ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2489 การปกป้องของจิ่วเยี่ย
เฉี่ยซื่อกล่าวว่า “แต่หน้าที่ของพวกเรา ก็คือการปกป้องนายท่าน”
ฝูเซิงกล่าวว่า “มีข้าอยู่ทั้งคน ยังต้องให้เด็กเหลือขออย่างพวกเจ้ามาคุ้มครองนายท่านอีกอย่างนั้นหรือ?”
ฝูเซิงโจมตีพวกเขาอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่า ความสามารถของตนเองนั้นไม่เพียงพอ และตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ฝูเซิงจึงกล่าวว่า “พวกเรา าไปกันเถอะ! ข้าไม่ชอบท่าทางที่ดูเหม่อลอยของเจ้าเลยจริง ๆ”
“อื้ม!”
ร่างเงาทั้งสองได้พุ่งทะยานออกไปจากเมืองซากโบราณ และเมื่อวิหคนรกแห่งความตายเหล่านั้นสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมา พวกมันก็เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีระเบิดออกมา และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไสหัวไป!”
พลังจิตวิญญาณได้แยกนกน้อยสีเทาเหล่านี้ออกไปโดยตรง ตอนนี้มู่เฉียนซีไม่มีเวลาว่างจะมาสนใจวิหคนรกแห่งความตายเหล่านี้ เพราะนางต้องการที่จะรู้ว่าสถานการณ์ของจิ่วเยี่ยในตอนนี้เป็ นอย่างไรกันแน่
“ไปกันเถอะ!” วิหคนรกแห่งความตายเหล่านี้ไม่กล้าเข้ามาใกล้อีกแล้ว ดังนั้นมันจึงทำให้พวกเขาตรงไปยังสนามรบก่อนหน้านี้โดยไร้สิ่งกีดขวาง
ตูมมม โครมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวออกมา การต่อสู้ที่มืดฟ้ามัวดินทางด้านนั้นยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
พรวด!
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดถูกจิ่วเยี่ยโจมตีจนล่าถอยออกไป และตอนนี้เขาก็ถูกจิ่วเยี่ยโจมตีจนได้รับบาดเจ็บแล้ว
เป็นเวลานานมากแล้วที่พวกเขาต่อสู้กัน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน และมักจะสูสีกันเสมอ และคราวนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดได้รับบาดเจ็บเช่นนี้
คนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเขาไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น แต่กลับมีท่าทางที่มีความสุขมากอีกด้วย เขาหัวเราะพลางกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย เจ้าใกล้จะควบคุมพลังของตนเองไม่ได ด้แล้วอย่างนั้นหรือ!”
มู่เฉียนซีเห็นว่าพลังคำสาปอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่รอบตัวจิ่วเยี่ยได้สูญเสียการควบคุมและระเบิดออกมา นอกจากนี้กลิ่นอายของจิ่วเยี่ยก็อันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย แม้ว่าคนที่ได ด้รับบาดเจ็บจะเป็นผู้คุมปีศาจแห่งความมืด แต่คนที่มีปัญหาอย่างแท้จริง คือจิ่วเยี่ยต่างหาก
การต่อสู้ในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร?
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเป็นแน่
เมื่อฝูเซิงเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่ค่อยสบายใจ เขาก็กล่าวว่า “ข้าจะไปจัดการผู้คุมปีศาจแห่งความมืดผู้นั้น เจ้าคิดหาทางเถอะ”
“ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดแข็งแกร่งมากนะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
“แข็งแกร่งแล้วยังไงล่ะ? ข้าเป็นถึงหนามโลหิตเชียวนะ พลังแห่งชีวิตก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ข้าไม่กลัวเขาหรอก!”
ฝูเซิงคิดอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่จิ่วเยี่ยกลับไม่ยอมรับน้ำใจเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เย็นชาเหมือนไม่ใช่มนุษย์คู่นั้นอีกด้วย ช่างอันตรายมากจริง ๆ
ตึงงง!
และฝูเซิงก็ถูกโยนออกไปทันที
“เขาลงมือได้โหดร้ายเกินไปแล้ว!” ฝูเซิงกล่าวพลางกระอักเลือดออกมา
เขารู้ว่าจิ่วเยี่ยออมมือให้เขาแล้ว มิเช่นนั้นคาดว่าบนร่างกายของเขาจะต้องมีบาดแผลมากกว่านี้เป็นแน่
ฝูเซิงกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากจะได้รับความช่วยเหลืออย่างนั้นสินะ? แล้วเราจะทำเช่นไรกันดี?”
