ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2484 เจ้าแห่งคุกนรกมาถึงแล้ว
อักขระคำสาปจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ราวกับว่าเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ขังอยู่รอบตัวหวงจิ่วเยี่ยเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นชาขึ้นมาทันที เพราะนางมีคัมภีร์หมื่นคำสาปในครอบครอง ฉะนั้นจึงรู้ดีว่าวิธีการที่คนเหล่านี้ใช้นั้นคืออะไรกันแน่
พวกเขากำลังช่วยกันทำลายกรงที่กักขังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ และทำให้จิ่วเยี่ยต้องตกลงสู่ดินแดนที่ไม่อาจหวนกลับไปชั่วนิรันดร์
รนหาที่ตายนัก!
มู่เฉียนซีรวบรวมพลังจิตวิญญาณจนแข็งแกร่งถึงขีดสุด จากนั้นอักขระคำสาปที่ซับซ้อนชนิดต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ และพลังจิตวิญญาณเหล่านั้นก็พัดโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรง จนป ปะทะเข้ากับพลังของเหล่านักเล่นคาถาอาคมจากเผ่าคำสาปทั้งสิบกว่าคนอย่างกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง
ปังงง!
อักขระคำสาปที่พวกเขารวบรวมขึ้นมาเหล่านั้น ได้ถูกพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีทำลายไปอย่างไร้ความปรานี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันรุนแรงมากเพียงใด
“เป็นไปได้อย่างไร?” นักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้หายใจไม่ออกขึ้นมาทันที
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สาวน้อยผู้นั้นมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเลย คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถควบคุมทักษะคำสาปได้เหนือชั้นกว่าพวกเขามากถึงเพียงนี้ แม้แต ต่คนที่ฝึกฝนทักษะคำสาปมาตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาก็ยังไม่สามารถเชี่ยวชาญได้ขนาดนี้เลย
พวกเขาไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีนั้นครอบครองคัมภีร์หมื่นคำสาปเอาไว้ ฉะนั้นหากต้องการที่จะเชี่ยวชาญทักษะคำสาปต่าง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะตอนนี้นางมีสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดในโ โลกแห่งคำสาปมาไว้ในครอบครองนั่นเอง
ในเวลานี้พวกเขาเข้าใจคำพูดเตือนของหวงอู๋ไห่ได้อย่างถ่องแท้แล้วว่า คำเตือนของเขานั้นไม่ผิดเลย นอกจากนี้นางยังวิปลาสเหนือกว่าที่จิตนาการเอาไว้อีกด้วย
“แม่สาวน้อย ในฐานะที่เจ้าเป็นนักเล่นคาถาอาคม ไม่เพียงแต่ไม่ร่วมมือกับพวกข้าจัดการหวงจิ่วเยี่ยเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ายังตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกข้าอีกด้วย เจ้านี่ช่างแกว่งเท้าหาเส สี้ยนเสียจริง ๆ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเกี่ยวกับกฏของเผ่าคำสาปให้เจ้าเอง” นักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณทั้งหมดของพวกเขาออกมา จากนั้นพลังจิตวิญญาณของพวกเขาก็พัด ดโหมกระหน่ำเข้าใส่มู่เฉียนซีราวกับห่าฝนก็มิปาน
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
นอกจากนี้ยังมีร่างเงาสองสามร่างฉวยโอกาสนี้เข้าใกล้มู่เฉียนซี และใช้ทักษะคำสาปในการโจมตีมู่เฉียนซีอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้ารู้ทักษะแค่เล็กน้อยนี้เท่านั้นอย่างนั้นหรือ? คิดว่าแค่นี้จะจัดการข้าได้หรืออย่างไรกัน”
ตูมมม โครมมม!
มู่เฉียนซีต่อสู้กับคนจากเผ่าคำสาปเหล่านั้นอย่างดุเดือด แต่พลังจิตวิญญาณของเจ้าพวกนี้ไม่สามารถเทียบกับมู่เฉียนซีได้เลย เมื่อเห็นว่าพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีอยู่ในระดับที่ต่ำ ำ ดังนั้นจึงอยากที่จะใช้วิธีอื่นในการจัดการมู่เฉียนซีแทน
แต่ทว่าพวกของทานหลางทั้งหกคนต่างก็ตั้งแนวป้องกันคอยคุ้มครองมู่เฉียนซีอยู่ตลอด มันจึงทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะ! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนูทั้งหกคนนั้นจะกล้ามาทำลายแผนการของพวกเราเช่นนี้” สีหน้าของคนจากเผ่าคำสาปเหล่านั้นดำคล้ำมากขึ้นจนแทบจะหยดออกมาเป็นน้ำหมึกได้อยู่แล้ว
ตูมมม โครมมม!
