ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2469 ความเข้าใจผิดที่น่าขัน
มู่เฉียนซีเคยเยาะเย้ยนางมาก่อน นอกจากนี้ยังแย่งหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ไปต่อหน้าต่อตานางอีกด้วย และเพราะเรื่องทั้งหมดนี้จึงทำให้โยวจีถือว่ามู่เฉียนซีกลายเป็นผู้หญิงที่นางเ เกลียดมากที่สุดนั่นเอง
แต่เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีมีอ๋องจิ่วเยี่ยคอยคุ้มครองอยู่ จึงทำให้แม้ว่านางอยากจะหั่นผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้น ๆ มากเพียงใด ก็ไม่กล้าลงมืออยู่ดี ทว่าตอนนี้ ในที่สุดโอ อกาสที่นางรอคอยก็ได้มาถึงแล้ว
จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวได้ทะลักออกมา อ๋องแห่งคุกทมิฬกล่าวว่า “จัดการสาวน้อยที่แม้แต่ระดับเจ้าครองดินแดนยังไม่ถึงเพียงคนเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าโยวจีที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นนั้ นจะลงมือด้วยตนเอง ความอิจฉาของหญิงสาวนี่น่าหวาดกลัวจริง ๆ เลย!”
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งจะสามารถสกัดกั้นและหลบหลีกการทำลายล้างของระดับอ๋องคนหนึ่งได้อย่างไร? คาดว่าน่าจะถูกสังหารภายในพริบตาเดียว และตายจนไม่เหล ลือแม้กระทั่งเศษซากเสียมากกว่า
ถึงจะเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้ แต่โยวจีกลับค้นพบว่ามู่เฉียนซีกำลังหัวเราะเยาะนางอยู่
“ขอโทษที่จะต้องบอกเจ้าว่า เจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่าข้าได้หรอก”
ทันใดนั้น หนามแหลมสีแดงเลือดก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และมันก็พุ่งออกไปทางโยวจีทันที
ความเร็วของหนามแหลมนี้รวดเร็วเป็นอย่างมาก อีกทั้งมันยังสามารถทะลวงการป้องกันของระดับอ๋องได้โดยไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย
พรวด พรวด พรวด!
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นออกมา จากนั้นบนร่างกายของโยวจีก็เต็มไปด้วยร่องรอยของบาดแผล
พรึ่บ!
หลังจากที่โยวจีหลุดพ้นออกมาได้ นางก็ถอยร่นออกไปอย่างรวดเร็ว และจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ
“จะ…เจ้า…”
เดิมทีคิดว่าคนที่จะต้องตายก็คือมู่เฉียนซี แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าผลจะออกมาอย่างเหนือความคาดหมายเช่นนี้ และคิดไม่ถึงเลยว่าโยวจีจะกลายเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บแทน
“หนามโลหิต! ขั้นเทวะอย่างนั้นหรือ!” สีหน้าของอ๋องไป๋กุ่ยฉายแววเคร่งขรึมออกมาทันที
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่โยวจีพลางกล่าวว่า “ในสงครามเช่นนี้หากข้าไม่มีความสามารถระดับอ๋องอยู่ด้วย เจ้าคิดว่าข้าจะมาปรากฏตัวอยู่ในสนามรบของคุกนรกทั้งเจ็ดได้อย่างนั้นหรือ?”
“หญิงสาวที่อัปลักษณ์อย่างเจ้า อีกทั้งยังอ่อนแอเช่นนี้ยังคิดจะมาฆ่าเจ้านายของข้าอีกหรือ ช่างน่าสงสารจริง ๆ” หนามโลหิตที่ยืนอยู่ข้างหน้าของมู่เฉียนซี ได้กลายร่างกลายเป็นชายหนุ มที่งดงามมากคนหนึ่ง
และใบหน้าที่งดงามเย้ายวนนี้ก็ทำให้หญิงสาวล้วนคลั่งไคล้และอิจฉาไปพร้อมกัน ซึ่งโยวจีก็เป็นหนึ่งในนั้น
แม้ว่าจะกำลังอยู่ในสงคราม แต่เสื้อผ้าที่ฝูเซิงเปลี่ยนออกมานั้นก็งดงามเหมือนเช่นเคย ราวกับว่าเขาไม่ได้มาเพื่อเขาร่วมสงครามที่ดุเดือด แต่มาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของงา านประลองอย่างไรอย่างนั้นเลย
โยวจีโกรธจนจะกระอักออกมาเป็นเลือดอยู่แล้ว และในตอนที่แย่งชิงหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ ผู้หญิงคนนี้ยังไม่มีเจ้าผู้ชายที่น่าสะพรึงกลัวผู้นี้อยู่ข้างกายนางเลย
หลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นาน นางก็ไม่คิดเลยว่าข้างกายของมู่เฉียนซีจะมีหนามโลหิตขั้นเทวะเพิ่มมาอีกคน
มิแปลกใจเลยว่าทำไมหญิงสาวที่อ่อนแอขนาดนี้ แต่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยกลับวางใจจนปล่อยให้นางมาสนามรบเช่นนี้ได้ นางใช้ความอ่อนแอของนางทำให้ศัตรูเป็นอัมพาต หลังจากนั้นค่อยโจมตีศัต ตรูอย่างรุนแรง
โยวจีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยช่างโปรดปรานเจ้าเสียจริงนะ! พืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะที่พบเจอได้ยากเช่นนี้ยังหามาให้เจ้าผูกพันธสัญญา และปกป้องเจ้าเช่นนี้!”
อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะผูกสัญญาได้ยากยิ่งกว่าสัตว์เทพอีกมิใช่หรือ เพราะพวกมันหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ดูเหมือนว่าข่าวลือนั้นคงจะผิดพลาดอย่า างนั้นสินะ! คิดไม่ถึงว่าพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะที่แข็งแกร่งจะยอมรับสาวน้อยที่ระดับไม่ถึงเจ้าครองดินแดนคนหนึ่งเป็นเจ้านายเช่นนี้”
แววตาของฝูเซิงฉายแววที่ดุเดือดออกมาอย่างรุนแรง เขาหัวเราะเยาะพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีความเข้าใจผิดต่อเจ้านายของข้าสินะ! พวกเจ้าฟังให้ดี ตอนที่อ๋องจิ่วเยี่ยยังไม่ได ด้เป็นอ๋องของคุกโลหิต ข้าฝูเซิงก็คือเจ้านายของคุกโลหิต ข้าไม่ปฏิเสธว่าเขามีความแข็งแกร่งมากจริง ๆ แต่หากต้องการจะบีบให้ข้าทำพันธสัญญากับมนุษย์ ถึงข้าจะต้องตายข้าก็จะไม่ ยอมให้เขาสมความปรารถนาแน่นอน”
“เจ้านายของข้า อาศัยเพียงพลังของตัวนางเอง และมีเพียงพลังของนางเองเท่านั้นที่ทำให้ข้าเต็มใจยอมผูกพันธสัญญาชีวิตนี้กับนาง ซึ่งข้าก็เต็มใจที่จะติดตามนางเอง”
ถึงพลังวิญญาณของเจ้านายของเขาจะไม่แข็งแกร่งพอ แต่พลังจิตวิญญาณของนางนั้นแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยาของนางก็ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย
เมื่ออ๋องทั้งสามได้ยินคำพูดนี้ของฝูเซิง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเหลือเชื่อขึ้นมาทันที นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นอดีตอ๋องของคุกโลหิต!
และพวกเขาก็ไม่มีความสงสัยเลยว่าคำพูดนี้ของฝูเซิงจะเป็นเรื่องโกหก!
เพราะพืชกลายพันธุ์นั้นเหยียดหยามคำโกหกเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคำโกหกเช่นนี้
ฝูเซิงกล่าวอย่างอันตรายว่า “คนอย่างพวกเจ้า ทำให้ข้าโมโหมากจริง ๆ! ดังนั้น จงตายเสียเถอะ!”
ฝูเซิงระเบิดจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวมากออกมา จากนั้นก็พุ่งทะยานไปทางอ๋องทั้งสามทันที นับตั้งแต่ที่ออกมาจากขุมนรกสีโลหิต เขาได้ต่อสู้กับอ๋องเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งคนผู้นั นก็คืออ๋องจิ่วเยี่ยนั่นเอง
และในการต่อสู้ครั้งนั้น เขาก็ถูกทุบตีจนน่าสังเวชเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็ทำให้ความมั่นใจในตนเองของเขาถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี
ฉะนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่สอง ที่จะทำให้เขาสามารถเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ฝูเซิง ข้ามอบพวกเขาทั้งสามคนให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน ระวังตัวด้วย”
“ฆ่ามัน!” มู่เฉียนซีได้พาคนอื่น ๆ บุกฆ่าฟันเหล่าศัตรูไปพร้อมกันในทันที จำนวนกองกำลังเสริมของพวกเขามีจำนวนมหาศาลเป็นอย่างมาก แม้ว่าเดิมทีคุกโลหิตจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ สามารถเริ่มโต้กลับได้แล้ว
เมื่อจื่อโยวเห็นมู่เฉียนซีเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คนงาม คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องดี ๆ อย่างการมีวีรสตรีมาช่วยเหลือเช่นนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าหากเยี่ยได้รู เรื่องนี้แล้ว เขาจะหึงหวงจนทำลายข้าไปเลยหรือไม่ก็เถอะ”
ตึงง!
