ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2470 การต่อสู้ที่ยากลำบาก
ใช่แล้ว! ไม่มีใครรู้ว่าวิหคนรกแห่งความตายเป็นปรปักษ์ของเขา แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่รู้
ซึ่งนั้นก็คืออู๋หยาเทพพยากรณ์อันดับหนึ่งของเผ่าเทพผู้นั้นนั่นเอง!
บนโลกใบนี้หากมีเรื่องที่เขาต้องการรู้ เขาจะต้องหาวิธีล่วงรู้ให้ได้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีได้บอกเรื่องที่นางรู้ทั้งหมดกับจื่อโยว หลังจากนั้นจื่อโยวก็พูดด้วยแววตาที่เย็นชาว่า “เป็นเขาจริง ๆ สินะ!”
“ดูเหมือนว่าที่เจ้าลงมือไปคราวที่แล้ว เขาก็น่าจะเกลียดชังเจ้ามากเช่นกัน!” มู่เฉียนซีกล่าว
“เกรงว่าเขาน่าจะเกลียดข้ามานานแล้ว ในตอนที่ข้าติดตามเยี่ย เขาก็ไม่พอใจข้าอยู่ตลอด เพราะเขารู้สึกว่าสัตว์เทพในตำนานที่ทรงพลังเหมาะสมกับเยี่ยมากกว่า…” จื่อโยวกล่าวพลางยักไหล่ไปด้วย
มู่เฉียนซีรู้ว่าคราวนี้อู๋หยาได้เตรียมกำจัดทั้งนางและจื่อโยวไปพร้อมกัน และเขาคงอยากจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเป็นแน่
วิหคนรกแห่งความตายรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี นอกจากนี้มันยังไม่สามารถหาโอกาสโจมตีจื่อโยวได้อีกด้วย ดังนั้นมันจึงวางแผนที่จะหลบหนี
แต่มู่เฉียนซีจะยอมปล่อยให้เจ้านี่หนีไปได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงได้ใช้พลังจิตวิญญาณขังมันเอาไว้
สุดท้ายแล้วเจ้าหมอนี่ทำได้เพียงสู้อย่างจนตรอกเท่านั้น ด้วยพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซี ทำให้นางไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีอะไรมากมาย ขอเพียงมีพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอก็สามารถบดขยี้มันได้แล้ว
จื่อโยวกล่าวว่า “ในที่สุดก็จัดการเจ้าสิ่งนี้ได้แล้ว คนงาม คราวนี้เจ้าช่วยข้าแก้แค้นได้แล้ว”
“มันก็เป็นแค่ลูกกระจ๊อกตัวหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่รับมือได้ยากจริง ๆ คือผู้นำของพวกมัน ราชาวิหคนรกแห่งความตายต่างหาก เจ้ารีบฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็ยเสีย ข้าสัมผัสได้ว่าจะต้องมีการต่อสู้ที่ยากลำบากเกิดขึ้นแน่นอน”
“ตกลง!”
ตอนนี้โยวจีได้รับบาดเจ็บสาหัส และแม้ว่าอ๋องอีกสองคนจะไม่เป็นอะไร แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าการเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่กำลังพลุ่งพล่านของพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะนั้น ช่างยากที่จะรับมือได้เช่นกัน
คนของทั้งสามคุกนรกได้ถูกคนของคุกโลหิตจัดการจนหมดสิ้น ส่วนมู่เฉียนซีก็ลงมือจัดการเหล่าวิหคนรกแห่งความตายระดับต่ำที่ปรากฏตัวออกมาจนหมดสิ้นเช่นกัน
ตอนนี้อ๋องทั้งสามได้กลายเป็นคนที่ไม่เหลือผู้ติดตามอีกแล้ว ส่วนการต่อสู้ของระดับอ๋อง เดิมทีแล้วคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับอ๋องก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้อยู่แล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงกลับไปรักษาบาดแผล และเตรียมป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น
การต่อสู้ของฝูเซิงและอ๋องของคุกนรกทั้งสามเริ่มดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ และในเวลานี้มู่เฉียนซีก็ได้ค้นพบว่ามีกองกำลังอีกกองหนึ่งกำลังตรงมาทางด้านนี้อย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีสามารถสังเกตได้ก่อนใคร นางจึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม!”
“ขอรับ!”
