ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2479 สิ่งที่ต้องปกป้อง
ครืนนนน!
ในตอนที่พวกของหวงอู๋ไห่เตรียมจะจากไป ก็มีเสียงร้องของอสนีบาตดังขึ้นมาเหนือท้องฟ้าอีกครั้ง
พวกเขาไม่เห็นพลังแห่งสายฟ้านี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย การขัดเกลาร่างกายของมู่เฉียนซีก็คือวิธีการขัดเกลาโดยใช้อัสนี ซึ่งนางก็ได้ปะทะกับอสนีบาตมามากมายนับไม่ถ้วน ฉะนั้นนางย ย่อมสังเกตได้ว่าอสนีบาตที่กำลังผ่าลงมานี้ผิดปกติเป็นอย่างฟฟมาก
สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที นางตะโกนว่า “จื่อโยว!”
จื่อโยวกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือคนงาม?”
“มาอยู่ข้างกายข้า ระวังตัวเองด้วย”
ก่อนหน้านี้นางยังไม่รู้ว่าอสนีบาตที่อ่อนแอเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไรกันแน่ แต่ตอนนี้นางได้เข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้มันต้องการให้พวกเขาเป็นอัมพาตเท่านั้น และยังต้องการทำให้ พวกเขาประมาทอีกด้วย
“อื้ม ข้าเข้าใจแล้ว!”
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว และไม่เพียงเท่านั้น สายฟ้าขนาดยักษ์นี้ยังมาพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอีกด้วย
อัสนีในเปลวเพลิง เปลวเพลิงในอัสนี พลังนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากมายเหลือเกิน
อันตราย!
ในตอนที่มู่เฉียนซีสัมผัสได้ถึงอันตราย มันก็มีทั้งสายฟ้าและเปลวเพลิงปรากฏออกมา ฉะนั้นนางจึงได้เลือกใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาร่างอัสนีและยังใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาร่างอัคคีอีกด้วย!
เปรี้ยงง!
มู่เฉียนซีสกัดกั้นอสนีบาตนี้เอาไว้ และไม่ยอมปล่อยให้มันกระทบร่างของจื่อโยวได้
อ๋องอัคคีเหลยถิงใช้วิธีที่ทำให้พวกเขากลายเป็นอัมพาต ซึ่งมันสามารถใช้กับพวกของหวงอู๋ไห่ได้ผล เพราะในตอนที่พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าพลังแห่งสายฟ้านี้มีความผิดปกติบางอย่าง ม มันก็สายเกินไปแล้ว!
“อ๊ากกกก!” มีเสียงกรีดร้องดังออกมา และผู้แข็งแกร่งของพวกเขาหลายคนก็ได้รับบาดเจ็บ
หากอสนีบาตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้โจมตีลงมาบนร่างของหวงอู๋ไห่จริง ๆ คาดว่าหวงอู๋ไห่น่าจะต้องกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว แต่บิดาของเขาเป็นถึงอ๋องแห่งคุกลับ ฉะนั้นย่อมมอบมหา วัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพคุ้มครองชีวิตไว้ให้เขามากมายอยู่แล้ว
หลังจากที่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับสูงถูกทำลายไปแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ และกลายเป็นผู้รอดชีวิต แต่ทว่าเขาก็ยังคงหวาดผวาอยู่เล็กน้อย
“พวกเจ้ายังไม่รีบมาคุ้มครองข้าอีกรึ” หวงอู๋ไห่ตะโกนกล่าว
อ๋องแห่งคุกอสูรกล่าวว่า “ฝ่าบาทอู๋ไห่ ข้าว่าเดิมทีแล้วที่นี่ไม่มีโอกาสอะไรหรอก อีกทั้งที่นี่ยังเป็นกับดักที่อ๋องอัคคีเหลยถิงผู้นั้นสร้างขึ้น เขาตั้งใจจะจัดการพวกเรา พว วกเราจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ด้วยความสามารถของอ๋องแห่งคุกอสูร การต้านทานเพลิงอัสนีนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นกับดัก
หวงอู๋ไห่กล่าวว่า “อ๋องคุกอสูรกล่าวได้ถูกต้องแล้ว พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ! ไปหาทางออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เร็ว…”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงาม คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องให้เจ้ามาขวางการโจมตีของสายฟ้าให้ข้าเช่นนี้ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่! อย่างไรเสียสายฟ้านี้มันก็มีพลังแห่งอัคคีอยู่ด้วยเชียว นะ”
