ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2475 สุนัขจรจัด
จื่อโยวแสยะยิ้มอย่างเย็นชาว่า “ในที่สุดข้าก็สามารถไล่ตามสุนัขจรจัดอย่างเจ้าได้แล้ว”
จื่อโยวกระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็โบกมืออย่างแผ่วเบา และพลังอันแข็งแกร่งก็โหมกระหน่ำออกมา
ตูมม โครมมม!
ตอนนี้ถึงอ๋องแห่งคุกทมิฬคิดอยากจะหนีก็หนีไปไม่รอดอีกแล้ว และทำได้เพียงต่อสู้กับจื่อโยวเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฆ่ามัน!”
จื่อโยวต่อสู้กับอ๋องแห่งคุกทมิฬ ส่วนมู่เฉียนซีก็สั่งการกำลังพลให้ฆ่ากองกำลังของอ๋องแห่งคุกทมิฬเสีย ในตลอดทางที่ผ่านมาอ๋องแห่งคุกทมิฬได้รวบรวมผู้ติดตามจากทั้งหกคุกนรก กมาไม่น้อย แต่สำหรับกองกำลังของคุกโลหิตกลุ่มนี้แล้ว พวกเขาล้วนไม่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ตูมมม โครมมม!
การเข่นฆ่าเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
พวกของพั่วจวินทั้งหกคนก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน พวกเขาเข้าไปในกองกำลังของศัตรูราวกับเข้าไปในดินแดนที่ร้างไร้ผู้คนอย่างไรอย่างนั้น และผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถระดับใต้เท้ าของฝ่ายตรงข้ามเหล่านั้นก็ต้องตายลงด้วยน้ำมือของพวกเขาอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
“สัตว์ประหลาด!” พวกเขากล่าวขณะที่มองไปยังหนุ่มน้อยเลือดเย็นเหล่านั้นก่อนตาย
ดาบที่อู๋หยาเลี้ยงดูออกมา ช่างเป็นดาบที่แหลมคมมากจริง ๆ
และแน่นนอนว่า ทางด้านของกองกำลังของฝ่ายคุกโลหิตย่อมได้รับชัยชนะมาอย่างล้นหลาม ส่วนทางด้านของจื่อโยวนั้นก็เช่นกัน…
ร่างเดิมอันมหึมาของจื่อโยวได้ระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา และได้โจมตีใส่อ๋องแห่งคุกทมิฬอย่างรุนแรง ถึงอ๋องแห่งคุกทมิฬจะใช้พลังแห่งความมืดสกัดกั้นเอาไว้ แต่กลับไม่มีปร ระโยชน์เลยแม้แต่น้อย
พรวดด!
อ๋องแห่งคุกทมิฬกระอักเลือดออกมา ร่างของเขาตกลงมาจากกลางอากาศ ด้วยใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษ
คนที่อยู่บริเวณโดยรอบล้วนเป็นคนของคุกโลหิต ส่วนคนของเขาทั้งหมดต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันไปหมดแล้ว
“ใต้เท้าจื่อโยว ข้ายอมแพ้แล้ว! ข้ายอมเข้าร่วมกับกองกำลังของคุกโลหิต และช่วยพวกท่านจัดการกับอ๋องของคุกนรกทั้งห้าคนนั้นเอง หากมีข้าเข้าร่วมด้วย คุกโลหิตก็จะสามารถเอาช ชนะได้ง่ายมากขึ้นแน่นอน” อ๋องแห่งคุกทมิฬกล่าว
จื่อโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างน่าขันเสียจริง แม้ว่าจะไม่มีเจ้า คุกโลหิตของพวกข้าก็สามารถเอาชนะได้อยู่ดี! ในเมื่อเจ้าทรยศไปครั้งหนึ่งแล้ว ฉะนั้นเจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อใจเจ้ าอีกอย่างนั้นหรือ?”
