ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2492 ยังฉลาดไม่พอ
“อ๋อ!” มู่เฉียนซีแสดงท่าทีได้เรียบเฉยเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นนางก็กล่าวว่า “จิ่วเยี่ย พวกเราพักผ่อนกันสักหน่อยเถอะ อย่าไปสนใจมันเลย”
“ตกลง!”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ หลังจากนั้นก็ให้นางพักผ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
วิหคนรกแห่งความตายตัวนั้นกำลังจะถุกทำให้โมโหตายอยู่แล้ว นี่ต้องจัดการอย่างไรกันแน่ ทำไมเจ้ามนุษย์ผู้นี้ถึงไม่มีการตอบสนองใด ๆ เลยล่ะ
อย่างไรเสียวิหคนรกแห่งความตายนี้ก็คิดว่ากลอุบายของตนเองฉลาดมาก แต่มันไม่เพียงไม่สำเร็จเท่านั้น นอกจากนี้ยังทำให้ยังถูกป้อนอาหารสุนัขเข้าไปคำโตอีกด้วย
วิหคนรกแห่งความตายทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นมาเพราะราชาวิหคนรกแห่งความตาย และความจริงแล้วสิ่งที่อยู่ภายในหัวสมองของเจ้าพวกนี้ล้วนมีความคล้ายคลึงกันทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นสิ่งที่อ๋อง แห่งคุกลับกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันด้วยเช่นกัน
แต่อ๋องแห่งคุกลับไม่ได้เหมือนมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ย เพราะในเวลานั้นจิ่วเยี่ยได้กอดมู่เฉียนซีเอาไว้อย่างแน่นหนา ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ถูกมิติที่ปั่นป่วนแยกออกจากกัน
แต่ทว่าชายหนุ่มสองสามคนอย่างพวกเขาไม่สามารถกอดกันได้ ดังนั้นจึงต้องแยกกันแน่นอนอยู่แล้ว
อ๋องแห่งคุกลับบุกทะลวงมาตลอดทั้งทาง จนมาเจอกับเจ้าสิ่งที่รับมือได้ยากเช่นนี้
แม้ว่าความสามารถของเขาจะเพียงพอที่จะเอาชนะมันได้ แต่อ๋องแห่งคุกลับก็เป็นคนที่ระมัดระวังคนหนึ่ง ฉะนั้นจึงไม่ลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอนอยู่แล้ว
ผลปรากฏว่า เมื่อวิหคนรกแห่งความตายนี้เห็นว่ามนุษย์ผู้นี้ไม่เข้ามารนหาที่ตาย มันจึงเอ่ยปาก “เจ้ามนุษย์ เจ้าเคยได้ยินเรื่องมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรือไม่? เจ้าอยากได้มหา วัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรือเปล่า? ด้านหลังของประตูบานนี้ มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ชิ้นหนึ่ง และมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ชิ้นนั้นก็คือหอคอยฝึกอสูรแห่งความมืดขอ องหอคอยนิรันดร์ หากมีมันไว้ในครอบครองก็จะสามารถกักขังและควบคุมอสูรร้ายนับหมื่นได้อย่างง่ายดาย”
อ๋องแห่งคุกลับผงะไปครู่หนึ่ง ท่านผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเคยกล่าวว่าข้างในนี้มีของดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหอคอยนิรันดร์
หากเขาเอาหอคอยนิรันดร์มาได้ เขาจะอยู่ที่แดนนรกแห่งนี้ไปทำไมกัน?
เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็สามารถบุกขึ้นไปยังแดนเทพ และกลายเป็นเจ้าเหนือหัว หรือแม้กระทั่งกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของแดนเทพเลยก็ได้
ความโลภสว่างวาบขึ้นมาในดวงตาของอ๋องแห่งคุกลับ และเขาก็พุ่งทะยานไปยังแท่นหินนั้นโดยไม่พูดไม่จา
วิหคนรกแห่งความตายตัวนั้นก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน ในที่สุดมันก็ตกเหยื่อได้แล้ว มนุษย์นี่ช่างโลภมากอย่างที่คาดไว้จริง ๆ
“เจ้ามนุษย์ เจ้าเคยได้ยินเรื่องมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรือไม่? เจ้าอยากได้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรือเปล่า? ด้านหลังของประตูบานนี้ มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ชิ นหนึ่ง และมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ชิ้นนั้นก็คือหอคอยนิรันดร์…” อีกทางด้านหนึ่ง วิหคนรกแห่งความตายอีกตัวหนึ่ง ได้กล่าวกับชายที่ดูชั่วร้ายที่สวมชุดคลุมสีเขียวเข้ มคนหนึ่งเช่นกัน
แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปจู่โจมทันที “นกอย่างเจ้า เหตุใดถึงได้มีคำพูดไร้สาระเยอะนักนะ? ยังไม่รีบตาย ๆ ไปอีกหรือ!”