จะทำอย่างไรล่ะ? จะรอให้จิ่วเยี่ยสูญเสียการควบคุมไปอย่างสมบูรณ์ และฆ่าผู้คุมปีศาจแห่งความมืดผู้นั้นก่อนหรือ แต่เมื่อถึงเวลานั้น มู่เฉียนซีจะยังสามารถควบคุมพลังคำสาปในร่างกาย ของจิ่วเยี่ยได้หรือไม่? นี่ก็เป็นสิ่งที่นางเองไม่แน่ใจเช่นกัน
เนื่องจากว่าอ๋องทั้งสามโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง จึงทำให้จื่อโยวที่ต่อสู้กับอ๋องทั้งสามในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บแล้วเช่นกัน และมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ในเมื่อไม่สามารถช่วยจิ่วเยี่ยได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไปช่วยจื่อโยวกันเถอะ จัดการอ๋องทั้งสามนั้นก่อนค่อยว่ากัน”
ฝูเซิงกล่าวว่า “ตกลง! เช่นนั้นไปจัดการขยะทั้งสามชิ้นนั้นก่อนก็แล้วกัน”
ร่างเงาทั้งสองพุ่งทะยานไปในอากาศ และในตอนที่กำลังโจมตีพวกเขา ก็มีคลื่นเสียงที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากแผ่ขยายไปในอากาศ ซึ่งมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที
ลำแสงสีแดงเลือดได้ปกป้องมู่เฉียนซีเอาไว้ ฝูเซิงกล่าวว่า “เจ้านายตัวน้อย ดูเหมือนว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วล่ะ”
ส่วนผู้คนที่อยู่ในเมืองซากโบราณเหล่านั้นก็รู้สึกเจ็บปวดมากเช่นกัน ถึงสถานที่แห่งนี้จะสามารถสกัดกั้นวิหคนรกแห่งความตายเอาไว้ได้ แต่ก็มันไม่สามารถสกัดกั้นเสียงที่แปลกประหลาด ดเช่นนี้ได้
หลังจากที่เสียงนี้ดังสะท้อนออกมา วิหคนรกแห่งความตายทั้งหมดที่บินอยู่รอบบริเวณด้านนอกได้หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา
ไม่ใช่ว่าพวกมันบินจากไป แต่พวกมันหายไปต่างหาก
มู่เฉียนซีที่กำลังอยู่ในสนามการต่อสู้ก็ค้นพบสถานการณ์นี้เช่นกัน เพราะวิหคนรกแห่งความตายที่มีอยู่อย่างล้นหลามทั่วกรงร้อยศึกแห่งนี้ได้หายไปหมดแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น แต่พลังแห่งความตายของกรงร้อยศึกยังระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์อีกด้วย ซึ่งตอนนี้มันก็อยู่ในสภาพที่แข็งแรงจนถึงจุดวิกฤติแล้ว
สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปมากทันที มีผู้คุมปีศาจแห่งความมืดคนหนึ่งยังไม่พอ ตอนนี้ยังจะมีเจ้าตัวที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งต้องการที่จะหนีออกมาอีกแล้ว
ครืนนนน!
พลังแห่งความตายที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้กวาดล้างไปทั่วอย่างป่าเถื่อน จนภูเขาถล่มพื้นดินทลายเลยทีเดียว
มีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นมานับไม่ถ้วน และหลังจากนั้นก็มีพลังแห่งความตายทะลักออกมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง
มิติที่อยู่โดยรอบพังทลายลง หลังจากนั้นกระแสที่ปั่นป่วนของมิติก็ปรากฏออกมา และทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ถูกพลังของอ๋องแห่งคุกลับโจมตีจนกระเด็นเข้าไปในมิติที่พังทลายนั้น
“สัตว์ประหลาดอย่างเจ้า คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาฆ่าลูกชายของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า! ฆ่าา!”
“เจ้านาย!”
“คนงาม!”
