ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2491 ยังไม่สมบูรณ์แบบ
ทุกย่างก้าวของมู่เฉียนซี ทุกทักษะที่เรียนรู้ ล้วนสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ และวันนี้นางก็สามารถบรรลุพลังในการโจมตีของทักษะทั้งหกได้แล้ว
ขณะที่มองไปยังมู่เฉียนซี มุมปากของจิ่วเยี่ยก็ยกโค้งมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อนึกไปถึงตอนที่อยู่ดินแดนทั้งสี่ทิศในตอนแรก นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาสอนซีฝึกฝนทักษะตี้ซวน ต่อมาก็ครั้งที่สอง…ครั้งที่สาม…
ทุกทักษะล้วนมีร่องรอยของเขา และผู้หญิงที่อยู่ตรองหน้าคนนี้ ก็คือคนของเขาเช่นกัน
เป็นซีของเขา!
ตูมมม โครมมม!
“ทักษะตี้ซวน!”
“ทักษะเทียนซวน!”
“ทักษะโยวหมิง!”
ตูมมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวออกมา ครานี้มู่เฉียนซีได้ปลดปล่อยทั้งสี่ทักษะออกมาในเวลาเดียวกัน
ทักษะวิญญาณที่จิ่วเยี่ยสอนนางด้วยตนเอง ล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำที่ล้ำค่าและงดงามระหว่างพวกเขา
พวกเขาไม่มีทางยอมรับการสูญเสียของกันและกันได้อย่างแน่นอน และพวกเขาก็ยังต้องการสร้างความทรงจำที่แสนวิเศษให้มากขึ้นกว่านี้อีกด้วย
แน่นอนว่านางช่วยจิ่วเยี่ยถอนคำสาปให้ได้ ต้องทำให้ได้!
ด้วยอารมณ์ที่รุนแรง และศรัทธาที่แรงกล้า ทำให้พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีที่เดิมทีก็แข็งแกร่งอยู่แล้วยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
จิ่วเยี่ยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ยิ่งทำให้นางงดงามและน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก และนี่ก็คือซีของเขา
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นของหวงจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เขาแยกจากซีไม่ได้ เขาทนมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน
เขาจะต้องกำจัดคำสาปที่อยู่ในร่างกายของเขาให้ได้
พลังที่แข็งแกร่งกำลังต่อต้านคำสาปนั้น และพลังที่ป่าเถื่อนรุนแรงนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถทำลายล้างคำสาปได้เลยทีเดียว
เพราะบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง จึงทำให้พลังของเขาน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาทันที แม้แต่คำสาปที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าคำสาปยังต้องพ่ายแพ้ให้กับพลังนี้เลย
หากว่าประสบความสำเร็จ คัมภีร์หมื่นคำสาปก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป และเขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ดีกิเลน ก็สามารถลบล้างคำสาปนี้ได้เช่นกัน
แต่ทว่า มันกลับไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น
ในตอนที่พลังของจิ่วเยี่ยกำลังจะปราบปรามคำสาปที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นให้จมลงสู่เหวลึกเพื่อทำลายมัน ก็ได้มีพลังที่จิ่วเยี่ยไม่อาจคาดเดาได้ช่วยปกป้องคำสาปนี้เอาไว้ และเสริมให ห้คำสาปนี้แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
เขาเคยลองมันมาก่อนหน้านี้แล้ว และมันก็คือพลังนี้ที่คอยขัดขวางเขาเอาไว้
การปรากฏตัวของมัน ไม่สามารถป้องกันได้ มันไม่ใช่พลังของเผ่าคำสาป และไม่ใช่พลังของเผ่าเทพอีกด้วย
มันไม่มีทางลบออกได้อย่างสมบูรณ์ พลังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดนี้ได้หยั่งรากลึกลงไปในร่างกายของเขา และไม่ง่ายเลยกว่าจิ่วเยี่ยจะระงับมันเอาไว้ได้
ตูมมม!
มู่เฉียนซียังไม่ทันที่จะได้เข้าใจทักษะโลหิตเจ็ดชั้น แต่วิหคนรกแห่งความตายที่อยู่ในมิติแห่งนี้กลับถูกมู่เฉียนซีกำจัดลงได้อย่างสมบูรณ์เสียแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย พวกเราไปกันเถอะ!”
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ซี! ศัตรูที่อยู่ข้างหน้า จะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แข็งแกร่งขึ้นแล้วยังไงล่ะ? ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง! เจ้าเพียงแค่มีสมาธิควบคุมคำสาปนั้นให้ได้ก็พอแล้ว”
“อื้ม!” จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย
ครืนน!