เจ้าสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นปรปักษ์ของเขา ซึ่งจื่อโยวก็รู้สึกรังเกียจมันเป็นอย่างมาก
แต่ความสามารถเพียงเล็กน้อยนี้ ไม่ใช่การลอบโจมตีด้วยซ้ำ ฉะนั้นมันยิ่งทำร้ายเขาไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเขาสามารถบดขยี้เจ้าสิ่งนี้จนตายราวกับบดขยี้มดปลวกก็มิปาน แล้วเขาจะเอาอารมณ ณ์ไหนไปฟังคำพูดไร้สาระของพวกมันกันล่ะ?
ตูมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวออกมา และจื่อโยวก็ได้สังหารเจ้าสิ่งนี้โดยตรง
จื่อโยวกังวลเกี่ยวกับเยี่ยเป็นอย่างมาก เพราะอย่างไรเสียสถานการณ์ของเยี่ยในตอนนี้ก็ย่ำแย่มากจริงๆ หากสูญเสียการควบคุมทั้งเขาและคนงามต่างก็ตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็พบเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายกัน แต่ความแข็งแกร่งในการกวาดล้างของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดนั้น สามารถผ่านไปทีละด่านโดยไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หอคอยนิรันดร์อย่างนั้นหรือ อู๋หยา นี่เป็นของขวัญที่เจ้าจะมอบให้ข้าหรือ! เกรงว่าเจ้าน่าจะคำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว แต่กลับซ่อนมันไว้จากข้า หรือจะพูดได ด้อีกอย่างหนึ่งว่าเจ้าคิดจะเก็บหอคอยนิรันดร์ไว้ให้เจ้านายของเจ้า เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ฉะนั้นจะมาแย่งหอคอยนิรันดร์กับข้าได้อย่างไร!”
ตูมมม โครมม!
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงสุด หอคอยนิรันดร์สำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งที่ต้องเอามาให้ได้
วิหคนรกแห่งความตายที่อยู่ทางฝั่งของมู่เฉียนซีกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก เพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
และตอนนี้มันก็ทำได้เพียงมอง แต่ไม่อาจกินได้
ความอดทนของมันค่อย ๆ ถูกเผาผลาญไปอย่างช้า ๆ ในตอนที่มันคิดว่ามู่เฉียนซีไม่กล้าลงมืออย่างแน่นอน มู่เฉียนซีก็ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา ไปปรากฏตัวอยู่บนแท่นหินนั้นอย่าง เหนือความคาดหมาย
พลังวิญญาณที่อยู่บนร่างของนางทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง และหลังจากนั้นนางก็ใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด
“ทักษะโลหิตเจ็ดชั้น!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
สี่กระบวนท่านี้ถูกปลดปล่อยออกมาด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง และทั้งหมดนั้นก็จู่โจมเข้าใส่วิหคนรกแห่งความตายตัวนั้นทันที
ปัง!
