ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2490 ซีปกป้องเยี่ย
ภายในมิติอันมืดมิด ผิวหนังนั้นร้อนระอุราวกับโดนเพลิงนรกแผดเผาก็มิปาน
มีทั้งความอันตราย ความตึงเครียด นอกจากนี้ยังมีการพัวพันกันอย่างยากที่จะแยกออกได้อีกด้วย
เส้นประสาททุกเส้นของมู่เฉียนซีกำลังสั่นเทา และนางก็ได้ทิ้งรอยเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้บนร่างกายของจิ่วเยี่ย
ยาที่นางเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย และประโยชน์ของพลังแห่งชีวิตในเวลานี้ก็มีเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น
มิติที่มืดมิดแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังคำสาปที่ยิ่งใหญ่จนทำให้คนหายใจไม่ออก นางยังคงเชื่อว่าจิ่วเยี่ยไม่มีทางพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดายแน่นอน
ไม่มีทางแพ้แน่!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ตอนนี้พลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งหมดนั้นได้ถูกจิ่วเยี่ยเก็บคืนไปจนหมดแล้ว
จุมพิตอันอบอุ่นได้ประทับลงไปแก้มของมู่เฉียนซี หลังจากนั้นก็มีเสียงอันแหบพร่าดังขึ้นมาว่า “ซี ไม่เป็นไรแล้ว!”
มู่เฉียนซีใช้แขนเกี่ยวคอของเขา และจุมพิตไปที่เขาอย่างอ่อนโยน
มีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของมู่เฉียนซี “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว จิ่วเยี่ยของข้าจะยอมแพ้ไปทั้งอย่างนั้นได้อย่างไรกัน”
“อื้ม! ข้าเป็นของซี!” แม้ว่าพลังคำสาปนั้นจะหยุดลงแล้ว แต่เมื่อถูกมู่เฉียนซีหยอกล้อเช่นนี้ ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นของจิ่วเยี่ยก็มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาทันที
ในเวลานี้ หอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ทั้งสองชิ้นที่มู่เฉียนซีเก็บเอาไว้มาตลอดก็ได้พุ่งทะยานออกมาจากภายในมิติอย่างกะทันหัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สถานที่แห่งนี้มีพลังของหอคอยนิรันดร์อยู่จริง ๆ ด้วย มันต้องอยู่ในมิติแห่งนี้แน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
“ไม่มีปัญหา! พวกเราไปกันเถอะ!”
หอคอยจำลองทั้งสองนั้นพุ่งทะยานออกไป และมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยก็ติดตามพวกมันไปอย่างใกล้ชิด
พลังแห่งความมืดของที่นี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเสียงร้องแหลมสูงของนกดังออกมาเป็นระยะ ๆ อีกด้วย
ไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นหอคอยนิรันดร์หรือหอคอยจำลองก็ตาม แต่ข้างในนั้นจะต้องผนึกสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งเอาไว้อย่างแน่นอน
และเห็นได้ชัดว่าสัตว์ร้ายในคราวนี้ ก็คือเจ้าราชาวิหคนรกแห่งความตายตัวนั้นนั่นเอง
มู่เฉียนซีดึงมือของจิ่วเยี่ยเอาไว้ เพราะจิ่วเยี่ยเพิ่งจะตรึงคำสาปนั้นลงไปได้
หากถึงเวลานั้นเขาต้องเผชิญหน้ากับราชาวิหคนรกแห่งความตาย สถานการณ์ก็จะต้องย่ำแย่มากยิ่งขึ้นไปอีก
โชคดีที่พวกเขาสามารถควบคุมมันได้ครั้งหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่านางก็ไม่กล้าที่จะเดิมพันมันอีกครั้ง เพราะการเดิมพันเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป หากพ่ายแพ้ขึ้นมา พวกเขาก็ไม ม่มีทางหนีทีไล่ใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าอย่ากังวลไปเลย ในเมื่อมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นหอคอยนิรันดร์ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่อาจปล่อยผ่านโอกาสเช่นนี้ไปได้ และข้าก็รู้จักขอบเขต ของตนเองดี”
“ตกลง!” นางรู้ดีว่าร่างกายของจิ่วเยี่ยทนได้อีกไม่นานเท่าไรแล้ว แม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่ก็จำเป็นต้องไปอยู่ดี
หากสามารถหาร่างต้นของหอคอยนิรันดร์เจอที่นี่จริง ๆ บางทีพวกเขาอาจจะตรงไปหากิเลนแห่งนรกได้ในทันที และหลังจากที่เอาดีกิเลนมาได้แล้ว นางก็จะเริ่มปลดผนึกให้เขาได้
หอคอยจำลองพาพวกเขาเข้าลึกไปในพื้นที่ใต้ดินของสถานที่แห่งนี้ และหลังจากนั้นก็มีประตูบานใหญ่ที่เต็มไปด้วยค่ายกลผนึกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขา
หลังจากที่หอคอยจำลองเข้าไป ก็มีเสียง ตูมม! ดังออกมา และประตูใหญ่บานนั้นก็เปิดออกมาด้วยตนเอง
ฟิ้ว!
