ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2495 อยู่ข้างกายเขา
ตูมมม!
ในตอนที่การโจมตีของพวกเขากำลังจะปะทะเข้ากับร่างของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยก็หลุดออกจากการพัวพันอยู่กับผู้คุมปีศาจแห่งความมืดได้พอดี
เขามาปรากฏตัวอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีราวกับวิญญาณก็มิปาน หลังจากนั้นก็ปกป้องมู่เฉียนซีเอาไว้ภายในอ้อมแขนของเขา
และภายใต้การสกัดกั้นของจิ่วเยี่ย ทำให้การโจมตีของพวกเขาเหล่านี้ ไม่สามารถทำอันตรายมู่เฉียนซีได้เลยแม้แต่น้อย
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกจ้องมองไปยังพวกเขาเหล่านั้นโดยไม่เหลือความอบอุ่นไว้เลย จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ตายซะ!”
พลังที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา และสีหน้าของพวกอ๋องแห่งคุกลับก็ซีดเผือดขึ้นทันที ซึ่งสุดท้ายแล้วทั้งหมดก็ถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “หากมีข้าอยู่ พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะทำร้ายซีได้เลย!”
ราชาวิหคนรกแห่งความตายกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าทำลายเจ้าก่อนก็แล้วกัน”
จิ่วเยี่ยต้องการที่จะปกป้องคนคนหนึ่งไปด้วย และยังต้องต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งทั้งห้าคนไปด้วย ซึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นมีสองคนที่มีความสามารถพอ ๆ กับเขา
การต่อสู้ไปทั้งอย่างนี้ มันมีความอันตรายต่อจิ่วเยี่ยมากเป็นพิเศษ
แต่ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ คิดไม่ถึงเลยว่าการเผชิญหน้ากับศัตรูเหล่านี้ จะไม่ทำให้จิ่วเยี่ยขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวว่า “ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย เจ้าจะมั่นใจเกินไปแล้ว ข้าจะคอยดู ว่าเจ้าจะสามารถปกป้องแม่สาวน้อยผู้นั้นไปได้นานแค่ไหน?”
ตูมม!
ตอนเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของพวกเขา ทุกครั้งที่มู่เฉียนซีมีอันตราย การระเบิดพลังของจิ่วเยี่ยก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
การโจมตีของพวกเขาถูกสกัดกั้นครั้งแล้วครั้งเล่า และจิ่วเยี่ยก็ไม่เคยพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนที่พ่ายแพ้ต้องเป็นเจ้าแน่นอน!” ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดรู้ถึงสถานการณ์ของคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยเป็นอย่างดี
การใช้พลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ของจิ่วเยี่ยไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก เพราะเรื่องนี้สำหรับเขาแล้วก็เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ราชาวิหคนรกแห่งความตายกล่าวว่า “นี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่?”
คิดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้จะทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเทพมรณะเสียอีก
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวว่า “ก็นั่นน่ะสิ ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริงเลยล่ะ”
ตูมม โครมมม!
พลังที่ระเบิดออกมาของจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนฝูเซิงและจื่อโยวในเวลานี้ก็ฟื้นตัวแล้วเช่นกัน ฉะนั้นพวกเขาจึงเข้าร่วมการต่อสู้ใหม่อีกครั้ง
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าขยะสามตัวนั้น ให้พวกเจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”
จื่อโยวกล่าวว่า “มันอันตรายมากหากเจ้าจะจัดการพวกเขาทั้งสองด้วยตัวคนเดียว ข้าจัดการเอง!”
ยิ่งผู้คุมปีศาจแห่งความมืดตั้งใจบีบบังคับให้จิ่วเยี่ยแสดงพลังที่แข็งแกร่งออกมามากเท่าไร จื่อโยวก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น โชคดีที่คราวที่แล้วสะกดมันเอาไว้ได้ หากคราวน นี้คำสาประเบิดออกมาอีกครั้ง จะยังทำได้อยู่หรือไม่?