เมื่อประตูอีกบานหนึ่งเปิดออก พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากับศัตรูอีกกลุ่มหนึ่ง
มู่เฉียนซีใช้ทักษะทั้งห้าโจมตีพร้อมกัน และการโจมตีที่แข็งแกร่งนี้ก็ทำให้ศัตรูเหล่านั้นพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน
หลังจากที่ทะลวงผ่านประตูอีกบานหนึ่งได้แล้ว มู่เฉียนซีก็ลงมืออีกครั้ง
“ทักษะซิวหลัว!”
ทักษะที่ห้า และทักษะที่หกโจมตีพร้อมกัน ซึ่งการโจมตีที่ทรงพลังนี้ก็ทำให้พวกมันต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด
ยิ่งเข้าไปถึงข้างในมากเท่าไร เจ้าพวกนี้ก็ยิ่งฉลาดมากเท่านั้น
จิ่วเยี่ยได้ผนึกพลังทั้งหมดของเขาเอาไว้ จึงทำให้พวกมันไม่รู้ว่าจิ่วเยี่ยนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นพวกมันจึงตั้งใจที่จะโจมตีเขา เพราะคิดว่าจิ่วเยี่ยเป็นเพียงแค่คนอ่อนแอคน นหนึ่งเท่านั้น
มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจิ่วเยี่ย จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไสหัวไป!”
“ทักษะหมิงหลัว!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าจะรีบจัดการปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้ และจะไม่ปล่อยให้พวกมันมารบกวนเจ้าอีก”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อื้ม!”
และเมื่อลองใช้ทักษะที่หกโจมตีพร้อมกัน มู่เฉียนซีก็เกือบที่จะค้นคว้าทักษะโลหิตเจ็ดชั้นออกมาได้แล้ว
นางแค่ทำทุกอย่างนี้ไปตามความรู้สึกของตนเอง นางหมุนเวียนพลังวิญญาณ และระเบิดออกมาราวกับบ่อน้ำก็มิปาน และทักษะทั้งหกก็ผสานเข้าด้วยกัน!
“ทักษะโลหิตเจ็ดชั้น!”
ทันใดนั้น พลังที่แข็งแกร่งทั้งเจ็ดก็โจมตีไปทางศัตรูเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า และพลังที่รุนแรงนั้นก็ได้กวาดล้างศัตรูที่พยายามล้อมเข้ามาโจมตีนางระลอกแล้วระลอกเล่าจนหมดสิ้น น
จิ่วเยี่ยเดินไปทางมู่เฉียนซี นางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จิ่วเยี่ย ข้าเข้าใจทักษะโลหิตเจ็ดชั้นแล้ว ตอนนี้ถือว่าข้าฝึกฝนโยวหลัวซวนหยินได้สมบูรณ์แบบแล้วหรือยัง?”
จิ่วเยี่ยกล่าวตอบว่า “ยังไม่สมบูรณ์แบบ!”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “มันยังไม่สมบูรณ์แบบตรงไหนอย่างนั้นหรือ?”
จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ความสมบูรณ์แบบของทักษะวิญญาณนี้ยังไม่เรียกว่าสมบูรณ์แบบหรอก รอให้ซีกลายเป็นภรรยาของข้าหวงจิ่วเยี่ยเมื่อไรมันถึงจะเรียบว่าสมบูรณ์แบ บบ มิใช่หรือ?”
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย นี่จิ่วเยี่ยกำลังพูดถึงความสมบูรณ์แบบในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ไม่ใช่ทักษะโยวหลัวเสียหน่อย
“รอถอนคำสาป และหาท่านพ่อตาเจอเมื่อไร ซีก็ไม่สามารถหนีได้อีกแล้ว และข้าก็จะแต่งงานกับเจ้าได้เสียที” จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นมากขึ้นอีก
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รอให้ถอนคำสาปได้เมื่อไร ทั้งร่างกาย หัวใจและจิตวิญญาณของเจ้าก็จะต้องสลักข้ามู่เฉียนซีคนนี้เอาไว้ แล้วข้าจะหนีไปได้อย่างไร? หากหนีไปแล้วจะเ เอาเปรียบเจ้าได้อย่างไรล่ะ รอให้หาท่านพ่อของข้าเจอเมื่อไร ข้าก็จะยอมแต่งงานกับเจ้า”
จิ่วเยี่ยขบมู่เฉียนซีอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวว่า “หากท่านพ่อตาไม่เห็นด้วยล่ะ?”
“หากไม่เห็นด้วยหรือ! นั่นก็เป็นเรื่องที่เจ้าต้องหาทางเอาเองมิใช่หรือ?”