วิหคนรกแห่งความตายตัวนี้ ถูกโจมตีจนตัวของมันกระแทกเข้ากับกำแพงหินด้านหลังโดยตรง
พลังในการโจมตีของมู่เฉียนซีอยู่เหนือความคาดหมายของมันมากจริง ๆ และสุดท้ายมันก็ต้องร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ
“เจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจ! เจ้ามนุษย์เจ้าเล่ห์ คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะถูกเจ้าหลอกเอาได้”
มันได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าพลังวิญญาณของมนุษย์ผู้นี้จะอ่อนแอ และอาการบาดเจ็บเล็กน้อยนี้สำหรับมันแล้วจะไม่ได้สำคัญอะไรเลยก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถยกโทษให้ได้เช่นกัน
ดวงตาที่ว่างเปล่าของมันคู่นั้นฉายแววอันตรายออกมา ในขณะที่มันร้องคำราม ก็มีแสงอันตรายสว่างวาบขึ้น พร้อมกับปีกที่กระพืออย่างรุนแรง และพุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซี เพื่อจัดการมนุ ษย์ผู้นี้อย่างโหดเหี้ยม
“เจ้ามนุษย์ ข้าว่ามนุษย์อย่างเจ้าไม่มีทางไม่อยากได้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรอก ที่ก่อนหน้านี้เจ้าทำเป็นไม่สนใจ ก็เพราะต้องการจะหลอกข้า! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าหลอกข้า”
พลังของมันได้เปลี่ยนกลายเป็นวิหคนรกแห่งความตายตัวเล็กนับร้อยนับพันตัว และมันก็พุ่งเข้าไปเพื่อฉีกทึ้งมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหายไปต่อหน้าต่อตามันอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา และนางก็ปะทะกับวิหคนรกแห่งความตายตัวนี้อีกครั้ง
เนื่องจากมู่เฉียนซีมีระดับที่ต่ำ ฉะนั้นการโจมตีนี้จึงไม่อาจสร้างบาดแผลให้กับ วิหคนรกแห่งความตายได้มากเท่าไรนัก
แต่มันก็ไม่สามารถทำอันตรายมู่เฉียนซีได้เช่นกัน เพราะความสามารถทางกายภาพของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ
ตูมมม โครมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว และการต่อสู้ก็เริ่มดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ แม้ว่าความฉลาดของวิหคนรกแห่งความตายตัวนี้จะมีไม่เพียงพอ ฉะนั้นการต่อสู้เช่นนี้ จึงยากที่จะรู้ผลแพ้ชนะเสมอ
แท่นหินทั้งหมดสั่นสะเทือนเพราะการต่อสู้ของพวกเขา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่วิหคนรกแห่งความตายเจอกับศัตรูที่เห็นชัด ๆ ว่าอ่อนแอแต่กลับรับมือได้ยากเช่นนี้ มันกล่าวว่า “ราชาของ งข้า โปรดช่วยเหลือข้าด้วยเถิด”
และทันใดนั้นก็มีพลังพัดโหมเข้ามาราวกับพายุที่บ้าคลั่งก็มิปาน และด้านหลังของวิหคนรกแห่งความตายตัวนี้ก็ปรากฏวิหคสีขาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขึ้นมา และมีเพียงราชาเท่านั้นถึงจะสาม มารถครอบครองสีเช่นนี้ได้
เมื่อจิ่วเยี่ยได้เห็นเจ้าสิ่งนี้ ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของเขาก็มืดมนลงทันที
หากซีมีอันตราย เขาจำเป็นต้องลงมือจัดการเจ้าสิ่งนี้ด้วยตนเอง
แม้ว่ามันจะยังไม่ถูกตรึงเอาไว้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ใกล้จะเรียบร้อยแล้ว
ในตอนที่วิหคนรกแห่งความตายกำลังแผดเสียงร้อง ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีแดงเลือดปรากฏขึ้นมากลางอากาศที่ว่างเปล่าอย่างกะทันหัน และลำแสงสีแดงเลือดนั้นก็ได้ขังนกสีขาวตัวใหญ่ตัวนั้น ไว้ทันที
“ยังกล้าขอความช่วยเหลืออีกหรือ คิดว่าเจ้านายของข้าไม่มีผู้ช่วยหรืออย่างไร?” และเสียงฮึดฮัดเสียงหนึ่งก็ดังออกมา
บนสนามการต่อสู้ได้มีร่างเงาสีแดงเลือดที่งดงามร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และตอนนี้ฝูเซิงก็ได้มาถึงแล้ว
เนื่องจากว่าระหว่างฝูเซิงกับมู่เฉียนซีมีพันธสัญญาณต่อกัน ฉะนั้นเขาจึงใช้หนามโลหิตจำนวนนับไปถ้วนทลวงผ่านไปทั่วทุกหนแห่ง ตามคำแนะนำของพันธสัญญาณ
เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการตามหาเจ้านายของเขา อย่างไรเสียสภาพของอ๋องจิ่วเยี่ยก่อนหน้านี้ก็ดูอันตรายเกินไป แต่เมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขาในตอนนี้ยังคงสบายดี ในที่สุดฝูเซิ งก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
วิหคนรกแห่งความตายกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็จะขอความช่วยเหลือมาเช่นกัน!”
ฝูเซิงกล่าวว่า “นี่คือเจ้านายของข้า!”
“ดังนั้น เจ้าก็ควรไปตายได้แล้ว!”
ตูมมม โครมมม!
หนามโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนไม่เพียงแต่ทำลายภาพลวงตานั้นเท่านั้น แต่ยังบดขยี้วิหคนรกแห่งความตายเหล่านี้อีกด้วย และฝูเซิงก็กล่าวขึ้นมาว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไร ถึงได้กล้ามาขวางทางเจ้า านายของข้า”