ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2482 ต้องการทำลายรากฐาน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มของอ๋องแห่งคุกลับ พวกเขาทั้งสองคนก็ผงะไปเล็กน้อย อ๋องแห่งคุกลับผู้นี้ดีใจจริง ๆ สินะ
ดูเหมือนว่าเขาจะใส่ใจลูกชายคนนี้ของเขาเป็นอย่างมาก หากลูกชายของเขาตายขึ้นมาจริง ๆ แล้วละก็ พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าสีหน้าของคนผู้นี้จะพลิกกลับขนาดไหน
“การดูแลเด็กน้อยเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว!” พวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“น่าเสียดายจริง ๆ ที่คราวที่แล้วไม่ได้ฆ่าใต้เท้าจื่อโยว หากเขาไปรวมตัวกับอ๋องจิ่วเยี่ยได้เมื่อไร ต้องจัดการได้ยากขึ้นเป็นแน่” อ๋องแห่งคุกรากษสกล่าวอย่างเสียดาย
“วางใจเถอะ! ในที่สุดสงครามใหญ่ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เมื่อไรที่ข้าได้เผชิญหน้ากับใต้เท้าจื่อโยว ข้าจะต้องช่วยพวกท่านจัดการเขา เพื่อเป็นการขอโทษพวกท่านทั้งสองต่อความผิดพ พลาดของลูกชายของข้าให้จงได้” อ๋องแห่งคุกลับกล่าว
“อ๋องแห่งคุกลับ หากท่านไปจัดการกับใต้เท้าจื่อโยว เช่นนั้นไม่ใช่ว่าพวกข้าจะต้องไปจัดการกับอ๋องจิ่วเยี่ยอย่างนั้นหรือ” อ๋องทั้งสองกล่าวอย่างตื่นตกใจ
อย่างที่รู้กันว่าสงครามใหญ่ในคราวที่แล้ว พวกเขาเกือบจะถูกอ๋องจิ่วเยี่ยที่วิปลาสผู้นั้นฆ่าตาย
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะตัดสินใจแก้แค้น แต่พวกเขาก็ยังคงหวาดกลัวอ๋องจิ่วเยี่ยจนเข้ากระดูกดำอยู่ดี
“เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป แน่นอนว่าต้องมีคนที่แข็งแกร่งกว่ามาต่อสู้กับอ๋องจิ่วเยี่ยอยู่แล้ว!”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี! เช่นนั้นก็ดี!” พวกเขาทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาในเวลาเดียวกัน
“อ๋องทั้งสามคนของคุกมืด คุกวิญญาณและคุกทมิฬเล่า? เหตุใดถึงไม่เห็นว่าพวกเขาจะมาเลย สัญญาณทำสงครามขั้นเด็ดขาดก็ถูกส่งออกไปแล้ว ว่ากันตามเหตุผลพวกเขาน่าจะต้องรีบกลับมาได้แล ล้วสิ!” อ๋องแห่งคุกลับกล่าวถาม
อ๋องแห่งคุกอสูรและอ๋องแห่งคุกรากษสกล่าวว่า “พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาทั้งสามคนอยู่ที่ไหนแล้ว? ตั้งแต่เข้ามาในกรงร้อยศึกพวกเรายังไม่เคยเห็นพวกเขาเลย หรือว่าทันทีท ที่เข้ามา พวกเขาก็โชคร้ายไปเจอกับอ๋องจิ่วเยี่ยเข้า หลังจากนั้นก็ถูกอ๋องจิ่วเยี่ยจัดการไปแล้ว”
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “ช่างมันเถอะ! พวกเขาจะเป็นหรือตายก็ไม่สำคัญหรอก เพราะถึงจะส่งพวกเขาขึ้นไปสู้ก็ไม่ได้มีประโยชน์เท่าไรนัก”
“นั่นเยี่ย!” อีกด้านหนึ่ง ในที่สุดพวกของมู่เฉียนซีก็ได้มารวมตัวกับจิ่วเยี่ยแล้ว และทันทีที่จิ่วเยี่ยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมู่เฉียนซี เขาก็คว้านางมากอดเอาไว้ในอ้อมแขนทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้ามาแล้ว! ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าแล้ว”
“ช้าเหลือเกิน!” ดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกมองลึกเข้าไปในดวงตาของมู่เฉียนซี หลังจากที่เขาเผชิญหน้ากับอ๋องแห่งคุกลับแล้ว จิ่วเยี่ยก็ไล่ล่าเขาอยู่ตลอด
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสังหารคนเจ้าเล่ห์อย่างอ๋องแห่งคุกลับได้
“แต่ ซีไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“อื้ม! ไม่เป็นอะไรหรอก นอกจากนี้ข้ายังได้รับอะไรมาอีกมากมายเลยด้วย” ในช่วงเวลานี้มู่เฉียนซีได้แบ่งปันความสำเร็จให้กับจิ่วเยี่ยด้วย
ไม่เพียงแต่เลื่อนขั้นได้หนึ่งระดับเท่านั้น ทว่าการฝึกฝนร่างกายก็พัฒนาขึ้นมากอีกด้วย นอกจากนี้พวกเขายังสามารถจัดการอ๋องของคุกนรกครึ่งหนึ่งจากหกคนได้แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้ง งสามคนจะอ่อนแอที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้อยู่ดี
