ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2463 กรงร้อยศึก
สงครามใหญ่ของแดนนรกกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว ส่วนมู่เฉียนซีก็ไม่ได้ให้คนของหอหมอปีศาจอยู่เฉย ๆ เช่นกัน
สมุนไพรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนถูกส่งมาถึงหอหมอปีศาจ หอหมอปีศาจได้หยุดขายยาลูกกลอนในคุกนรกอื่น ๆ อีกหกแห่ง และทำการกลั่นยาลูกกลอนจำนวนมากให้กับฝ่ายของคุกโลหิตแทน
การต่อสู้ในครั้งนี้ หอหมอปีศาจสนับสนุนเพียงคุกโลหิต และสนับสนุนเพียงอ๋องจิ่วเยี่ยเท่านั้น ฉะนั้นจึงมิแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดตอนแรกอ๋องจิ่วเยี่ยถึงได้สนับสนุนหอหมอปีศาจมากถึงขนาดนั้น
ในตอนที่ทั้งสองฝ่ายเตรียมกำลังความพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว อ๋องแห่งคุกลับก็ได้เป็นตัวแทนของคุกนรกทั้งหก ส่งสาส์นท้ารบมาให้กับอ๋องแห่งคุกโลหิต
บนสาส์นท้ารบได้เขียนเอาไว้ว่า สงครามในครั้งนี้มีสิ่งที่เกี่ยวข้องเป็นวงกว้างมากกว่าคราวที่แล้วมากนัก
อย่างไรเสียคราวที่แล้วก็มีเพียงอ๋องทั้งหกร่วมมือกัน และมีเพียงคนสนิทบางคนที่มีส่วนร่วมจัดการอ๋องจิ่วเยี่ยเท่านั้น แต่ทว่าในครั้งนี้ยอดฝีมือของคุกนรกทั้งหมดจะร่วมต่อสู้ด้วย ซึ่งผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องนั้นก็มีจำนวนมากมายเลยทีเดียว
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกทำลายล้าง เช่นนั้นคุกนรกใหญ่นั้นก็จะกลายเป็นความว่างเปล่าไปอย่างสิ้นเชิง และจะต้องถูกผู้ชนะควบคุมอย่างสมบูรณ์
สงครามที่ปะทุขึ้นมานี้ ได้ย้อมแดนนรกให้เต็มไปด้วยเลือด หากจะบอกว่าเปลี่ยนกลายเป็นคุกอสูร ก็คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
ในฐานะผู้ชนะ แม้ว่าอยากจะยึดครองทั่วทั้งแดนนรก แต่กลับไม่อยากให้แดนนรกเต็มไปด้วยความบอบช้ำจนจำเป็นต้องใช้เวลานับพันปีกว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ ดังนั้นอ๋องของคุกลับจึงได้เสนอว่า พวกเขาจะไม่ทำการต่อสู้กันในคุกใหญ่ทั้งเจ็ด
อ๋องแห่งคุกลับเขียนด้วยสำนวนที่งดงาม เพื่อโน้มน้าวความตั้งใจของจิ่วเยี่ย
แต่ทว่าหลังจากที่จิ่วเยี่ยได้อ่านสาส์นท้ารบทั้งหมดแล้ว เขาก็ถามหญิงสาวที่อยู่ข้างกายของเขาว่า “ซีมีความเห็นว่าอย่างไร?”
จื่อโยวกลอกตาทันที การต่อสู้ใหญ่ที่ตัดสินชะตากรรมของเขตแดนแห่งนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยของเขาจะถามคนงามเช่นนี้
เขามั่นใจว่า ไม่ว่าคนงามจะพูดว่าอะไร? เยี่ยก็จะต้องตัดสินใจเช่นนั้นโดยไม่คัดค้านอะไรแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คำพูดที่อ๋องแห่งคุกลับกล่าวมานั้นก็ไม่ใช่ว่าผิดเสียทีเดียว เพราะการสร้างแดนนรกขึ้นมาใหม่นั้นยุ่งยากมากเหลือเกิน นอกจากนี้หอหมอปีศาจที่ข้าเพิ่งสร้างเสร็จอาจจะพังทะลายลงเพราะการต่อสู้ และเกรงว่าอาจจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งก็เป็นได้ แต่ว่า สถานที่ที่เขากำหนดอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ?”
แดนนรกนอกจากจะมีคุกใหญ่ทั้งเจ็ดแล้ว ภายในรอยแตกแห่งความว่างเปล่าก็ยังมีสถานที่อื่นอีกด้วย
และสถานที่เหล่านั้นเดิมทีแล้วไม่เหมาะสมที่จะอยู่อาศัยหรือฝึกฝน ซึ่งมันก็แทบที่จะไม่มีคนอยู่เลย
จื่อโยวกล่าวว่า “สถานที่ที่สามารถรองรับกองกำลังและยอดฝีมือของคุกใหญ่ทั้งเจ็ดได้ และสามารถทนต่อการต่อสู้ระดับนี้ได้โดยไม่ถูกทำลาย ข้าว่าสถานที่ที่พวกเขาน่าจะเลือกก็มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งอาณาเขตแห่งนั้นก็น่าจะอยู่ใกล้กับหุบเหวลึกมากที่สุด หรือก็คือกรงร้อยศึกนั่นเอง”
และเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ เพราะสถานที่ที่เขียนไว้ก็คือกรงร้อยศึก ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะไม่ว่าจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะสร้างอันตรายใด ๆ ให้กับคุกนรกทั้งเจ็ดได้
มู่เฉียนซียิ้มเย็นชาขึ้นทันที กรงร้อยศึกหรือ!
“คุกนรกแห่งนั้นเป็นแดนนรกแรกสุด แต่ภายหลังได้เริ่มมีคุกนรกทั้งเจ็ดเพิ่มขึ้นมา และหลังจากนั้นกรงร้อยศึกก็ถูกทำลายจนไม่เหลือสิ่งมีชีวิตอยู่เลย จนมันถูกทิ้งร้างไปอย่างสมบูรณ์ ตำนานเล่าขานว่ามันเกิดขึ้นเพราะสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง แต่เนื่องจากว่ามันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว จึงไม่มีใครรู้สถานการณ์ที่ชัดเจนเลย” จื่อโยวกล่าว
แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ร้ายที่มีชีวิตอยู่ได้ค่อนข้างนาน แต่เมื่อเทียบกับเวลาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ของแดนนรกแห่งนี้ ก็ยังถือว่าสั้นมากอยู่ดี
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “นั่นคือสถานที่ที่อันตรายที่หนึ่ง แต่ว่าการใช้สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ฝังศพของพวกเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน”
เมื่ออ๋องจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิตตอบรับคำท้ารบ ก็หมายความว่าสงครามครั้งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว
ทว่าสิ่งที่ทำให้คนธรรมดามีความสุขก็คือ อ๋องทั้งเจ็ดไม่ได้ทำสงครามกันในพื้นที่ของคุกนรกทั้งเจ็ด แต่ไปทำสงครามกันที่กรงร้อยศึกซึ่งอยู่ห่างไกลจากคุกใหญ่ทั้งเจ็ดเป็นอย่างมากนั่นเอง
หากเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่มีทางกระทบถึงพวกเขาได้อย่างแน่นอน
พวกเขาเองก็ไม่อยากถึงความตายเพราะโดนลูกหลงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากสงครามใหญ่ของผู้แข็งแกร่งเช่นกัน
ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้วถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่พวกเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกันว่า จะไม่มีโอกาสได้เห็นฉากสงครามที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดของแดนนรก
กองทัพทั้งหมดของคุกโลหิตได้มารวมตัวกันที่เมืองเทพสังหาร ซึ่งกองกำลังเหล่านี้ก็ได้ก่อตัวกันจนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
เมืองหนามโลหิตที่เป็นผู้ปกครองเขตต้องห้ามทั้งสี่ได้ส่งผู้แข็งแกร่งมาด้วยมากมายเช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องตื่นตกใจมากเลยทีเดียว
และคิดไม่ถึงว่าเมืองหนามโลหิตจะยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้!
แต่พวกเขาไม่รู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าข้างกายของผู้แข็งแกร่งแต่ละคนของเมืองหนามโลหิตจะมีพืชกลายพันธุ์อีกมากมายเพียงใด
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าจิ่วเยี่ยของนางนั้นแข็งแกร่งมาก นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งเป็นลูกน้องอีกมีมากมาย แต่ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้ อย่างไรเสียก็เป็นการต่อสู้แบบหกต่อหนึ่งไม่ใช่การต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางกั๊กความสามารถเอาไว้ และต้องเลือกที่จะทุ่มกำลังต่อสู้อย่างเต็มที่แน่นอน
ทั่วทั้งแดนนรกในตอนนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และบรรยากาศแห่งการฆ่าฟันก็ทะลักออกมาจากทั่วทุกซอกมุมของแดนนรกแห่งนี้
เมื่อเวลาเดินทางใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จื่อโยวก็กล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “อะไรนะ? คนงาม เจ้าต้องการที่จะใช้สถานะพระชายาของอ๋องแห่งคุกโลหิตติดตามเยี่ยเข้าร่วมสงครามด้วยอย่างนั้นหรือ นี่มันจะไม่กลายเป็นเป้าให้คนอื่นหรืออย่างไร?”