“เช่นนั้นข้าก็คงต้องใช้กำลังแย่งเจ้ามา!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างรุนแรง
“หากเจ้าชิงตัวข้าไปได้ ข้าก็จะแต่ง! แต่หากชิงตัวข้าไปไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็คงทำได้เพียงหนีตามเจ้าไปแล้วล่ะ”
ระหว่างพวกเขา ย่อมไม่มีทางปล่อยมือกันและกันไปง่าย ๆ ไม่ว่าจะมีอุปสรรค์ใดก็ตาม นอกจากนี้ท่านพ่อก็น่าจะไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลถึงขนาดนั้นด้วย เพราะนางเองก็ไม่อยากจะหนีตามคนอื่ นไปเช่นกัน!
ครืนน!
ประตูบานหนึ่งเปิดออกอีกครั้ง และเสียงร้องคำรามที่น่าสะพรึงก็ดังก้องเข้ามาในหูของพวกเขา
บนแท่นหินที่ลอยอยู่กลางอากาศมีวิหคนรกแห่งความตายสีเทาขนาดมหึมาอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งนกตัวนี้ไม่ได้อยู่ในรูปร่างของมนุษย์ แต่เป็นรูปร่างเดิมของมัน
ทว่าตอนนี้มันกลับแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก อย่างน้อยก็มีระดับความสามารถถึงใต้เท้าระดับล่างแล้ว
ความสามารถของมันอยู่เหนือมู่เฉียนซีมากมายนัก แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ท้อถอยเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงเอาชนะเจ้าสิ่งนี้ได้ นางก็จะสามารถเข้าใกล้หอคอยนิรันดร์ได้อีกนิดแล้ว
และตำแหน่งด้านหลังที่วิหคนรกแห่งความตายยืนอยู่ก็มีประตูอยู่อีกบานหนึ่งพอดี
“มีอาหารที่น่าอร่อยมาอีกสองคนแล้ว จงนำจิตวิญญาณของพวกเจ้ามาให้ราชาของข้าก่อน เมื่อราชาของข้าแข็งแกร่งมากขึ้น เขาก็จะสามารถทำลายกรงขังแห่งนี้ได้”
แววตาที่เต็มไปด้วยความโลภของมันจ้องมองมาที่มู่เฉียนซี และอดที่จะพุ่งทะยานมาทางพวกเขาไม่ได้ มันอยากจะฉีกพวกเขาเป็นชิ้น ๆ และหลังจากนั้นก็ค่อยล่าจิตวิญญาณของพวกเขา
แต่ทว่ายังไม่ทันที่มันจะได้ลงมือ แววตาของมู่เฉียนซีก็มืดมนลง “ที่แท้ก็มีข้อจำกัดนี่เอง เจ้าไม่สามารถพุ่งเข้ามาได้ และทำได้เพียงร้องคำรามให้ผู้คนหวาดกลัวเท่านั้น เจ้าคิดว่า าข้าจะกลัวนกอย่างเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าคือวิหคนรกแห่งความตายผู้สูงส่ง เผ่าของพวกเขาเป็นข้ารับใช้ของเทพแห่งความตายผู้ทรงพลัง ราชาของข้าเป็นถึงพาหนะของท่านเทพแห่งความตาย แต่มนุษย์ที่ต่ำต้อยเช่นเจ้าบังอาจม มาทำให้ข้าต้องอับอาย เจ้านี่ช่างรนหาที่ตายเสียจริง”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้ามีความสามารถพอที่จะฆ่าข้าได้หรือไม่ล่ะ?”
“เจ้ามนุษย์น่ารังเกียจ!” มันพุ่งทะยานเข้ามา เนื่องจากถูกมู่เฉียนซีทำให้โมโหเป็นอย่างมาก
“มนุษย์ เจ้าเคยได้ยินเรื่องมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรือไม่? เจ้าอยากได้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรือเปล่า? ประตูที่อยู่หน้าหลังนี้ มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่เรียก ว่าหอคอยนิรันดร์อยู่ชิ้นหนึ่ง มันคือหอคอยฝึกอสูรแห่งความมืด หากมีมันเจ้าจะสามารถกักขังและควบคุมสัตว์ร้ายได้นับหมื่นตัวเลยล่ะ” มันไม่สามารถโจมตีนางได้ แต่กลับสามารถล่อลวง งให้มุนษย์เข้าไปรนหาที่ตายด้วยตนเองได้ ซึ่งนี่ต้องเป็นกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างแน่นอน
และด้วยความโลภของมนุษย์ ย่อมไม่มีทางอยู่เฉยได้แน่นอนอยู่แล้ว