“มะ…ไม่…มีเรื่องที่ท่านไม่รู้ ใต้เท้าจื่อโยว ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่ง! มันเป็นความลับที่แม้แต่โยวจีและอ๋องไป๋กุ่ยต่างก็ไม่รู้” อ๋องแห่งคุกทมิฬ กล่าว
“คนงาม เจ้าเห็นว่าอย่างไรล่ะ?” จื่อโยวกล่าวถาม
“เป็นความลับที่ว่าทำไมพวกเจ้าถึงทรยศอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวพลางมองไปที่อ๋องแห่งคุกทมิฬ
การทรยศของพวกเขากะทันหันเกินไป แน่นอนว่ามันจะต้องมีเหตุผลที่สำคัญมากอยู่แล้ว หรือกล่าวได้ว่าพวกเขาแน่ใจว่าคุกนรกทั้งหกจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ฉะนั้นจึงได้ตัดสินใจ ทำเช่นนี้
อ๋องแห่งคุกทมิฬผงะไปเล็กน้อย และคิดไม่ถึงเลยว่านางจะเดาได้ถูกต้องเช่นนี้ เขากล่าวว่า “ใช่แล้ว! เหตุผลที่พวกเราทรยศอ๋องจิ่วเยี่ย และร่วมมือกับคุกนรกอื่น ๆ เพื่อจัดการอ๋อง จิ่วเยี่ย นั่นก็เป็นเพราะว่านอกจากจะมีอ๋องของคุกนรกทั้งหกอย่างพวกเราที่เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้แล้ว ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดก็จะเข้าร่วมในสงคราวนี้ด้วย! พลังของผู้คุมปีศาจแห ห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งมาก เขาแข็งแกร่งกว่าอ๋องจิ่วเยี่ยเสียอีก ฉะนั้นพันธมิตรของพวกเราจะต้องไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
“ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดหรือ!”
พรวด!
จื่อโยวเหยียบไปบนร่างของอ๋องแห่งคุกทมิฬเต็มแรง ซึ่งมันก็ทำให้อ๋องแห่งคุกทมิฬกระอักเลือดออกมาทันที
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ!” แววตาของจื่อโยวฉายแววอันตรายออกมา
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มู่เฉียนซีได้ยินเกี่ยวกับคนผู้นี้ นางเองก็รู้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมากเช่นกัน
จื่อโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เราเจอปัญหาใหญ่แล้ว!”
ในเวลานี้จื่อโยวแทบทนรอที่จะระเบิดหน้าอกของอ๋องแห่งคุกทมิฬไม่ไหวอยู่แล้ว อ๋องแห่งคุกทมิฬรีบกล่าว “ใต้เท้าจื่อโยว ใต้เท้าจื่อโยว ท่านเคยพูดว่าจะไม่ฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า.. ..ข้าบอกเรื่องที่รู้ไปหมดแล้ว”
มู่เฉียนซีเดินมาถึงข้างกายของเขาจากนั้นก็กล่าวว่า “ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จะให้พวกมันมาฆ่าเจ้าแทนก็แล้วกัน!”
ยาน้ำขวดหนึ่งถูกเทลงบนร่างของอ๋องแห่งคุกทมิฬ หลังจากนั้นวิหคนรกแห่งความตายจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกดึงดูดมา และมู่เฉียนซีกับจื่อโยวก็รีบก้าวออกไปอีกด้านหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดผู้นั้นที่จริงแล้วคือใครกันแน่?”
จื่อโยวกล่าวว่า “ทั่วทั้งคุกนรก กิเลนแห่งนรกของเหวนรกนั้นแข็งแกร่งที่สุด รองลงมาก็คือผู้คุมปีศาจแห่งความมืดของคุกลับ เขาก็คือเจ้านายที่ควบคุมดูแลคุกนรกทั้งหมด และ ความสามารถของเขานั้นลึกเกินจะคาดเดาได้! ซึ่งเยี่ยก็เข้ามาในแดนนรกทางคุกลับนี่แหละ”
“สถานการณ์อันตรายมาก อู๋หยาไม่เพียงแต่สร้างวิหคนรกแห่งความตายออกมาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดก็ยังพามาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมาย เ เขาล้วนไม่เลือกวิธีการเลยจริง ๆ อีกทั้งยังไม่กลัวว่าเยี่ยจะมีอันตรายอีกด้วย” สีหน้าของจื่อโยวจริงจังขึ้นมาทันที
เขาและเยี่ยไม่เคยเห็นอ๋องแห่งคุกนรกทั้งหกอยู่ในสายตามาก่อน และเหตุผลที่พวกเขาเลือกเข้าร่วมสงครามแดนนรกในคราวนี้ก็เป็นเพราะว่าต้องการจะจัดการพวกเขาในคราวเดียว เพื่อประ ะหยัดเวลาเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสงครามในครั้งนี้ จะมีความเกี่ยวข้องที่มากมายถึงเพียงนี้
ตอนนี้อ๋องแห่งคุกทมิฬใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว และในตอนที่วิหคนรกแห่งความตายเหล่านั้นกำลังจะแยกย้ายกันไป มู่เฉียนซีก็กำจัดพวกมันทั้งหมดในทันที
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงาม พวกเรารีบไปรวมตัวกับเยี่ย และนำเรื่องของเจ้าหนูนี่ไปบอกเยี่ยกันเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นเราจะได้เตรียมพร้อม! ข้ามีเรื่องมากมายที่อยากจะไปถามเยี่ยด้วย ย!”
“ตกลง!”