นี่คือสถานการณ์แห่งความเป็นความตาย แน่นอนเขารู้ดีว่าไม่อาจเอาแต่เชื่อในโชคใด ๆ ได้อยู่แล้ว
“นี่คือคำสั่งของข้า! ที่เจ้าจำเป็นต้องฟัง” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
จื่อโยวกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ตกลง! เจ้าก็ระวังตัวด้วย อย่าบุ่มบ่าม คิดถึงคนงามเข้าไว้”
ฝูเซิงกล่าวว่า “ถ้าเขาอยากจะอวดดี เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาอวดดีไปเถอะ! พวกเราสองคนมาจัดการเจ้าสามคนนี้ดีกว่า”
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวว่า “ใต้เท้าจื่อโยว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยพ่ายแพ้ต่อลูกน้องของข้ามาแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้ามาสู้กับข้าอีก! กระบวนท่าสังหารที่เจ้าโดนเมื่อครู่นี้ ไม่ท ทำให้เจ็บบ้างหรืออย่างไร?”
จื่อโยวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “แน่นอนว่ามันต้องเจ็บอยู่แล้ว ดังนั้นข้าเลยต้องการจะส่งคืนให้พวกเจ้านับพันนับหมื่นเท่าอย่างไรล่ะ พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ”
ทั้งฝูเซิงและจื่อโยวต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันทั้งคู่ แต่เมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสามคนก็ถูกจิ่วเยี่ยทำร้ายมาหนักหนาเช่นกัน ฉะนั้นสภาพของทั้งสองฝ่ายจึงมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไรนั ก
และหากพวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเผชิญหน้ากับราชาวิหคนรกแห่งความตายหรือผู้คุมปีศาจแห่งความมืด นั่นก็คงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตแน่นอน ดังนั้นจิ่วเยี่ยจึงให้พวกเขาไปจัดการอ๋อ องทั้งสามคนนั้นแทน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ปล่อยข้า! ข้าไปหลบในที่ไกล ๆ ก็ได้แล้ว เป็นเช่นนี้มันเหมือนกับมัดมือมัดเท้าเจ้าเสียเปล่า ๆ”
“ตอนที่เข้ามาในมิติแห่งนี้ ซีคอยปกป้องข้าอยู่ตลอด! ตอนนี้ถึงคราวที่ข้าต้องปกป้องซีบ้างแล้ว ซีอยู่ข้างกายข้า ถึงจะปลอดภายที่สุด” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
“ปลอดภัยหรือ หากพวกเจ้าต้องการตายไปด้วยกัน และทำเหมือนเป็นความรักแสนหวานอันขมขื่น ข้าก็จะช่วยทำให้สมปรารถนาเอง” ราชาวิหคนรกแห่งความตายคำรามลั่น
ตูมม โครมมม!
ในการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่ง หากต้องการหาผู้แพ้ชนะ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่สามารถตัดสินกันได้ในระยะเวลาอันสั้นอยู่แล้ว
ผนึกของหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ได้ถูกทำลายลง เนื่องจากพลังอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้พื้นที่ที่อยู่โดยรอบพังทลายลง และเปลี่ยนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศของม มิติทลายนภาอันมืดมิดแห่งนี้
แต่ทว่าหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์ ได้ตั้งตระหง่านอยู่เหนือสนามการต่อสู้อย่างนิ่งสงบ
ราวกับการต่อสู้ที่อยู่เบื้องล่างนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับมันเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่มหาศาลหรือแข็งแกร่งมากเพียงใด จิ่วเยี่ยก็ไม่คิดที่จะปล่อยมู่เฉียนซีไปเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีไม่อยากทำอะไรเลย หรือทำอะไรไม่ได้กันแน่?
ไม่ว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่อันตรายมากเพียงใด นางก็ยังคงอยู่ข้างกายจิ่วเยี่ยได้อย่างปลอดภัยที่สุด
เพราะนางไม่อยากให้เกิดเรื่องใด ๆ กับจิ่วเยี่ย ดังนั้นตอนนี้จึงอยู่ข้างกายเขาและเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งไปด้วยกัน
ในที่สุดนางก็สามารถทำอะไรบางอย่างแล้ว?