หลังจากที่ประตูบานใหญ่นี้ถูกเปิดออก ก็มีเสียงแหวกอากาศดังออกมาจากภายในจำนวนนับไม่ถ้วน
ภายในนั้นมีมนุษย์ยืนอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมันก็ทำให้นัยน์ตาของมู่เฉียนซีหดลงอย่างกะทันหัน
ไม่ พวกเขาจะต้องไม่ใช่มนุษย์แน่นอน
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่ใช่มนุษย์ แต่พวกมันคือวิหคนรกแห่งความตายที่รวมตัวกันจนมีร่างกายเหมือนมนุษย์และแสร้งทำเป็นมนุษย์ พวกมันจัดการไม่ยากหรอก”
“ข้าในตอนนี้ไม่ควรลงมือ เพราะข้าจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดตรึงคำสาปให้สงบลง ต้องทำเช่นนี้ถึงจะสามารถรับมือการเผชิญหน้ากับราชาวิหคนรกแห่งความตายและผู้คุ้มปีศาจแห่งความมืดก่ อนหน้านี้ได้ ฉะนั้นตอนนี้ข้าคงต้องมอบหน้าที่ในการปกป้องข้าให้กับซีแล้วล่ะ”
คนอย่างอ๋องจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิต ไม่มีเคยพูดออกมาว่าต้องการให้คนปกป้องมาก่อน และเขาก็ไม่เคยคิดจะให้ใครมาปกป้องอยู่แล้วด้วย
แต่เพื่อที่เขาจะสามารถปกป้องซีให้ดียิ่งกว่านี้ได้ในอนาคต นี่จึงเรื่องที่เขาตัดสินใจ นอกจากนี้เขายังไม่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมอะไรอีกด้วย
นี่คือคนที่เขารักและทะนุถนอมมากที่สุด แม้ว่าความสามารถจะอ่อนแอกว่าเขามาก แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกว่านางอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย และยังเชื่อว่าความสามารถนี้ของนางจะปกป้องพวกเขา ทั้งสองคนได้อีกด้วย
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง ส่วนใหญ่ในตอนที่เจอกับอันตราย จิ่วเยี่ยก็จะเป็นคนปกป้องนางเสมอ ซึ่งนางก็คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จิ่วเยี่ยจะบอกให้นางเป็นคนปกป้องเขาเช่นนี้
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “ตกลง! ข้าต้องทำได้แน่นอน”
“ก่อนหน้านั้น ข้าจะให้ซีได้ดูอะไรดี ๆ อย่างหนึ่ง มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ฉะนั้นซีต้องดูมันให้ดี ๆ”
ก่อนที่จิ่วเยี่ยจะตัดสินใจใช้พลังทั้งหมดในการควบคุมคำสาป เขาได้ลงมืออีกครั้ง และทันใดนั้นกลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่อาจหยั่งถึงได้ขึ้นมาทันที
ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเหล่านั้นพุ่งเข้ามาโจมตีจิ่วเยี่ย เสียงร้องอันแหลมสูงได้ดังออกมาพร้อมกับการโจมตี แต่จิ่วเยี่ยเองก็ลงมือแล้วเช่นกัน และพลังที่เหมือนกระแสน้ำวนก็ได้กลืนก กินทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น
หลังจากนั้นจิ่วเยี่ยก็ได้พ่นคำพูดออกมาว่า “ทักษะหมิงหลัว!”