จื่อโยวกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนงามน่าทึ่งมากจริง ๆ เยี่ย เมื่อไรที่พวกเราได้รับชัยชนะแล้ว เจ้าจะต้องมอบรางวัลให้คนงามอย่างงามด้วยล่ะ”
“หุบปาก! เจ้านี่เสียงดังจริง ๆ!” สำหรับการที่ถูกจื่อโยวขัดจังหวะ ทำให้น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
และเมื่อเห็นสายตายที่อยากจะฆ่าคนของจิ่วเยี่ย จื่อโยวก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนการพบกันของคนทั้งสองอีกเลย
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือนก็ดูเหมือนว่ามีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันมากสักหน่อย แน่นอนว่าจะต้องหารือกันถึงวิธีการจัดการปัญหาที่จะต้องเผชิญต่อไปอีกด้วย
แผนการของอู๋หยาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้ดาบทั้งหกที่เขาบ่มเพาะออกมาอย่างระมัดระวัง ตอนนี้ก็มาทำงานเพื่อนางแล้ว แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าแผนการของเขาจะสิ้นสุดลง และในอนาคตนางจะต้องเป็นอันตรายมากขึ้นแน่นอน
“อีกไม่นานก็ต้องเผชิญหน้ากันอย่างเต็มรูปแบบแล้ว จิ่วเยี่ยเจ้าจะต้องระวังตัวให้ดีนะ”
“อื้ม!”
ศึกตัดสินชี้ขาดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว กองกำลังทั้งสองฝ่ายอยู่ที่หุบเหวลึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันโดยมีเหวลึกขั้นกลางเอาไว้อยู่ ซึ่งจิตวิญญาณในการต่อสู้ในเว วลานี้ก็ได้เริ่มพุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “อ๋องจิ่วเยี่ย ในที่สุดเวลาที่ข้ารอคอยก็ได้มาถึงแล้ว”
ใต้เท้าจื่อโยวกล่าวว่า “เจ้าตัวโกงที่น่ารังเกียจ วันตายที่เจ้ารอคอยมาถึงแล้วอย่างนั้นหรือ? วางใจเถอะ ไม่มีทางทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอนอยู่แล้ว”
“หากยังไม่ถึงที่สุด ก็ยากที่จะบอกได้ว่าใครจะแพ้หรือว่าชนะ คุกโลหิตอย่างพวกเจ้าอย่ามั่นใจเกินไปนักเลย เมื่อถึงเวลาที่พ่ายแพ้จะได้ไม่น่าสังเวชเกินไปนัก” อ๋องแห่งคุกลับกล่ าวเหน็บแนม
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยเหลือบมองไปที่พวกเขาพลางกล่าวว่า “จัดการพร้อมกัน อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา กลิ่นอายที่แข็งแกร่งก็ท่วมท้นไปทั่วสนามรบแห่งนี้ และบรรยากาศโดยรอบก็ยะเยือกขึ้นมาในทันที
อ๋องแห่งคุกลับไม่พอใจเป็นอย่างมาก เจ้าหนูนี่ยังคงยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่นเหมือนเช่นเคยเลยจริง ๆ!
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าสงครามใหญ่คราวนี้ กองกำลังภายในคุกโลหิตที่แสดงผลงานได้ยอดเยี่ยมมากที่สุดก็คือกองกำลังของเมืองหนามโลหิต และพืชกลายพันธุ์ที่อยู่ในเมือง หนามโลหิตก็ฆ่าศัตรูไปนับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นมาก! พืชกลายพันธุ์ของเมืองหนามโลหิตก่อนหน้านี้เคยจงรักษ์ภักดีต่ออดีตอ๋องคุกโลหิต ฉะนั้นเจ้าเมืองผู้นี้คงเป็นคน ที่มีความทะเยอทะยานคนหนึ่งเช่นกัน หากพวกเราร่วมมือกัน หลังจากที่เอาชนะได้อย่างราบรื่นแล้ว เจ้าจะไม่ได้เป็นเพียงเจ้าเมืองหนามโลหิตของคุกโลหิตเท่านั้น แต่จะได้เป็นอ๋องของคุก โลหิตด้วย วันนี้ข้าได้ให้สัญญากับเจ้าต่อหน้าทุกคนแล้ว”
หลังจากที่ได้รู้ชื่อเสียงของเมืองหนามโลหิต อ๋องแห่งคุกลับผู้นี้ก็วางแผนที่จะทำลายรากฐานของคุกโลหิตทันที นอกจากนี้ยังกระทำต่อหน้าอ๋องจิ่วเยี่ยอีกด้วย
เมื่อดูจากเขตต้องห้ามใหญ่ทั้งสี่ที่เมืองหนามโลหิตยึดมาได้แล้ว เขาก็แน่ใจว่าเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตผู้นี้จะต้องเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างแน่นอน
“ไม่ทราบว่า เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต คือท่านไหนอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ท่านนี้หรือไม่?”