บนสนามรบของกรงร้อยศึกในเวลานี้ มีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งมากมายได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าในบรรดาคุกนรกทั้งหกย่อมต้องมีอ๋องแห่งคุกอสูร อ๋องแห่งคุกรากษส และนอ อกจากนี้ยังมีกลุ่มของอ๋องแห่งคุกลับเป็นผู้นำอีกด้วย
ส่วนทางด้านของคุกโลหิต กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดมีอ๋องจิ่วเยี่ยเป็นแม่ทัพ โดยมีกองกำลังที่ใต้เท้าจื่อโยวและพระชายาเป็นแม่ทัพอีกกองหนึ่ง และกองกำลังสุดท้ายก็คือกองกำลัง ของเมืองหนามโลหิตนั่นเอง
กองกำลังของเมืองหนามโลหิตมีพืชกลายพันธุ์จำนวนมาก ซึ่งมันก็ทำให้กองกำลังนี้มีความโหดเหี้ยมและยากที่จะแตะต้องได้มากเป็นพิเศษ
“ซี!” ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งพุ่งทะยานไปในอากาศ และดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นก็จ้องมองมาจากระยะไกล
กลิ่นอายแห่งความตายของกรงร้อยศึกแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจิ่วเยี่ยเองก็ค้นพบแล้วว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังสงครามแดนนรกในคราวนี้ได้ซ่อนกลอุบายที่อ อันตรายยิ่งกว่าเอาไว้
ดูเหมือนว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
หลังจากนั้นพลังแห่งความมืดก็ระเบิดออกมา และคนที่เผชิญหน้ากับกองกำลังของอ๋องจิ่วเยี่ยล้วนล้มตายอย่างน่าอนาถ
ส่วนคนที่ติดตามอ๋องจิ่วเยี่ยเหล่านั้นก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน เพราะเพียงแค่ท่านอ๋องของพวกเขาโบกมือ ศัตรูก็ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น โดยที่ไม่ต้องใช้ความสามารถของพวกเขาเลย
ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ประโยชน์มากจริง ๆ!
อันที่จริงแล้วท่านอ๋องควรรีบไปต่อสู้กับอ๋องคนอื่น ๆ! เพราะคนอื่นล้วนไม่มีแรงพอที่จะต้านทานคนระดับอ๋องได้เลยแม้แต่น้อย
บางทีอาจเป็นเพราะมีคนปรารถนาสิ่งนี้มากเกินไป ดังนั้นความปรารถนานี้ของพวกเขาจึงเป็นจริงขึ้นมา และในที่สุดพวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากับกองกำลังที่แข็งแกร่งของอ๋องแห่งคุกลับเสียที
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “นับตั้งแต่สงครามใหญ่คราวที่แล้ว มันก็นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้กับอ๋องจิ่วเยี่ยเช่นนี้ ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าหลายปีมานี้เจ้าพัฒนาไปมากเพ พียงใดแล้ว”
หวงจิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ารนหาที่ตายนัก!”
ตูมมม!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา และนี่ก็เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างสองอ๋องที่แข็งแกร่งมากที่สุด
ในเมืองที่รกร้างอีกแห่งหนึ่ง กองกำลังของเมืองหนามโลหิตได้เห็นว่ามีกองกำลังที่แข็งแกร่งอีกกำลังหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้
“รีบถอยกลับไปเร็วเข้า!”
“หาที่ซ่อนก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนของคุกอสูร”
“เร็วเข้า!”
ก่อนหน้านี้กองกำลังของเมืองหนามโลหิตของพวกเขา เมื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ไม่ได้มีอ๋องเป็นผู้นำ พวกเขาย่อมสามารถต่อสู้ได้อยู่แล้ว แต่ทว่ากองกำลังของคุกอสูรในเวลานี้กลับมีอ๋ องของพวกเขาคอยบัญชาการอยู่ด้วย
หากต้องเผชิญหน้ากันจริง ๆ พวกเขาจะต้องถูกทำลายไปจนหมดสิ้นเป็นแน่ ซึ่งพวกเขาก็ไม่อยากตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของศัตรู ก่อนที่จะได้พบกับท่านเจ้าเมืองหรอกนะ
“ท่านอ๋อง ทางด้านนั้นมีกองกำลังหนึ่งเพิ่งล่าถอยไป! เป็นกองกำลังของเมืองหนามโลหิตขอรับ ช่างขี้ขลาดจริง ๆ มีข่าวลือว่าเมืองหนามโลหิตนั้นทั้งแข็งแกร่งและลึกลับมาก แต่ดู ๆ ไปแ แล้วก็ไม่เห็นจะเท่าไรเลย!” มีคนของกองกำลังคุกอสูร กล่าวรายงานต่ออ๋องแห่งคุกอสูร