ตูมมม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา ศัตรูที่อยู่รอบบริเวณพลันถูกกระบวนท่านี้กลืนกิน และกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า กระบวนท่านี้ช่างรุนแรงอะไรเช่นนี้
มู่เฉียนซีตะลึงงันไปเล็กน้อย และนี่ก็คือทักษะที่หกของโยวหลัวซวนหยินนั่นเอง
การโจมตีครั้งนี้ของจิ่วเยี่ย ทำให้ศัตรูเหล่านั้นหวาดกลัว และเขาก็กลับมาอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีอีกครั้ง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ซีเรียนรู้ได้แล้วหรือไม่? ด้วย ความสามารถของซีในตอนนี้ เพียงพอที่จะสามารถใช้ทักษะหมิงหลัวได้แล้วล่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นทักษะโลหิตเจ็ดชั้นล่ะ? เหตุใดเจ้าไม่สอนมาพร้อมกันเลยล่ะ หากข้าสามารถเรียนรู้ทั้งหมดได้ละก็ เจ้าพวกนี้คงไม่มีความสามารถพอที่จะขวางทางข้าได้อีกแล้ว ว”
จิ่วเยี่ยกล่าวตอบว่า “หากเป็นทักษะโลหิตเจ็ดชั้น ซีจำเป็นที่จะต้องเชี่ยวชาญทักษะทั้งหกก่อนหน้านี้เสียก่อน หลังจากนั้นเจ้าก็จะสามารถเข้าใจได้ด้วยตนเอง ฉะนั้นซีต้องทำได้อย่างแ แน่นอน ขอเพียงเจ้าใช้ทักษะหมิงหลัวนี้หลาย ๆ ครั้งก็พอแล้ว เมื่อถึงตอนนี้ข้าก็ไม่จำเป็นต้องสอนเจ้าอีกแล้วล่ะ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
มู่เฉียนซีหยิบขวดยาลูกกลอนออกมาสองสามขวดพลางกล่าว “หากเจ้าคอยดูข้าอยู่ข้าง ๆ แล้วรู้สึกเบื่อขึ้นมาละก็ เจ้าก็กินยานี้เสีย อย่างน้อยมันก็มีพลังแห่งชีวิต แม้ว่ามันจะได้ผ ผลเพียงเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าพอได้ผลอยู่บ้าง”
“หากแบบดื่มละก็ นี่คือยาน้ำ! ให้ผลลัพท์เหมือนกัน”
มู่เฉียนซียัดสิ่งของกองหนึ่งให้กับจิ่วเยี่ย หลังจากนั้นร่างสีม่วงร่างนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาเขา และเตรียมไปฝึกฝนกับวิหคนรกแห่งความตายเหล่านั้นทันที
“ทักษะซิวหลัว!” ตอนแรกมู่เฉียนซีไม่ได้ใช้ทักษะหมิงหลัวในทันที ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่สามารถเรียนรู้ได้ แต่เป็นเพราะนางใช้ทักษะซิวหลัวในการอุ่นเครื่องก่อนต่างหาก
“ทักษะซิวหลัว!”
ตูมมม โครมมม!
วิหคนรกแห่งความตายที่มีเปลือกนอกเป็นมนุษย์เหล่านี้แข็งแกร่งมาก ซึ่งพลังของทักษะซิวหลัวนั้นยังไม่เพียง ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้รวบรวมพลังวิญญาณของนาง จากนั้นกระแสน้ำวนของพลัง งวิญญาณก็ปรากฏขึ้น และมันก็ได้กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง
“ทักษะหมิงหลัว!”
จิ่วเยี่ยใช้มันต่อหน้านางเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่นางกลับสามารถเรียบรู้มันได้แล้ว
ตูมมม!
เนื่องจากระดับของพลังวิญญาณจึงทำให้พลังของทักษะหมิงหลัวนั้นมีขีดจำกัด ฉะนั้นมันจึงไม่สามารถทำลายวิหคนรกแห่งความตายเหล่านี้ได้ แต่ทว่ามันก็สามารถทำให้วิหคนรกแห่งความตายที่ อยู่บริเวณโดยรอบถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปได้เช่นกัน
ปัง ปัง ปัง!
จิ่วเยี่ยเอนตัวพิงอยู่ข้างกำแพง จากนั้นก็เห็นร่างเงานั้นพุ่งผ่านไประหว่างศัตรู มุมปากของเขาพลันยกสูงขึ้น และเมื่อเขานึกถึงสิ่งของที่ซีมอบให้เขา เขาก็กินยาลูกกลอนไปด้วย และคอยมองดูมู่เฉียนซีต่อสู้ไปด้วย
และไม่ว่าซีจะไปอยู่ด้านไหนก็ตาม เขาก็มองตามนางไปอย่างไม่อาจละสายตาได้เลย
เพื่อที่จะได้ฝึกฝนทักษะโลหิตเจ็ดชั้น ถึงแม้ว่าทักษะก่อนหน้านี้จะมีพลังไม่เพียงพอ แต่มู่เฉียนซีก็เริ่มใช้มันคล่องแล้วเช่นกัน นอกจากนี้นางยังสามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย
“ทักษะตี้ซวน!”
“ทักษะเทียนซวน!”
“ทักษะโยวหมิง!”
ทักษะทั้งสามถูกโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง และมู่เฉียนซีก็สามารถใช้ทักษะได้อย่างที่ใจต้องการ!
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนเองกำลังโตขึ้นแล้ว นางค่อย ๆ โตไปทีละขั้นตอน และในทุกขั้นตอนเช่นนี้ นางก็มีจิ่วเยี่ยที่คอยอยู่เคียงข้างนาง