การต่อสู้ของทางฝ่ายอ๋อง ก็มีเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวออกมาเช่นกัน แผ่นดินทั้งหมดเกิดการสั่นสะเทือน และหุบเขาที่เดิมทีก็กว้างมากอยู่แล้ว ในตอนนี้มันยิ่งแยกออกจากกันม มากขึ้นไปอีก
พรวดด!
อ๋องทั้งสามต่างก็ได้รับบาดเจ็บ หากมีคนของเผ่าคำสาปมาสนับสนุนละก็ พวกเขาจะต้องเอาชนะได้อย่างง่ายดายเป็นแน่
แต่ทว่าคนจากเผ่าคำสาปทั้งหมดล้วนถูกแม่สาวน้อยผู้นั้นตรึงเอาไว้ ฉะนั้นพวกเขาทั้งสามคนจะสามารถต้านทานการโจมตีของอ๋องจิ่วเยี่ยได้อย่างไร พวกเขาต้านทานไม่ได้หรอก!
เหงื่อเย็นไหลทะลักออกมาจากหน้าผากของพวกเขา บนร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วรอยฟกช้ำและบาดเจ็บจากพลังอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งพวกเขาก็ไม่อยากกลายเป็นกระดูกจนหายไปเลยแม้แต่น้อย!
อ๋องแห่งคุกอสูรตะโกนว่า “อ๋องคุกลับ เจ้ารีบคิดหาทางเร็วเขาสิ! มิเช่นนั้นพวกเราได้ตายกันหมดแน่”
อ๋องแห่งคุกลับก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน ตอนนี้หนึ่งในกองหนุนที่แข็งแกร่งมากที่สุดกลับไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ และแม้แต่สาวน้อยเพียงคนเดียวที่รับมือมานานขนาดนี้แล้ว ก็ ยังจัดการไม่ได้เสียที
เขากล่าวว่า “นายท่าน! นายท่านรีบมาช่วยพวกข้าเร็วเข้า! พวกข้ากำลังจะแพ้แล้วขอรับ หากแดนนรกแห่งนี้เป็นของหวงจิ่วเยี่ยไปแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเห็นพวกท่านอยู่ในสายต ตายได้อย่างไร”
ภายในพระราชวังที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง มีชายในชุดสีดำคนหนึ่งกำลังเทสุราให้ตนเองหนึ่งจอก
เขากล่าวว่า “อู๋หยา ข้าควรที่จะลงมือได้แล้ว แต่เจ้าสามารถขัดขวางข้าได้นะ”
อู๋หยากำลังเพลิดเพลินไปกับการจิบชา และไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
“เจ้าจะดูถูกฝ่าบาทจิ่วเยี่ยมากเกินไปแล้ว และเจ้าก็อย่าดูถูกมู่เฉียนซีเกินไปด้วย”
“ตอนนี้ไม่ขัดขวางข้า หากถึงเวลานั้นข้าฆ่าหวงจิ่วเยี่ยไปแล้ว เจ้าก็อย่ามาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน” เงาสีดำนั้นแหวกมิติออกจากกัน และหลังจากนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาอู๋หยาทันที
ทันใดนั้นมิติที่อยู่รอบตัวจิ่วเยี่ยก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน และความรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้โจมตีเข้ามา ซึ่งแรงกดดันนี้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าพลังของอ๋องจิ่วเย ยี่ยเลย
ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศที่ว่างเปล่า และพลังที่มืดมนนั้นก็ทำให้ผู้คนต่างต้องสั่นสะท้าน ราวกับว่ามีวิญญาณร้ายคืบคลานขึ้นมาจากจุดที่ลึกที่สุดของนรกก็มิปา าน
แต่ทว่ารูปร่างหน้าตาของวิญญาณร้ายผู้นี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาเป็นพิเศษเช่นนี้ได้
ทุกคนต่างตื่นตกใจ “คนผู้นี้…คนผู้นี้คือใครกัน?”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ถึงนางจะไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน แต่สำหรับตัวตนของคนผู้นี้ นางคิดว่านางเดามันออกแล้ว
และคนผู้นี้ก็คือผู้คุมปีศาจแห่งความมืดในตำนานนั่นเอง!