ทันใดนั้น พลังแห่งชีวิตที่แข็งแกร่งมากของมู่เฉียนซีก็ระเบิดออกมา
พลังแห่งชีวิตนี้ได้กลายเป็นแสงสว่างภายในมิติทลายนภาแห่งนี้ และมันก็ได้ห่อหุ้มจิ่วเยี่ยเอาไว้
พลังส่วนนี้ ได้ทำให้ราชาวิหคนรกแห่งความตายรู้สึกเหมือนได้เห็นไม้เทพแห่งชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งแน่นอน ฉะนั้นนางย่อมไม่ใช่ไม้เทพแห่งชีวิตอยู่แล้ว
แม้ว่ามนุษย์จะมีโอกาสได้รับพลังแห่งชีวิตโดยบังเอิญ แต่ก็ไม่มีทางเป็นเหมือนไม้เทพแห่งชีวิตได้ขนาดนี้นี่นา! ช่างน่าแปลกประหลาดจริง ๆ!
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ถึงพลังอันแสนอบอุ่นนี้ ซึ่งก็เป็นเพราะว่ามันคือพลังของชิงอิ่งนั่นเอง
ชิงอิ่งพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้นางบรรลุความปรารถนา แล้วนางจะมาพ่ายแพ้อยู่ที่นี่ได้อย่างไร
พลังแห่งชีวิตได้ช่วยบรรเทาสถานการณ์ของจิ่วเยี่ยเอาไว้ มันจึงทำให้จิ่วเยี่ยสามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมออกมาได้โดยไม่ส่งผลกระทบทางด้านลบต่อเขา
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีระเบิดออกมา ซึ่งพลังจิตวิญญาณของนางก็แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองคนนี้เลย และนี่ก็ได้ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปมากทันที
พวกเขาจ้องมองไปยังคนที่จิ่วเยี่ยปกป้องเอาไว้อย่างตื่นตกใจ ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่สามารถถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่าทันทีที่นางลงมือ กลับสร้างปัญหาให้กับพวกเขาได้มากมาย ความสามารถของนางแต่ละอย่างนั้นพิเศษเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจเทียบเคียงได้เลยด้วยซ้ำ
ตูมมม!
ถึงผู้คุมปีศาจแห่งความมืดจะไม่ขมวดคิ้ว แต่ก็รู้ดีว่าสถานการณ์นี้ก็ย่ำแย่มากเพียงใด
เขาคำรามออกมาว่า “ราชาวิหคนรกแห่งความตาย เลิกซ่อนพลังของเจ้าได้แล้ว ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวมาก! หากข้าสูญเสียพลังในการต่อสู้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดไปได้อย่างนั นหรือ? จงทุ่มแรงทั้งหมดซะ”
สัญชาตญาณของสัตว์ร้ายได้บอกกับราชาวิหคนรกแห่งความตายว่า หากไม่ทุ่มพลังทั้งหมดในการรับมือกับมนุษย์ผู้นี้แล้วละก็ มันจะต้องตายจริง ๆ อย่างแน่นอน
หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้คนอื่น ๆ ถึงจะสู้ไม่ได้แต่ก็หนีได้ แต่สำหรับคู่ต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้าผู้นี้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เป็นแน่
ส่วนผู้หญิงที่ครอบครองจิตวิญญาณแห่งโชคชะตาผู้นั้น แน่นอนว่าไม่สามารถปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ และเติบโตต่อไปได้
มิเช่นนั้นนางจะต้องกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นหายนะของเทพมรณะของพวกมันแน่นอน
“ตกลง!” ร่างของราชาวิหคนรกแห่งความตายเปลี่ยนเป็นมีขนาดใหญ่ขึ้นครั้งแรก หลังจากที่เพิ่งจะทะลวงออกมาจากผนึกของหอคอยนิรันดร์บ้านั่นได้สำเร็จ
เดิมทีมันไม่ต้องการใช้พลังของมันมากจนเกินไป เพราะหากผลาญพลังมากเกินไปก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ร้อยปีถึงจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้นั่นเอง
แต่ทว่าศัตรูนั้นวิปลาสมากเกินไป มิเช่นนั้นมันก็คงไม่ต้องกังวลมากขนาดนี้
ตูมมม โครมมม!
เสียงอันน่าสะพรึงกลัวได้ดังกึกก้องออกมา และมู่เฉียนซีก็มองไม่เห็นร่างของใครเลย
ตอนนี้นางทำได้เพียงพักพิงอยู่ในอ้อมแขนของจิ่วเยี่ย และใช้พลังจิตวิญญาณเพื่อรับรู้สถานการณ์การต่อสู้ของพวกเขาเท่านั้น นอกจากนี้นางยังใช้พลังจิตวิญญาณเพื่อรอโอกาสในการลอบโจมต ตีอีกด้วย