มู่เฉียนซีส่ายศรีษะพลางกล่าวว่า “หากมันมีปัญหาจริง ๆ ข้าย่อมไม่มีทางฝืน และจะดึงเจ้าเข้ามาบังสายฟ้าให้ข้าอีกด้วย เจ้าคิดว่าข้าจะเกรงใจเจ้าหรืออย่างไร? นอกจากข้าจะฝึกฝนเคล็ด ดวิชาขัดเกลาร่างอัสนีแล้ว ข้ายังฝึกฝนเคล็ดวิชาร่างดับเปลวเพลิงด้วย ตอนนี้การฝึกฝนของข้าติดอยู่ในช่วงคอขวดแล้ว สิ่งของดี ๆ ที่อ๋องอัคคีเหลยถิงมอบให้เช่นนี้ สำหรับข้าแล้ วล้วนเป็นของที่มีประโยชน์และไม่อันตรายเลยสักนิด มันจำเป็นมากจริง ๆ”
หลังจากที่มู่เฉียนซีทนต่อการโจมตีของสายฟ้านั้นแล้ว ผลที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ในเมื่อสามารถฝึกเคล็ดวิชาทั้งสองชนิดได้ในเวลาเดียวกัน นางจะต้องสามารถเลื่อนขั้นระดั บหนึ่งได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
ถึงพวกของหวงอู๋ไห่จะกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ถูกหลอก แต่มู่เฉียนซีในเวลานี้กลับรู้สึกว่าการหลอกลวงของอ๋องอัคคีเหลยถิงนั้นยอดเยี่ยมมากจริง ๆ
“จื่อโยว เจ้าหาทางออกไปเถอะ! ข้ากลัวว่าพวกที่รออยู่ข้างนอกจะมีอันตราย ข้าจะอยู่หลอมร่างกายที่นี่ก่อน เพราะข้าไม่อาจพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้” มู่เฉียนซีกล่าวกับจื่อโยว
“คนงาม เจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่คนเดียวอย่างนั้นหรือ?” จื่อโยวตะลึงงันไปทันที
“วางใจเถอะ! ไม่มีปัญหาอะไรหรอก! เจ้าควรจะห่วงตนเองก่อนดีกว่า หาทางออกไปให้ได้อย่างปลอดภัย และอย่าปล่อยให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกฟ้าผ่าเข้าล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า เยี่ยจะต้องไม่ปล่อยข้าไปแน่นอน”
ครืนนนน!
ในตอนที่เปลวเพลิงอัสนีผ่าลงมา จื่อโยวก็พุ่งทะยานออกไปหาทางออกทันที
พวกของหวงอู๋ไห่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน เขากล่าวว่า “ได้ยินมาว่าใต้เท้าจื่อโยวมีความภักดีต่ออ๋องจิ่วเยี่ยเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อตกอยู่ในอันตราย คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทิ้งผู้ หญิงของอ๋องจิ่วเยี่ยแล้วหนีไป หากอ๋องจิ่วเยี่ยรู้เข้า เกรงว่าหลังจากนี้ไปน่าจะไม่มีทางเชื่อใจเจ้าอีกแล้ว”
จื่อโยวเหลือบมองไปทางพวกเขาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เจ้าพวกโง่เง่า”
“จื่อโยว นี่เจ้าหมายความว่าอะไร?” หวงอู๋ไห่กล่าวอย่างโกรธเคือง
พวกเขามุ่งหน้าออกไปข้างนอก แต่มู่เฉียนซีกลับมุ่งหน้าเดินเข้าไปข้างใน ยิ่งเข้าไปข้างในลึกมากเท่าไร พลังของเพลิงอัสนีที่นางเจอก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันสามารถทำใ ให้การหลอมร่างกายของนางแข็งแกร่งมากขึ้นไปด้วย
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะหายไปจากสายตาของพวกเขาแล้ว แต่จื่อโยวก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายเป็นแน่
ครืนนนน!
ในขณะที่ร่างกายของตนเองหลอมรวมกับเปลวเพลิงครั้งแล้วครั้งเล่า มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นอย่างช้า ๆ ขอแค่เพลิงอัสนีของที่นี่แข็งแกร่งเพียงพอ ถึงร่ ายกายนี้จะต้องรับการโจมตีระดับใต้เท้าก็ไม่มีปัญหา
จื่อโยวและพวกของหวงอู๋ไห่พุ่งทะยานออกไปจากอาณาเขตอัสนีแห่งนี้ ทางออกถูกโจมตีจนเปิดออก และในตอนที่พวกเขาพุ่งทะยานออกไปก็ค้นพบว่าเหล่าลูกน้องของตนเองกำลังถูกสังหาร
“ท่านอ๋อง! ท่านโปรดสั่งให้ทำลายพวกมันด้วยขอรับ!”