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเหลือบมองไปที่จิ่วเยี่ย เขากล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างจนปัญญาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะฉวยโอกาสตอนที่ข้ากำลังเก็บตัวอยู่ หนีออกมาจากคุกปีศาจแห่งความมืดเช่นนี้ ในฐานะที่เจ้าเป็นคนเพียงคนเดียวที่หนีออกมาจากคุกปีศาจแห่งความมืดได้ เช่นนั้นข้าจะจับตัวเจ้ากลับไปด้วยตนเอง และหลังจากนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าเป็นอย่างดีเอง ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย”
จิ่วเยี่ยจ้องมองไปยังคนผู้นี้ ด้วยดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นพลังแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน ผู้คนต่างใจสั่นกันทันที จิ่วเยี่ยเริ่มบุกโจมตี ด้วยพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งและรุนแรงมากที่สุด เพื่อที่จะ บอกผู้คุมปีศาจแห่งความมืดว่า คิดอยากจะจับเขากลับไป มันช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันจริง ๆ
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดหัวเราะเยาะอย่างแผ่วเบา และทันทีที่เขาโบกมือ ก็มีลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปโจมตีหวงจิ่วเยี่ยอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยยังเป็นคนที่ไม่ให้ผู้ใดอยู่ในสายตาเช่นเคยเลยสินะ มันช่างทำให้ข้าอยากจะทำลายเจ้าอย่างโหดเหี้ยมเสียจริง!” เขาพึมพำอย่างแผ่วเบา
ตูมมม โครมม!
พลังที่น่าทึ่งของพวกเขาทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่ามันต้องการที่จะทำลายกรงร้อยศึกทั้งหมดก็มิปาน
ดูเหมือนว่าความมืดต้องการจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งพวกเขาจำต้องรีบหลบหลีกอย่างร้อนรน
พวกของอ๋องแห่งคุกลับและอ๋องแห่งคุกรากษสเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าระดับของพวกเขาไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนัก แต่กลับสามารถสัมผัสถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขาทั้ งสองคนได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่แตกต่างกันของพวกเขา มีเพียงกฏของแดนนรก ที่จำกัดพลังของพวกเขาเอาไว้เท่านั้น มิเช่นนั้นก็คงจะสามารถสังหารพวกเขาได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ
อ๋องแห่งคุกรากษสกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าผู้คุมปีศาจแห่งความมืดที่อยู่ในข่าวลือ จะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้!”
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “ไม่อย่างนั้นแล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ! นั่นคือผู้คุมปีศาจแห่งความมืด เป็นถึงผู้มีอำนาจสูงสุดที่ควบคุมคุกทั้งหมดของแดนนรกเชียวนะ”
“ท่านผู้คุมปีศาจแห่งความมืด พวกเรามาช่วยท่านจัดการหวงจิ่วเยี่ยขอรับ” เมื่อได้เผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่ง ถึงอ๋องทั้งสามจะหวาดกลัวต่อพลังของพวกเขาทั้งสอง แต่กลับพยายามแสดงควา ามเอาใจใส่เป็นอย่างมากอยู่ดี
แววตาของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดฉายแววเย็นยะเยือกออกมา จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ากำลังเพลิดเพลินกับเหยื่อของข้า และข้าก็ไม่ต้องการให้ความสนุกสนานของข้าถูกทำลายเพราะ ะปลาซิวปลาสร้อยอย่างพวกเจ้าด้วย รีบไสหัวไปให้ไกลเดี๋ยวนี้เลย”
แววตาของเขาจ้องมองไปยังจิ่วเยี่ยอย่างลึกซึ้ง ชายผู้นี้แข็งแกร่งมาก และเขาก็เป็นเหยื่อที่น่าสนใจมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาอีกด้วย มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้เพลิ ดเพลินไปกับความสนุกของการล่าเหยื่อเช่นนี้
แววตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยมืดมนลงเล็กน้อย และหลังจากนั้นเขาก็โจมตีผู้คุมปีศาจแห่งความมืดอย่างดุเดือดอีกครั้ง
บังอาจให้เขากลายเป็นเหยื่ออย่างนั้นหรือ ช่างรนหาที่ตายนัก!
ปัง ปัง ปัง!
อ๋องทั้งสามคนถูกการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามาแทรก หากพวกเขาบังอาจยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ จะต้องถูกฆ ฆ่าตายอย่างแน่นอน
อ๋องแห่งคุกลับเหลือบมองไปยังนักเล่นคาถาอาคมที่กำลังต่อสู้อยู่กับมู่เฉียนซี เขากล่าวว่า “ความสามารถของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดแข็งแกร่งมาก ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะจัดการหวงจิ่วเย ยี่ยได้แล้ว ฉะนั้นพวกเราจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลืออีกแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปจัดการผู้หญิงของหวงจิ่วเยี่ย ที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตกัน เพื่อทำลายขวัญกำลังใจของคนจาก กคุกโลหิตกันก่อนเถอะ”