากนี้ไปไม่ว่าเมืองหนามโลหิตของข้าสั่งให้ทำอะไร พวกเจ้าแค่พยักหน้ารับก็พอแล้ว หากไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ข้าก็แค่มาทำลายเจ้าเสียก็เรียบร้อยแล้ว!”
นางไม่ได้ให้พวกเขาทำสัญญาอะไร และไม่ได้ให้พวกเขาสาบานในทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เดิมทีข้าไม่ได้คิดที่จะใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้ แค่อยากเห็นพวกเจ้าหวาดกลัวก็เท่านั้น แต่พวกเจ้าดันมายั่วยุให้ข้าไม่พอใจ ฉะนั้นข้าจึงทำได้เพียงเอ่ยเตือนเจ จ้า”
พวกเขากล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “พวกข้า…พวกข้าไม่รู้ว่าทำให้นายท่านขุ่นเคืองตรงที่ใด? นายท่านโปรดบอกให้ชัดเจนได้หรือไม่ขอรับ”
“ข้าคือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต และเป็นเจ้าหอของหอหมอปีศาจด้วย แต่หอหมอปีศาจของข้าที่เปิดในอาณาเขตของพวกเจ้ากลับไม่ราบรื่นนัก! เจ้าคิดว่าข้าจะโมโหหรือไม่?”
พวกเขาเงื่อแตกพลั่กขึ้นมาทันที และรีบคุกเข่าพลางกล่าวว่า “จากนี้ไปพวกเราไม่กล้าอีกแล้วขอรับ”
“หลังจากนี้ไปหอหมอปีศาจจะเป็นหอยาเพียงหอเดียวที่รับอนุญาตให้มีอยู่ในเมืองของพวกเรา”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าเข้าใจแล้วก็ดี เช่นนั้นวันนี้ก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว!”
หลังจากที่พวกเขาทรมานคนเหล่านี้แล้ว ทั้งสองคนก็จากไปโดยตรง
มันไม่ได้มีเพียงความทะเยอทะยานของผู้แข็งแกร่งจากเขตต้องห้ามทั้งสามเท่านั้นที่ถูกทำลาย แม้แต่ความมั่นใจในตนเองของพวกเขาก็ถูกบดขยี้ไปด้วย
แต่ทว่าเหล่าผู้ชมที่มาดูการต่อสู้กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้มาเสียเปล่า เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็ได้ชมการต่อสู้ที่เหลือเชื่ออย่างน่าตื่นเต้นเช่นนี้
เจ้าเมืองซีเหมินกล่าวว่า “จะทำอย่างไรดี? หรือว่าจะปล่อยให้เมืองหนามโลหิตของพวกเขาเย่อหยิ่งอย่างนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ”
“หลังจากนี้พวกเราทำได้เพียงประจบประแจงพวกเขาเท่านั้น” เจ้าเมืองตงฟางกล่าวอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก
เฟิงฉางถั้นกล่าวว่า “พืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะมีน้อยมาก และหนามโลหิตที่เป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะยิ่งมีน้อยเสียยิ่งกว่า เจ้าหมอนั่นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ข้าจำได้ ว่าอ๋องของคุกโลหิตก่อนหน้านี้ก็เป็นหนามโลหิตเช่นกัน ซึ่งข้าสงสัยว่า…”
“เขาคืออดีตอ๋องของคุกโลหิตที่หายตัวไปก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ!”
“ไม่ผิดแน่ เขาลูกเดียวไม่สามารถมีเสือสองตัวได้ คุกโลหิตย่อมต้องมีอ๋องได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้คนผู้นั้นมีความทะเยอทะยานที่จะรวมเขตต้องห้ามทั้งสี่เป็นหนึ่งเดียว ฉะนั้น ก้าวต่อไปต้องคิดที่จะยึดครองคุกโลหิตเป็นแน่! เมื่อพวกเรานำข่าวนี้ไปแจ้งให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยทราบ ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยก็จะต้องมาจัดการแน่นอน ขอเพียงคนผู้นี้ตายไป หลังจากนี้พว วกเราจะต้องกลัวเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดอีกหรือ? เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราค่อยร่วมมือกันโจมตีเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด และบุกทำลายเมืองหนามโลหิตให้สิ้นซากไปเสีย” แสงเย็นยะเยือก กเปล่งประกายอยู่ภายในดวงตาของเฟิงฉางถั้น
“ท่านเจ้าเมืองเฟิงนี่ฉลาดหลักแหลมจริง ๆ พวกเราทำเช่นนี้ก็แล้วกัน! ปล่อยให้เมืองหนามโลหิตหยิ่งผยองต่อไปสักสองสามวันก็แล้วกัน! และเมื่อไรที่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยฆ่าคนผู้นั้นสำเร็ จ จุดจบของพวกเขาก็จะมาถึงเอง”
พวกเขายังไม่ทันรอให้วาระสุดท้ายของเมืองหนามโลหิตมาถึง แต่วาระสุดท้ายของพวกเขาดันมาถึงก่อนเสียแล้ว
เมืองใหญ่ของเขตต้องห้ามทางตอนเหนือสุด ตะวันตกไกลและตะวันออกไกลได้ถูกยึดครองไปหมดแล้ว และผู้ที่ยึดครองก็ถูกส่งมาจากเมืองหนามโลหิต ซึ่งท่านเจ้าเมืองของพวกเขาได้ส่งคนมาเพื่ อแทนที่เจ้าเมืองคนเดิมนั่นเอง
และเมื่อเจ้าเมืองตงฟางและเจ้าเมืองซีเหมินกลับไปก็ค้นพบว่าเมืองเขาพวกเขาได้ถูกเปลี่ยนเจ้าเมืองไปแล้ว ซึ่งพวกเขาที่ไม่อยากต่อสู้กับพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะอีกครั้ง ก็ทำได้เพีย ยงกลับไปที่เมืองวายุหิมะเท่านั้น
เพราะตอนนี้ เมืองวายุหิมะเป็นเพียงเมืองเดียวที่ยังไม่ถูกเมืองหนามโลหิตยึดครองนั่นเอง