“ใต้เท้าจื่อโยว!”
ทั้งสองฝ่ายต่างเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้ มีเพียงแต่ต้องทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ถึงจะสามารถถอยออกมาได้
จื่อโยวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฆ่า! ฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือเลยแม้แต่คนเดียว!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ช่างออกมากันไวเสียจริง ความสามารถของพวกเจ้าเหนือกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้อีกนะ ความสามารถระดับอ๋องของแดนนรกดูท่าจะยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว”
แม้ว่าจื่อโยวของพวกเขาจะออกมาแล้ว แต่ตอนนี้ทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องตอบโต้อย่างสุดกำลัง มิเช่นนั้นผลลัพธ์ก็มีเพียงหนึ่งเดียว และอาจจะต้องพ่ายแพ้กั นทั้งสองฝ่าย!
หากพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่ายแล้วแล้วละก็ เช่นนั้นก็เท่ากับปล่อยให้อ๋องอัคคีเหลยถิงจอมเจ้าเล่ห์และร้ายกาจผู้นี้ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ
“แล้วท่านเจ้าเมืองของพวกเราล่ะ?” จื่อโยวออกมาแล้ว แต่คนของเมืองหนามโลหิตกลับไม่เห็นมู่เฉียนซีเลย
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงามกำลังฝึกฝนอยู่”
อวิ๋นจื่อผงะไปครู่หนึ่ง ฝึกฝนหรือ! เขานึกไปถึงตอนแรกที่ได้เห็นมู่เฉียนซีใช้วิธีการฝึกฝนอันน่าสะพรึงกลัวท่ามกลางอสนีบาตเหล่านั้น หรือว่าครั้งนี้ก็…
“คิดว่าข้าจะโกหกเจ้าอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าต่อสู้กันไปดี ๆ เถอะ หากตอนที่คนงามออกมาแล้วพวกเจ้าตายกันไปหมด ตอนนั้นข้าได้เสียหน้าเป็นแน่” จื่อโยวกล่าวกับพวกเขา
เฉี่ยซื่อกล่าวว่า “เช่นนั้นทางที่ดีท่านอย่าโกหกพวกเราจะดีกว่า”
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
อสนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมไปทั่วมู่เฉียนซี นอกจากนี้เปลวเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรุนแรง และมู่เฉียนซีก็กำลังอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้
พลังแห่งอสนีบาตเหล่านี้ อยู่ในสถานที่ที่อ๋องอัคคีเหลยถิงใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของเขาสร้างออกมาก่อนตาย เขาคิดที่จะใช้สถานที่แห่งนี้ต่อต้านผู้บุกรุกที่แข็งแกร่ง แต่ผลสุดท้าย ยมันกลับกลายเป็นตัวช่วยในการฝึกฝนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าร่างกายของตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง มันเปลี่ยนกลายเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และหลังจากนี้ไปถึงนางจะไม่ได้ใช้วิธีป้องกันใด ๆ เลย แต่คาดว่าใต้เท้า าระดับล่างก็น่าจะไม่สามารถทำอันตรายอะไรนางได้อีกแล้ว
หลังจากที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาเสร็จสิ้นแล้ว มู่เฉียนซีก็รู้สึกเป็นกังวลต่อสถานการณ์ภายนอกเล็กน้อย ฉะนั้นจึงเตรียมตัวหาทางออก แต่ทว่านางกลับค้นพบว่ามีป้ายศิลาอยู่เบื้องหน้าขอ องนาง และดูเหมือนว่าบนป้ายศิลาชิ้นนี้จะเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้อีกด้วย
สร้างสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ออกมา แน่นอนว่ามันต้องมีสิ่งของบางอย่างให้ปกป้องอยู่แล้ว จุดนี้คือจุดที่พลังแห่งอสนีบาตแข็งแกร่งมากที่สุด หากมีสิ่งของที่ต้องเฝ้าอยู่จริง ๆ เ เช่นนั้นมันก็จะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
เพราะป้ายศิลานี้ จึงทำให้มู่เฉียนซีคิดว่าจะลองไปดูสักหน่อย