“ไม่ใช่สิ! ข้าไม่ได้สงสัยในความสามารถของคนงามหรอกนะ แต่ข้ารู้สึกว่าหากเจ้าเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยแล้วละก็ ให้เจ้าเข้าร่วมด้วยสถานะของเจ้าเมืองหนามโลหิตจะไม่ดีกว่าอย่างนั้นหรือ”
“เยี่ย เจ้ายังไม่มาโน้มน้าวคนงามอีกหรือ! นี่ไม่ได้นะ ไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลย!”
ดวงตาของจิ่วเยี่ยจ้องมองไปที่ร่างของมู่เฉียนซี และมู่เฉียนซีจึงกล่าวกับเขาว่า “จิ่วเยี่ย เมื่อเจ้าได้ฟังเหตุผลของข้าแล้ว หลังจากนั้นจะต้องไม่ปฏิเสธแน่นอน”
มู่เฉียนซีได้อธิบายเหตุผลออกมาว่า การเริ่มสงครามของแดนนรกในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แม้ว่าเจ้าแห่งคุกนรกทั้งสามจะไม่มีความภักดีมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกลับตัดสินใจทรยศขึ้นมาอย่างกะทันหันโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ข้ารู้สึกแม้กระทั่งว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีอู๋หยาเป็นคนคอยหนุนหลังอยู่ เพราะเขาถูกข้าฆ่าร่างแยกของเขา ฉะนั้นตอนนี้เขาย่อมต้องพยายามแว้งกัดข้าอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว! ดังนั้นข้าจึงไม่ควรหลบอยู่ที่คุกโลหิตในขณะที่พวกเจ้ากำลังต่อสู้อย่างเต็มที่ และเขาก็อาจจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้แอบเข้ามาได้อีกด้วย ฉะนั้นข้าจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้นี้”
“ส่วนที่ว่าเพราะอะไรถึงไม่ใช้สถานะของเจ้าเมืองหนามโลหิต นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าอยากจะต่อสู้เคียงข้างเจ้าในฐานะคู่หมั้นของเจ้า และหากพวกเขาคิดว่าข้าคือจุดอ่อนของเจ้าจริง ๆ ข้าก็คิดว่าพวกเขาคงไม่รู้ตัวว่าตนเองต้องตายอย่างไร ซึ่งพวกเราก็จะสามารถหลอกพวกเขามาฆ่าได้พอดี” และมุมปากของมู่เฉียนซีก็แสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่เพียงแต่มีพวกสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ แต่ข้ายังมีฝูเซิงอยู่ด้วย ถึงอ๋องของแดนนรกเหล่านั้นอยากจะแตะต้องข้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี” มู่เฉียนซีก็กอดแขนของจิ่วเยี่ยเอาไว้
นางจ้องมองไปยังดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกที่ถูกกระตุ้นคู่นั้นพลางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
หากอาศัยแค่พลังของนางเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอที่จะต่อสู้เคียงข้างจิ่วเยี่ยได้ แต่ผู้ผูกพันธสัญญาของนางแต่ละคนไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ เลย ซี่งนี่ก็เป็นพลังส่วนหนึ่งของนางด้วยเช่นกัน
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้พลางกล่าวว่า “ตกลง! เอาตามที่เจ้าว่าเถอะ ข้าเองก็เฝ้ารอที่จะได้ต่อสู้เคียงข้าซีเช่นกัน พวกเราไปยึดครองแดนนรกกันเถอะ”
เมื่อจื่อโยวเห็นคนพลอดรักอยู่ตรงหน้า เขาก็รู้สึกว่ามันน่าอิจฉาเกินไป เขาจึงกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าก็ค่อย ๆ คุยกันไปเถอะ ข้าขอตัวไปทำงานก่อน”
สิ่งที่คนงามกล่าวไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล และตอนนี้คนงามก็เตรียมตัวที่จะเป็นเหยื่อล่อแล้วด้วย
เมื่อถึงเวลานั้นคนของแดนนรกก็จะได้รู้ว่าพระชายาแห่งคุกโลหิตของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด หลังจากนั้นเจ้าพวกนั้นก็คงต้องถูกทรมานอย่างน่าสังเวช และถูกทำให้ตาบอดเป็นแน่!
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ แม้ว่าจื่อโยวจะเหนื่อยทั้งกายและใจ แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อยู่ดี
สงครามครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งทุกคนต่างก็เตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้ว รอเพียงให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิตของพวกเขาปรากฏตัวขึ้น และประกาศเริ่มสงคราม หลังจากนั้นพวกเขาก็สามารถออกเดินทางได้แล้ว!