ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2483 สัตว์ประหลาดทั้งสอง
เรื่องที่พระชายาคือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต ผู้แข็งแกร่งของคุกโลหิตมากมายต่างก็ตื่นตกใจมากเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวคำนี้ออกมา มันก็สามารถพิสูจน์สิ่งที่พวกเขาคาดเดาได้แล้ว ว่านางคือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตจริง ๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนเป็นเท็จได้
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “อ๋องคุกลับ เจ้ารู้สึกว่าเจ้าจะสามารถกระทำการช่วงชิงได้อยู่อีกหรือไม่?”
สีหน้าของอ๋องแห่งคุกลับเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน เจ้าต้องหลอกลวงแน่นอน”
จิ่วเยี่ยไม่ต้องการที่จะพูดจาไร้สาระกับเขาอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งทันทีว่า “ฆ่ามัน!”
สิ้นเสียงคำสั่ง ผู้คนทั้งหมดก็เริ่มระมัดระวังตัวทันที หลังจากนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นมา และทะยานไปกลางหุบเขาแห่งนั้น
แม้ว่าทางด้านของคุกโลหิตจะมีจำนวนคนน้อยกว่า แต่พวกเขาก็ชิงลงมือโจมตีก่อนด้วยการโจมตีที่แข็งแกร่งมากที่สุด
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ร่างของจิ่วเยี่ยหายไป และเขาก็ตรงไปโจมตีอ๋องแห่งคุกลับทันที ซึ่งพลังแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวนี้สามารถบดขยี้ มิติทั้งหมดได้เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้อ๋องแห่งคุกลับสามารถหนีได้ แต่ทว่าตอนนี้คือศึกชี้ขาด ฉะนั้นจึงไม่สามารถทำตัวไร้ศักดิ์ศรีขนาดนั้นได้อีกแล้ว
“ยังมัวตะลึงอะไรอยู่อีก? โจมตีพร้อมกัน!” เขากล่าวกับอ๋องแห่งคุกอสูรและอ๋องแห่งคุกรากษส
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
อ๋องทั้งสองมารวมตัวกัน และพวกเขาก็ต่อสู้กับจิ่วเยี่ยแบบสามต่อหนึ่ง
กองกำลังที่แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นชั้นเมฆดำอยู่กลางท้องฟ้า และด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาล จึงทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกพื้นที่
มู่เฉียนซีในเวลานี้ไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือ และหลายการเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณอันแปลกประหลาดที่อยู่กลางอากาศ ก็ทำให้มู่เฉียนซีผงะไปทันที วิหคนรกแห่งความตายจะไม่มาเร็วไปหน่อยหรือ
ทว่าสุดท้ายนางก็ได้ค้นพบว่าสิ่งที่มานี้ ไม่ใช่วิหคนรกแห่งความตาย แต่เป็นร่างจิตวิญญาณของเหล่ากองกำลังชุดเกาะดำของอ๋องอัคคีเหลยถิงที่อยู่ที่นั่นต่างหาก
“พวกเจ้ามาได้อย่างไร? ยังไม่ได้จัดการเจ้าหมอนั่นอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีสื่อสารกับพวกเขา
“จัดการเรียบร้อยแล้ว ต้องขอบคุณนายท่านที่ปล่อยเราเป็นอิสระนอกจากนี้ยังให้พวกเราสามารถแก้แค้นได้อีกด้วย พวกเราสัมผัสได้ว่ามีสงครามใหญ่ปะทุขึ้นที่นี่ แล้วนายท่านก็อยู่ในห หมู่พวกเขาอีกด้วย ฉะนั้นจึงอยากจะใช้พลังอันน้อยนิดของตนเองเป็นกำลังช่วยเหลือนายท่านขอรับ” ผู้นำของพวกเขากล่าว
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “การต่อสู้ทางด้านนี้ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาออกแรง เพราะอย่างไรเสียคุกโลหิตก็ไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน!”
พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า “แต่ข้าก็มีเรื่องที่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าช่วยเหลือจริง ๆ อีกไม่นานวิหคนรกแห่งความตายก็จะปรากฏตัวขึ้นมา เพื่อดูดกินจิตวิญญาณของคนที่ตายไปในการต่อสู้นี้ และหลังจากนั้นก็จะทำให้ราชาของมันเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งในตอนที่วิหคนรกแห่งความตายกำลังล่าเหยื่อ ข้าต้องการให้พวกเ เจ้ากำจัดพวกมันเสีย ได้หรือไม่?”