แววตาของอ๋องแห่งคุกลับจ้องมองไปที่อวิ๋นจื่อ เขาสังเกตเห็นว่าอวิ๋นจื่อคือพืชกลายพันธุ์ และยังมีความสามารถอยู่ต่ำกว่าระดับอ๋องเท่านั้นอีกด้วย
แต่ทว่าคนของเมืองหนามโลหิตกลับจ้องมองไปที่เขาราวกับมองคนโง่ก็มิปาน คนผู้นี้จะทำลายรากฐานมาถึงเมืองหนามโลหิตของพวกเขาแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ช่างน่าขันจริง ๆ นี่จะให้ข้าหัวเราะจนตายหรืออย่างไร” แผนการทำลายรากฐานของอ๋องแห่งคุกลับ ทำให้จื่อโยวอดที่จะหัวเราะออกอย่างตลกขบขันไม่ได้เลยจริง ๆ
กลิ่นอายของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมาทันที อ๋องแห่งคุกลับกล้ามากที่จะมาแย่งคนของเขา ช่างรนหาที่ตายเกินไปแล้ว
ในเวลานี้ มู่เฉียนซีก็ได้เอ่ยปากออกมาว่า “อ๋องแห่งคุกลับ คนที่ยุยงให้เจ้ากล้าเป็นศัตรูกับจิ่วเยี่ยผู้นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมดให้เจ้าได้รู้อย่างนั้นสินะ! คน นผู้นั้นรู้เรื่องทุกอย่าง เหตุใดถึงได้บอกกับเจ้าเล่า ว่าใครคือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต?”
อ๋องแห่งคุกลับผงะไปครู่หนึ่ง ท่านอู๋หยาไม่ได้พูดไว้จริง ๆ ด้วย
เขาคิดว่าเพราะเป็นเพียงแค่เจ้าเมืองคนหนึ่ง ท่านอู๋หยาจึงไม่ได้เอามาใส่ใจเท่าไรนักเท่านั้นเอง
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต สงครามชี้ขาดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หรือเจ้ายังจะซ่อนตัวตนเอาไว้อีกอย่างนั้นหรือ? จงออกมาเสีย ให้พวกเราได้รับรู้ว่าเจ้าเ เมืองของเมืองหนามโลหิตเป็นใครกันแน่”
มู่เฉียนซีเอ่ยปากว่า “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาได้รู้สักหน่อยสิ!”
เมื่อพวกของเฉี่ยอี้ได้รับคำสั่ง ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งของเมืองหนามโลหิตทุกคน ก็ได้กลายร่างเป็นพืชกลายพันธุ์ และทั้งหมดก็คุกเข่าลงตรงหน้าตำแหน่งที่อ๋องจิ่วเยี่ยอยู่
หลังจากนั้นพวกเขาก็กล่าวด้วยเสียงอันดังก้องว่า “คารวะท่านเจ้าเมือง ทุกคนเข้าประจำที่และเตรียมพร้อมแล้ว ขอเพียงท่านเจ้าเมืองออกคำสั่ง พวกเราก็จะทำลายล้างศัตรูทันที”
คนของคุกโลหิตคนอื่นและคนในกองทัพของศัตรูเหล่านั้น ต่างก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต คืออ๋องจิ่วเยี่ยอย่างนั้นหรือ!
นี่มันไม่สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ? อ๋องจิ่วเยี่ยเป็นเจ้านายของคุกโลหิตทั้งหมดอยู่แล้ว ฉะนั้นจะไปเป็นเจ้าเมืองได้อย่างไร หรือจะบอกว่า…หรือว่า…
พวกเขาแต่ละคนต่างจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของอ๋องจิ่วเยี่ยอย่างตกตะลึง หรือก็คือพระชายาของอ๋องจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิตนั่นเอง
นางยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ แล้วนางจะสามารถเป็นแม่ทัพของกองกำลังที่แข็งแกร่ง ที่มีทั้งผู้แข็งแกร่งจนผิดปกติและพืชกลายพันธุ์เช่นนี้ได้อย่างไร?