สีหน้าของจื่อโยวและฝูเซิงเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่มิติที่พังทลายนี้แม้พวกเขาจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจควบคุมมันได้อยู่ดี
แต่ทว่าในเวลานี้ จิ่วเยี่ยที่ต่อสู้กับผู้คุมปีศาจแห่งความมืดอย่างบ้าคลั่งราวสัตว์ร้ายก็มิปานได้หายไปแล้ว
เขาพุ่งทะยายเข้าไปในมิติที่พังทะลาย พร้อมกอดมู่เฉียนซีที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้ในอ้อมแขนทันที นอกจากนี้เขายังไม่ยอมปล่อยให้มิติที่ปั่นป่วนเหล่านี้มาทำอันตรายนางได้เลยแม้แต่ น้อยอีกด้วย
แววตาของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดมืดมนลง และสีหน้าที่เหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา “ขนาดพลังคำสาประเบิดออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าในสายตาของเขามีเพียงแค่การเข่นฆ่า และสต ติทั้งหมดของเขาควรจะต้องมีแต่การทำลายล้างเท่านั้น แล้วเหตุใดเขาถึงยังสามารถไปช่วยนางได้อีก”
“ดูเหมือนว่าหวงจิ่วเยี่ยจะแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้แล้วสินะ”
จื่อโยวและฝูเซิงก็ไล่ตามไปด้วยเช่นกัน และนอกจากพลังแห่งความตายแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังระเบิดพลังแห่งความมืดที่ทั้งบริสุทธิ์และแข็งแกร่งมากออกมาอีกด้วย
มู่เฉียนซีรู้สึกคุ้นเคยกับพลังแห่งความมืดนี้เป็นอย่างดี นี่คือพลังแห่งความมืดของหอคอยนิรันดร์
คิดไม่ถึงเลยว่าหอคอยนิรันดร์จะอยู่ที่กรงร้อยศึกแห่งนี้
หรือจะกล่าวได้ว่าสิ่งที่ผนึกราชาวิหคนรกแห่งความตายที่แข็งแกร่งนั้นเอาไว้ ก็คือหอคอยนิรันดร์นั่นเอง
เดิมทีมู่เฉียนซีคิดอยากจะบอกข้อมูลนี้กับจิ่วเยี่ย แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะต้องต้อนรับกับจุมพิตที่ถาโถมลงมาที่นางเช่นนี้ “อื้ออ...”
มู่เฉียนซีรู้สึกงุนงงอย่างสิ้นเชิง และนางก็ยอมปล่อยให้หวงจิ่วเยี่ยอุ้มนางเอาไว้แล้วเคลื่อนตัวผ่านเข้าไปในมิติทลายนภาแห่งนี้
ภายในสภาพแวดลอมที่อันตรายเช่นนี้ จิ่วเยี่ยไม่ได้สนใจที่จะตอบสนองต่ออันตรายเหล่านี้เลย และนอกจากนี้เขายังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคำสาปและความโลภของตนเอง ที่พยายามเรียกร้อง ให้ทำเรื่องไร้สาระอีกด้วย!
อ๋องแห่งคุกลับกล่าว “ท่านผู้คุมปีศาจแห่งความมืด พวกเขา…พวกเขาต่างก็เข้าไปในมิติทลายนภานั้นกันหมดแล้ว เกรงว่า…”
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เจ้าคิดว่าหวงจิ่วเยี่ยเป็นใครกัน? คิดว่าเป็นขยะเหมือนพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ? แม้ว่าจะตกลงไปสู่มิติทลายนภา แต่เขาก็ไม่มี ทางเป็นอะไรอย่างแน่นอน! เขาคือเหยื่อของข้า ไม่ว่าจะหนีไปที่ใด ข้าก็ไม่มีทางยอมปล่อยเขาไปอยู่ดี”
“ตามลงไป” เขากล่าวอย่างเย็นชา
“อะไรนะ? ลงไปอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของพวกอ๋องแห่งคุกอสูรเหล่านั้นเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
พวกเขาไม่กล้าไปรนหาที่ตายจริง ๆ!
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวว่า “อู๋หยากำลังปิดบังบางอย่างกับข้า! ภายในกรงร้อยศึกแห่งนี้นอกจากวิหคนรกแห่งความตายแล้ว ยังมีของสิ่งอื่นอยู่อีกด้วย และมันจะต้องเป็นของที่ยอ อดเยี่ยมมากแน่นอน พวกเจ้าแน่ใจว่าจะไม่ไปอย่างนั้นหรือ?”
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ท่านผู้คุมปีศาจแห่งความมืด ที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ขอรับ?”
สามารถทำให้ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวว่าเป็นของดีได้ มันจะต้องเป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ถึงพวกเขาจะหวาดกลัวความตาย แต่ภายใต้การล่อลวงของสมบัติอันล้ำค่า มันก็ทำให้พวกเขากล้าที่จะลองเสี่ยงดูสักตั้ง
นอกจากนี้พวกเขายังติดตามผู้คุมปีศาจแห่งความมืดไป และเพราะเขาแข็งแกร่งมากขนาดนั้น ฉะนั้นพวกเขาไม่น่าจะถูกมิติที่ปั่นป่วนนี้ฆ่าตายอย่างแน่นอน
“เมื่อไปถึงพวกเจ้าก็จะได้รู้เอง ไปกันเถอะ!” ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเข้าไปในพื้นที่มิติทลายนภาแห่งนั้นทันที และอ๋องทั้งสามก็ตามเข้าไปในเวลาเดียวกัน