นางรู้สึกว่าหลังจากศึกชี้ขาดแล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าวิหคนรกแห่งความตายเหล่านั้นน่าจะมีพลังที่เพียงพอแล้ว แต่เพราะเหตุใดนางถึงได้รู้สึกเช่นนี้กันนะ?
เพราะนางรู้ว่าอู๋หยาได้คำนวณเอาไว้แล้ว นอกจากนี้ยังคำนวณไว้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ตอนนี้สามารถหาผู้ช่วยได้บ้างแล้ว หากสามารถกำจัดวิหคนรกแห่งความตายได้มากขึ้นอีกหน่อยก็น่าจะสามารถทำให้พลังของมันอ่อนแอลงได้เล็กน้อย แม้ว่าโอกาสในการป้องกันอย่างสมบูรณ์จะ ะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะสงครามที่อยู่ตรงหน้านี้ จำเป็นที่จะต้องต่อสู้นั่นเอง
“พวกเราดีใจมากที่สามารถถวายตัวรับใช้นายท่านได้ขอรับ” เมื่อพวกเขาได้รับคำสั่งของมู่เฉียนซี พวกเขาก็แยกย้ายกันออกไปทันที
พลังของร่างจิตวิญญาณเหล่านั้นไม่เลวเลย และมันก็เพียงพอที่จะจัดการวิหคนรกแห่งความตาย…
มู่เฉียนซี เป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต เป็นชายาของอ๋องแห่งคุกโลหิต แต่ความสามารถของนางอ่อนแอจนไม่ควรกล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นมันจึงง่ายมากหากต้องการจัดการนาง
แม้ว่านางจะไม่ได้เข้าไปในการต่อสู้ แต่กลับดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นอย่างมาก ซึ่งตอนนี้นางก็ได้กลายเป็นเป้าหมายของคุกนรกทั้งหกไปแล้ว
มีบางคนคิดที่จะพุ่งทะยานผ่านหุบเขา เพราะต้องการเข้าใกล้มู่เฉียนซี และจับตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ หรืออาจจะสังหารนาง เพื่อทำลายขวัญกำลังใจในการต่อสู้ของฝ่ายคุกโลหิต
แต่ทว่าพวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เข้าใกล้มู่เฉียนซี เพราะทุกคนที่เข้ามาด้วยความคิดเช่นนี้ล้วนถูกสังหารโดยไม่ทันได้รู้ตัวทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาได้เข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน ว่านี่ไม่ใช่เป้าหมาย แต่ทว่าเป็นกับดักต่างหาก เพราะอ๋องจิ่วเยี่ยได้เตรียมผู้แข็งแกร่งลึกลับไว้คอยปกป้องผู้หญิงคนนี้แล ล้วนั่นเอง
ในเมื่อไม่สามารถสู้ระยะประชิดได้ พวกเขาจึงวางแผนเตรียมที่จะลอบโจมตีมู่เฉียนซีจากระยะไกลแทน
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
มีเสียงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านไปในอากาศ และพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีก็กระจายออกไปทันที
ไม่ว่าธนูอันแหลมคมที่ปล่อยออกมานั้นจะยากต่อการสังเกตเห็นเพียงใด แต่มันก็ไม่สามารถซ่อนจากมู่เฉียนซีได้อยู่ดี
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
และมู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกการลอบโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาคิดว่านางไม่ได้เข้าร่วมสงครามเนื่องจากนางได้รับการคุ้มครองจากอ๋องจิ่วเยี่ย แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย นั่นก็เพราะว่าตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังรอโอกาสที่จะลงมืออยู่ต่างหาก
หวงอู๋ไห่กล่าวว่า “ท่านพ่อ! ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนวิปลาส นางเป็นสัตว์ประหลาด! ท่านต้องฆ่านางให้ได้ ฆ่านาง…”
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
หวงอู๋ไห่ในตอนนี้กำลังคิดอยากจะแก้แค้น เพราะการมีตัวตนอยู่ของมู่เฉียนซีทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมาก
เป็นเพราะเขาทำให้อ๋องแห่งคุกลับเสียสมาธิ ดังนั้นอ๋องแห่งคุกลับจึงถูกจิ่วเยี่ยโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ
ซึ่งบาดแผลที่ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขา ก็ทำให้เลือดและเนื้อของเขาหายไปจนหมดสิ้น
เขาใช้พลังวิญญาณระงับการแพร่กระจายของพลังแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวนั้นเอาไว้ มิเช่นนั้นแขนทั้งหมดของเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นกระดูกแน่นอน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับอ๋องจิ่วเยี่ย ฉะนั้นเขาย่อมต้องรู้ถึงความสามารถของอ๋องจิ่วเยี่ยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “เจ้าเองก็เป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งเช่นกัน ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงที่เจ้าชอบก็จะเป็นสัตว์ประหลาด! ซึ่งมันเหมือนกับการผสมผสานกันระหว่างสายเลือดอ อันศักดิ์สิทธิ์และแข็งแกร่ง แต่กลับให้กำเนิดฝ่าบาทจิ่วเยี่ยที่ทั้งมืดมนและเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างเช่นนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริง ๆ เจ้าว่าไหม?”