ตอนนี้พวกเขาสามารถยืนยันได้แล้ว ว่าคนที่มาในคราวนี้ก็คือกองทัพของศัตรู และไม่ใช่พวกเดียวกัน
ความสามารถของพวกเขาเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าคนที่พวกเขาจัดการไปก่อนหน้านี้เสียอีก หลังจากนี้ไปคาดว่าพวกเขาน่าจะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยากลำบากเป็นแน่
“ฆ่ามัน!” ในตอนที่พวกเขายังไม่เข้ามาใกล้ มู่เฉียนซีก็ได้สั่งให้พวกเขาเริ่มการโจมตีทันที
“คนของคุกลับ!” ในตอนที่กองทัพทั้งสองมาบรรจบกัน จื่อโยวก็จำได้ทันทีว่าคนกลุ่มนี้คือคนของคุกลับ
“เจ้ารีบรักษาอาการบาดเจ็บให้ดีเถอะ มิเช่นนั้นหากอาการบาดเจ็บของเจ้ารุนแรงขึ้น ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกแล้ว”
การต่อสู้ในตอนแรก ความสามารถของทั้งสองฝ่ายมีความแข็งแกร่งพอกัน แต่ผลปรากฏว่าเมื่อมีกลุ่มคนของคุกลับเพิ่มเข้ามา ความสามารถของพวกเขาก็ยกระดับขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็สามารถปราบกลุ่มของคุกโลหิตได้ทันที
สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงอย่างฉับพลัน มีบางอย่างผิดปกติ…
รูปแบบกลุ่มคนของคุกลับเปลี่ยนแปลงไป จิตวิญญาณในการต่อสู้ของพวกเขาผนึกรวมกันจนแข็งแกร่งอย่างผิดปกติ
และในที่สุดนางก็ค้นพบว่ากลุ่มคนของคุกลับเหล่านี้ มีผู้บัญชาการที่ทรงพลังมากอยู่คนหนึ่ง
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังสังเกตสถานการณ์ ทันใดนั้นก็มีจิตสังหารที่เย็นยะเยือกโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหัน
ความเร็วในการโจมตีของศัตรูรวดเร็วเป็นอย่างมาก แม้ว่านางจะใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาแต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกกการโจมตีนี้ได้อยู่ดี
ยังไม่ทันเห็นตัวศัตรู แต่กลับต้องทำให้สุ่ยจิงอิ๋งเปลืองแรงมาคุ้มครองนางแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาทันที
“คนงาม!” สีหน้าของจื่อโยวเปลี่ยนไปอย่างมาก ใครจะมัวแต่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเองอยู่อีก? เพราะการปกป้องคนงามนั้นสำคัญกว่ามากนัก
สุ่ยจิงอิ๋งช่วยสกัดกั้นการโจมตีให้กับมู่เฉียนซี แม้ว่าพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่นางก็ยังคงไม่สามารถคาดเดาร่างเงาของคนผู้นั้นได้อยู่ดี นอกจากสีดำแล้ว ก็คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมองไม่เห็นอะไรเลย!
หลังจากนั้นก็มีร่างเงาสีเทาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจู่โจมมู่เฉียนซีทันที ซึ่งเขาก็คือใต้เท้าระดับสูงที่ทรงพลังเป็นอย่างมากคนหนึ่งนั่นเอง
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ เสี่ยวโม่โม่…”
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณทั้งหมด จากนั้นก็โจมตีคนที่อยู่ตรงหน้า แต่มันก็ยังคงไม่ได้…
ตึงงง!
ร่างของมู่เฉียนซีถูกโจมตีจนลอยละลิ่วออกไป แม้ว่าร่างกายของนางจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเจอการโจมตีที่ทรงพลังมากเช่นนี้ ก็สามารถทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน
พรวด!
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าเลือดลมกำลังเดือดพล่าน และนางก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมา
“ช่างรนหาที่ตายนัก!” จื่อโยวในเวลานี้โจมตีคนผู้นั้นอย่างบ้าคลั่ง แต่คนผู้นั้นกลับสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากว่าจื่อโยวได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่แรก จึงทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรคนผู้นั้นได้มากนัก
หนุ่มน้อยคนหนึ่งเป็นถึงผู้ควบคุมกองกำลังของคุกลับ และภายใต้การบัญชาการของหนุ่มน้อยผู้นี้ จึงทำให้ยอดฝีมือของคุกโลหิตเริ่มพ่ายแพ้ และสถานการณ์ก็ย่ำแย่ลงมากอีกด้วย
“ให้ตายเถอะ!” ฝูเซิงสังเกตเห็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่นี้แล้วเช่นกัน เขาจึงได้โจมตีไปยังโยวจีที่อ่อนแอที่สุดจนลอยกระเด็นออกไป
หนามโลหิตได้กักขังนางที่ไม่มีแม้แต่แรงตอบโต้เอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็ต้องการที่จะจัดการอ๋องไป๋กุ่ยและอ๋องแห่งคุกทมิฬ
“กังวลเรื่องเจ้านายของเจ้ารึ แต่คู่ต่อสู้ของเจ้า คือพวกข้าต่างหาก” อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เดิมทีการต่อสู้นี้พวกเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากองทัพพันธมิตรของพวกเขาจะมา ทั้งยังเป็นกองทัพพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย
หากเจ้านายของพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะตัวนี้ถูกจับไป ก็มาคอยดูว่าเขาจะหยิ่งผยองได้อีกหรือไม่?
เฟี้ยว เฟี้ยว!
ร่างเงาสีดำร่างนั้นปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็พยายามเข้าใกล้มู่เฉียนซีอีกครา
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าในดวงตาคู่นั้น จากนั้นเขาก็ได้ถือด้ามจับของดาบที่แหลมคม แทงตรงมาที่หน้าอกของนาง
อีกฝ่ายเป็นนักฆ่าที่มีความน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะใช้การรับรู้ของพลังจิตวิญญาณ แต่มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถหลบหลีกได้อยู่ดี
ตูมมม!
ทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าอ่อนก็ระเบิดออกมา
เนื่องจากว่านักฆ่าคนนี้ค่อย ๆ กดดันซีเอ๋อร์มากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงทำให้สุ่ยจิงอิ๋งรู้สึกโกรธมากเช่นกัน
ปัง!
และลำแสงสีฟ้าอ่อนนี้ก็ได้กักขังนักฆ่าในชุดดำนั้นเอาไว้
เขาที่ถูกขังอยู่ในพื้นที่แห่งนั้น ได้ใช้ดวงตาที่นิ่งสงบคู่นั้นก็จ้องเขม็งมาที่มู่เฉียนซี
และมู่เฉียนซีก็ได้เห็นว่ามีเพียงคำเดียวที่อยู่ในดวงตาของเขา ซึ่งนั่นก็คือคำว่า ฆ่า! ฆ่า! แล้วก็ฆ่า!
มู่เฉียนซีฉวยโอกาสตอนที่เขาถูกขังเอาไว้ โบกมือทีหนึ่ง และหลังจากนั้นเข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินออกไป
ยังไม่ทันที่จะโจมตีโดนเป้าหมาย นักฆ่าในชุดดำผู้นั้นก็สามารถทะลวงออกมาจากการกักขังของสุ่ยจิงอิ๋งได้แล้ว
เขาไม่มีความหวาดกลัวว่าตนเองจะต้องถูกควบคุมอีกครั้ง และพุ่งเข้าใกล้มู่เฉียนซีราวกับภูตผีก็มิปาน
ปังง!
และคราวนี้ เขาก็ต้องล้มเหลวอีกครั้ง
มีหนามโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนได้สกัดกั้นเขาเอาไว้ และแม้ว่าเขาจะใช้ดาบที่ถือนั้นฟันหนามโลหิตราวกับเต้าหู้ก็มิปาน แต่เขาก็สู้หนามโลหิตที่มีจำนวนมากไม่ได้อยู่ดี
หลังจากนั้นข้อมือของมู่เฉียนซีก็ถูกมือเล็ก ๆ มือหนึ่งคว้าเอาไว้ และเสียงของเขาก็ดังขึ้นมาในหูของนาง “เจ้านายของข้า ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก รีบหนีก่อนเถอะ!”
“เสี่ยวเฉี่ย…”
ก่อนหน้านี้ฝูเซิงตอนที่อยู่ขุมนรกสีโลหิตเขาสามารถแยกร่างออกมาได้ และตอนนี้เขาก็สามารถทำได้เช่นกัน
แต่เนื่องจากว่าเขาทำร่างแยกออกมาร่างหนึ่ง จึงทำให้ความสามารถของเขาอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ฝูเซิงเพียงคนเดียวสามารถต่อสู้กับอ๋องทั้งสองคนได้โดยไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากลับต้องใช้แรงอย่างมากในการต่อสู้
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงาม เจ้าหนีไปก่อน! เจ้าสามคนนี้มีโอกาสเป็นดาบที่อู๋หยาเลี้ยงดูเอาไว้ถึงเก้าส่วนเลยทีเดียว เป้าหมายของพวกเขาคือการฆ่าเจ้า มันอันตรายเกินไป!”
เฉี่ยซื่อนำผู้แข็งแกร่งของคุกโลหิตต่อสู้กับคนของคุกลับเหล่านั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งเขาย่อมไม่มีทางถอยหรือยอมแพ้อย่างแน่นอน
เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน ท่านรีบออกไปก่อนเถอะขอรับ”