ก่อนหน้านี้จื่อโยวยังหัวเราะและหยอกล้ออยู่เลย แต่หลังจากนั้นเพียงชั่วพริบตาเขาก็ล้มฟุบลงอย่างกะทันหัน
มู่เฉียนซีพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ตัวนางยังไม่ทันไปถึง แต่เข็มยาจำนวนหนึ่งกลับไปถึงตัวเขาแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้จื่อโยวแทบจะกลายเป็นเม่นไปเลยทีเดียว
ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก และที่ร้ายแรงยิ่งกว่าก็คือจิตวิญญาณของเขานั่นเอง
กลิ่นอายของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้น และวิหคนรกแห่งความตายตัวนั้นก็รู้สึกว่าตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที
นอกจากนี้มันก็ยังโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกันอีกด้วย มันโกรธเพราะในตอนที่มนุษย์ผู้นี้กำลังต่อสู้อยู่กับมันกลับมีเวลาไปสนใจคนอื่นอีก ทำตัววอกแวกเช่นนี้ นี่นางยังเห็นมันอยู่ ในสายตาหรือไม่?
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็เริ่มยัดยาน้ำและยาลูกกลอนเข้าไปในปากของจื่อโยวทันที อาการบาดเจ็บที่อ๋องเหล่านั้นสร้างขึ้นน่าตกใจมาก ซึ่งอาการบาดเจ็บบนร่างกายของจื่อโยวนั้นก็ค่ อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว
อาการบาดเจ็บภายนอกจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่นางต้องฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณด้วย ซึ่งหากรีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะสามารถทำร้ายจื่อโยวได้!” แววตาของมู่เฉียนซีมืดมนลงเล็กน้อย นางจ้องมองไปยังตำแหน่งที่เจ้าหมอนั่นอยู่ และหลังจากนั้นก็เริ่มโจมตีทันที
“อืมม!” ร่างกายของจื่อโยวนั้นน่าทึ่งจริง ๆ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ตายแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกับจิ่วเยี่ยก็ตาม หากไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะสามารถฟื้ นตัวได้เร็วยิ่งขึ้นกว่านี้!
“คนงาม เจ้าช่วยชีวิตข้าอีกแล้วสินะ” จื่อโยวกล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้ม
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิตวิญญาณของเจ้าบาดเจ็บถึงขนาดนั้น เจ้าจะไม่ระวังเกินไปแล้ว! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาตายเอาในน้ำตื้นเช่นนี้”
จื่อโยวกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ก็ข้าไม่รู้นี่! ใครจะไปรู้ว่าจะมีเจ้าสิ่งนั้นปรากฏตัวขึ้นมากันล่ะ นอกจากนี้ข้ากับเจ้าสิ่งนั้นก็ไม่ถูกกันอีกด้วย! และมันก็ทำให้ข้าไม่ทันระวัง งจนเป็นเช่นนี้…”
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย “ไม่ถูกกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว! ข้าเป็นสัตว์ร้าย ส่วนเจ้าวิหคนรกแห่งความตายนี้ก็เป็นสัตวร์ร้ายเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับมันมาก่อนเลย ใครจะไปคิดเล่าว่าข้าจะต้องมาเผชิญหน้าก กับมันเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหตุผลที่เจ้าได้มาเผชิญหน้ากับมัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก!”
จื่อโยวผงะไปทันที “ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…”
“มีกี่คนที่รู้ว่าร่างจริงของเจ้าเป็นอะไร? มีกี่คนที่รู้ว่าวิหคนรกแห่งความตายไม่ถูกกับเจ้า?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“นี่มัน…ที่ข้ารู้ก็เป็นเพราะว่ามีความทรงจำที่สืบทอดต่อกันมานอกจากนี้วิหคนรกแห่งความตายก็น่าจะรู้ด้วยเช่นกัน! เรื่องนี้แม้แต่เยี่ยข้าก็ยังไม่เคยบอกเลย หรือว่า…” จื่อ โยวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