เขาคลี่ยิ้มออกมา “คราวที่แล้วข้าสามารถทำให้เจ้าจนตรอกจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดได้ ฉะนั้นคราวนี้ข้าก็ต้องสามารถทำได้อย่างแน่นอน ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย!”
“นายท่านทุกท่าน ถึงเวลาที่พวกท่านควรจะลงมือได้แล้ว”
ร่างเงาสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกมา และบนร่างกายของพวกเขายังเต็มไปด้วยพลังแห่งคำสาปอันน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
พลังคำสาปที่พลุ่งพล่านนั้นทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออก และดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยก็ไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เจ้าทำได้แค่ร่วมมือกับเจ้าพวกตัวเรือดเหล่านี้เท่านั้นหรือ?”
“ตัวเรือดหรือ ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย เจ้าอย่าดูถูกพวกเราเกินไปนักเลย” นักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าสะพรึงกลัว
ถึงขนาดกล้ามาถึงแดนนรกเพื่อจัดการกับจิ่วเนี่ย แปลว่าความสามารถของคนจากเผ่าคำสาปเหล่านั้นจะต้องอยู่ในระดับแนวหน้าอย่างแน่นอน
พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องร่ายทักษะคำสาปใส่ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยใหม่ และพวกเขาเพียงแค่ทำให้พลังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดที่ถูกผนึกไว้ในร่างกายของจิ่วเยี่ยทะลวงผ่านออกมาจ จากที่คุมขังเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว เพราะแค่นั้นก็ถือว่าพวกเขาเอาชนะได้แล้ว
นอกจากนี้พลังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นก็เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาเผ่าคำสาปมาตั้งแต่โบราณแล้วเช่นกัน ซึ่งมันก็นับว่าเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง
พวกเขาอยากรู้เช่นกันว่า ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยผู้นี้จะสามารถตรึงมันเอาไว้ได้นานแค่ไหนกันแน่?
“เยี่ย!” เมื่อนักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้ปรากฏตัวออกมา ก็ทำให้จื่อโยวค่อนข้างที่จะเป็นกังวลขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทานหลาง จื่อเวย ชีชา เปิดทางให้ข้า ผู้ใดกล้าขวางทางข้า ก็จงฆ่ามันเสีย!”
หลังจากที่นักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้น มู่เฉียนซีที่เดิมทีแล้วไม่ได้ขยับไปไหน ก็รีบพุ่งทะยานเพื่อไปอยู่ข้างกายจิ่วเยี่ยทันที
นับตั้งแต่ที่นางค้นพบว่าหวงอู๋ไห่มีนักเล่นคาถาอาคมอยู่ข้างกาย นางก็รู้ว่าคราวนี้ข้างกายของอ๋องแห่งคุกลับก็จะต้องมีนักเล่นคาถาอาคมอยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ความสามารถนั นจะต้องแข็งแกร่งกว่านักเล่นคาถาอาคมขยะที่อยู่ข้างกายหวงอู๋ไห่คนนั้นมากอย่างแน่นอน
คิดวางแผนที่จะใช้วิธีเดียวกันจัดการจิ่วเยี่ยเป็นครั้งที่สองอย่างนั้นหรือ นางไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด!
ความสามารถของพวกทานหลางแข็งแกร่งมาก ซึ่งมันก็ทำให้คนที่พยายามจะโจมตีมู่เฉียนซีไม่มีโอกาสนั้นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหวงอู๋ไห่เห็นว่าร่างในชุดสีม่วงนั้นกำลังเข้ามาใกล้ เขาก็กล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นประหลาดมาก นางเป็นนักเล่นคาถาอาคมเช่นกัน นอกจากนี้นักเล่นคาถาอาคมที่คอยปกป้องข้าผู นั้นก็ถูกนางฆ่าตายไปแล้วด้วย”
“เผ่าคำสาปของพวกเรามีคนทรยศปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรกัน!”
“จะเอาขยะนั่นมาเปรียบเทียบกับเราได้อย่างไรกัน”
นักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นอวดดีเป็นอย่างมาก และสำหรับคำพูดหวงอู๋ไห่นั้น พวกเขาไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย