ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2486 ยืมดาบทำลายศัตรู
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ข้าไม่ได้เปาะบางขนาดนั้นเสียหน่อย!”
“ดูเหมือนว่าพลังเมื่อครู่นี้จะยังไม่พอสินะ เช่นนั้น…” ทันใดอ๋องแห่งคุกลับก็เตรียมโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง
มิติที่อยู่โดยรอบมู่เฉียนซีถูกทำให้กลายเป็นบิดเบี้ยวขึ้นมาเพราะพลังของเขา หลังจากนั้นอ๋องแห่งคุกลับก็พุ่งเข้าไปจู่โจมมู่เฉียนซีทันที
การโจมตีก่อนหน้านี้ไม่สามารถจัดการสาวน้อยที่มีระดับยังไม่ถึงเจ้าครองดินแดนคนหนึ่งได้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องอับอายแน่นอนอยู่แล้ว
“ฉัวะ!” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ปล่อยกระบวนท่าออกไป ด้านหลังของเขากลับถูกหนามแหลมแทงทะลุเข้ามา หลังจากนั้นเลือดสด ๆ ก็สาดกระเซ็นออกมา และสีหน้าของอ๋องแห่งคุกลับก็เปลี่ยนไปม มากทันที
ตูมมมม!
เขาระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา เพื่อตัดหนามโลหิตนั้น หลังจากนั้นก็มีลำแสงสีแดงเลือดลำแสงหนึ่งสว่างวาบผ่านไป และหนามโลหิตสีแดงนั้นก็มาปราฏตัวอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉี ยนซี
“พืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะ!” อ๋องแห่งคุกลับกล่าวอย่างเหลือเชื่อ
หนามโลหิตนั้นได้กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามมากคนหนึ่งต่อหน้าเขา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อ๋องคุกลับ อย่างที่เจ้าได้รู้มาว่าอดีตเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตนั้นเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเ เทวะตนหนึ่ง ดังนั้นคนผู้นี้ก็คือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตอีกคนหนึ่งเช่นกัน”
เจ้าเมืองอีกคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
นัยน์ตาของอ๋องแห่งคุกลับหดลงอย่างกะทันหัน และเขาก็ได้รู้ว่าคนผู้นี้ก็คือคนที่เคยเป็นอ๋องของคุกโลหิตนั่นเอง
“ฉวยโอกาสตอนที่ข้ากำลังพักผ่อนรังแกเจ้านายของข้าอย่างนั้นหรือ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอ๋องคุกลับอะไรนั่นก็ตาม ข้าจัดการเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ร่างเงาสีแดงเลือดสว่างวาบขึ้น และฝูเซิงก็พุ่งทะยานไปทางอ๋องแห่งคุกลับทันที
บนสนามรบที่ถูกทำลายล้างจนพังพินาศ ฝูเซิงสวมใส่เสื้อผ้าอย่างงดงาม ซึ่งมันก็ได้กลายเป็นทิวทัศน์ที่พิเศษในสนามรบแห่งนี้ไปทันที
การต่อสู้ของฝูเซิงนั้นรุนแรงมาก อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “ทั้งเจ้าและข้าต่างอยู่ในระดับอ๋องเช่นเดียวกัน แม้ว่าเจ้าจะเป็นหนามโลหิต ข้าก็ไม่มีทางกลัวเจ้าหรอก อย่าคิดว่าเจ้าจะล ลอบทำร้ายข้าได้ แล้วเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้นะ”
ร่างของอ๋องแห่งคุกลับพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ก็มิปาน และพลังแห่งความมืดที่ระเบิดออกมาก็ได้ปะทะเข้ากับร่างเงาสีแดงเลือดร่างหนึ่ง
ตูมมม โครมม!
การต่อสู้ของทั้งสามฝ่ายเป็นไปอย่างดุเดือด จนสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุกหนแห่ง
ก่อนสงครามใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น ฝูเซิงก็ฟื้นตัวจนเกือบที่จะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่เป็นเพราะนางไม่ยอมให้เขาออกโรงมาโดยตลอด เพื่อรอจังหวะเวลาเช่นนี้ และหลังจากนั้นก็ไล่สังหารโดยท ที่ศัตรูไม่ทันรู้ตัว
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังนักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้น “ตอนนี้ไม่มีอ๋องคนไหนว่างพอจะมาช่วยพวกเจ้าอีกแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาสนุกกันเถอะ”
สีหน้าของนักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้เปลี่ยนไปอย่างมาก ราวกับว่ากำลังมีปีศาจเข้ามาใกล้ก็มิปาน พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งมาก อ๋องแห่งคุกลับนี่ช่างไว้ใจไม่ได้เลยจริง ๆ พวกเขาในตอนนี้ไม่หลงเหลือความตั้งใจที่จะต่อสู้กับมู่เฉียนซีอีกแล้ว
พวกเขากล่าวว่า “เจ้าก็เป็นนักเล่นคาถาอาคมเหมือนกันกับพวกข้า เหตุใดถึงจำเป็นที่จะต้องฆ่าแกงกันด้วย นี่เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกเผ่าคำสาปของพวกข้าไล่ล่าเลยอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?”
“ลงมือ! จับพวกเขาเอาไว้” มู่เฉียนซีออกคำสั่ง
“ขอรับ นายท่าน!”
ในตอนที่พวกเขาไม่มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง นักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้ก็เป็นได้เพียงแค่เสือกระดาษเท่านั้น และตอนนี้พวกเขาแต่ละคนก็ถูกกดให้คุกเข่าลงตรงหน้าของมู่เฉียนซีแล้ว
มู่เฉียนซีที่กำลังยืนอยู่กลางอากาศ จ้องมองไปยังสนามรบที่วุ่นวาย เนื่องจากคนของคุกโลหิตมีจำนวนน้อยกว่า ทำให้ตอนนี้จึงไม่มีข้อได้เปรียบมากเท่าไรนัก
พวกของเฉี่ยอี้และเฉี่ยซื่อต่างก็ได้รับบาดเจ็บ มู่เฉียนซีจึงกำลังคิดหาหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เหล่านี้ให้ได้
ทว่าด้วยพลังของนางเพียงคนเดียว แม้ว่าจะมีพวกของทานหลางทั้งหกคนร่วมมือกันต่อสูู้ด้วย มันก็ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ในสงครามใหญ่นี้ได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้ภายในใจของมู่เฉียนซีได้มีแผนการบางอย่าง ที่จะสามารถทำให้คุกโลหิตของพวกเขาได้รับชัยชนะผุดขึ้นมาแล้ว
มู่เฉียนซีร่อนลงตรงหน้านักเล่นคาถาอาคมที่พ่ายแพ้เหล่านี้ นางเอ่ยปากว่า “อยากจะจับเป็นข้าหรือ? พวกเจ้าอยากรู้ทักษะคำสาปโบราณที่ข้ารู้เหล่านั้นสินะ ข้าสามารถสอนพวกเจ้าได้นะ ะ”
นักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้ผงะไปทันที อะไรนะ? ยอมสอนพวกเราอย่างนั้นหรือ พวกเขาต่างก็พากันสงสัยว่าฟังผิดไปหรือไม่
“เมื่อข้าสอนพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าก็จะต้องเรียนรู้ให้ได้ทันที และต้องใช้มันทันทีอีกด้วย”
พลันนั้นอักขระคำสาปก็ปรากฏขึ้นมาเหนือศรีษะของพวกเขา และทักษะคำสาปก็ได้ผนึกลงไปในสมองของพวกเขา
ทันใดนั้น สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดู “ไม่…”
“ทักษะคำสาปนี้ พวกข้าไม่สามารถ! ไม่สามารถใช้ได้!”
“ก็แค่ทักษะคำสาปง่าย ๆ พวกเจ้าก็ใช้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ดูเหมือนว่าเผ่าคำสาปของพวกเจ้าก็ไม่เห็นจะเท่าไรเลย” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
ไม่ใช่ว่าพวกเขาใช้ไม่ได้ แต่พวกเขาไม่กล้าใช้ต่างหาก!
ทักษะคำสาปที่ชั่วร้ายมากเช่นนี้ จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงมาก
หากพวกเขาใช้มันแล้วละก็ พวกเขาจะต้องสังเวยชีวิตและจิตวิญญาณของพวกเขา เพราะทักษะนี้คือทักษะคำสาปการโจมตีแบบกลุ่ม
หากพวกเขาได้รับทักษะคำสาปนี้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะไม่กล้าใช้แต่พวกเขาก็คงจะมีความสุขมากอยู่ดี แต่ทว่าตอนนี้…
ฉึก ฉึก ฉึก!
เข็มยาหลายเล่มได้ปักลงไปที่ต้นคอของพวกเขา
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “จะใช้หรือไม่ใช้ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะตัดสินใจเองได้”
ภายใต้ทักษะการปรุงยา ทักษะคำสาป และการสะกดจิตทั้งสามแขนงนี้ ได้ทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นหุ่นเชิตของมู่เฉียนซีไปแล้ว
การร่วมมือกันของเผ่าคำสาปและคุกใหญ่ทั้งหกก่อนหน้านี้ พวกเขาได้วางแผนร้ายต่อจิ่วเยี่ย ทำให้จิ่วเยี่ยต้องตกอยู่ในคำสาปที่น่าหวาดกลัว เช่นนั้นตอนนี้นางก็จะให้เผ่าคำสาปช่วย ยเหลือ โดยการทำลายล้างกองกำลังของคุกใหญ่ทั้งหกนี้ให้สิ้นซากไปเสีย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปเถอะ! เข้าไปในค่ายของกองกำลังจากคุกนรกทั้งหกนั่น หลังจากนั้นก็ร่ายทักษะคำสาปที่ข้าสอนไปนี้! จงใช้มันให้ดีล่ะ!”
“ขอรับ!”
ในตอนที่พวกเขาวิ่งออกไป มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ไล่ตามไป!”
คนทั้งหมดของคุกใหญ่ทั้งหกล้วนมุ่งความสนใจไปที่สงครามใหญ่ ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ของฝ่ายมู่เฉียนซีเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พวกเขาคิดว่านักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้พ่ายแพ้ และถูกพระชายาของคุกโลหิตไล่ล่า จึงได้พากันหลบหนีมาขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
นักเล่นคาถาอาคมของเผ่าคำสาปคือแขกผู้มีเกียรติของพวกเขา ถึงแม้ว่าการพ่ายแพ้ให้กับพวกของมู่เฉียนซีจะทำให้รู้สึกว่านักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้ไม่คู่ควรให้เรียกเช่นนั้นก็ตาม แต่พว วกเขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้ และไม่อาจปล่อยให้คนของคุกโลหิตฆ่าได้อยู่ดี
หลังจากที่นักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นหนีเข้าไปในพื้นที่ค่ายของคุกนรกทั้งหกแล้ว มู่เฉียนซีและพวกของทานหลางก็ไม่ไล่ตามไปอีก ทว่ารีบกลับมายังฝั่งของคุกโลหิตแทน
“ท่านเจ้าเมือง!”
“พระชายา!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทุกคน จงฟังและทำตามคำสั่งของข้าให้ดี! ตอนนี้ให้พวกเจ้าหยุดการบุกโจมตี และทำเพียงแค่ตั้งรับเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว”
“ขอรับ!”
คนของคุกโลหิตล่าถอยอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็ทำให้คนของคุกนรกทั้งหกประหลาดใจเล็กน้อย
พวกเขาหัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หรือคุกโลหิตจะกลัวขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“แต่ก็นั่นแหละ ใต้เท้าระดับสูงมากมายของคุกโลหิตล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส และนอกจากนี้ฝ่ายของพวกเราก็มีจำนวนคนมากกว่า พวกเขาน่าจะไม่กล้าที่จะใช้คนเยอะไปกว่านี้แล้ว จึงทำได้เพี ยงแค่ตั้งรับเท่านั้น”
“ในขณะที่พวกเขากำลังล่าถอยและมีขวัญกำลังใจที่ตกต่ำลง พวกเราไล่ตามพวกเขาไป และฆ่าพวกเขาไม่ให้เหลือไปเลยดีกว่า”
“ท่านนักเล่นคาถาอาคม ได้ยินมาว่าท่ามกลางการต่อสู้ ทักษะคำสาปของพวกท่านถือว่าเป็นกำลังเสริมที่แข็งแกร่งมาก ทุกท่านโปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย ไว้พวกเราจับพระชายาของคุกโลหิตได้ เมื่อไร พวกเราจะต้องส่งนางมาไว้ตรงหน้าท่าน เพื่อให้ท่านได้ชำระล้างความอัปยศนี้อย่างแน่นอน”
นักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้กล่าวอย่างมืดมนว่า “อื้ม!”
เมื่อพวกเขาตอบสนองกลับมา มันก็ทำให้กองกำลังพันธมิตรของคุกนรกทั้งหกเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าจะชนะมากขึ้น
ใต้เท้าที่เป็นผู้นำของคุกนรกทั้งหกกล่าวว่า “โจมตี!”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า นักเล่นคาถาอาคมเหล่านั้นก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ และร่ายทักษะคำสาปทันที
คนของคุกนรกทั้งหกล้วนคิดว่านักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้กำลังร่ายทักษะคำสาปเพื่อโจมตีศัตรูของพวกเขา อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้มีความเข้าใจต่อทักษะคำสาปอยู่แล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึง งไม่ได้คาดคิดเลยว่าเป้าหมายในการร่ายทักษะคำสาปในคราวนี้จะเป็นพวกเขา
มู่เฉียนซีออกคำสั่งว่า “พวกเจ้ารีบถอยมาเร็วเข้า! พวกเราใกล้จะได้เห็นการแสดงดี ๆ แล้ว”