ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2496 ทั้งโง่เง่าทั้งน่าเกลียด
ตูมมม โครมมม!
จื่อโยวและฝูเซิงก็กำลังต่อสู้อยู่กับอ๋องทั้งสามคนเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสกันหมดแล้ว
ยาลูกกลอนรักษาที่อ๋องทั้งสามนำมาด้วยได้หมดลงหลังจากที่ต่อสู้มาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาค้นพบว่าของพวกจื่อโยวและฝูเซิงนั้นยังเหลืออีกมากเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้พวกเขากินกันทีละเม็ดเท่านั้น แต่อีกฝ่ายนั้นกินกันทีละขวด
เดิมทีพวกเขาคิดว่าคนที่ผลาญยาไปอย่างสิ้นเปลืองและใช้จนหมดไปก่อนจะต้องเป็นพวกจื่อโยวและฝูเซิงอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…
อ๋องแห่งคุกอสูรบ่นพึมพำว่า “บัดซบเอ้ย! เหตุใดพวกเขาถึงได้นำยามาเยอะขนาดนี้! คุกโลหิตคงไม่ได้ลักพาตัวคนจากสำนักปรุงยาขั้นสูงที่อยู่ข้างบนที่ไหนมาหรอกกระมัง!”
จื่อโยวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น่าขัน หากพวกเราต้องการยาเหตุใดถึงต้องยุ่งยากขนาดนั้นด้วยล่ะ? อย่างไรเสียพวกเจ้าก็จะต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าจะบอกพวกเจ้าก็แล้วกัน! พระชายาของคุกโลหิตของพวกเราก็คือหมอปีศาจในตำนาน จะต้องการยาเท่าไรก็ย่อมได้! เหตุใดถึงต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากถึงขนาดนั้นด้วย?”
“อะไรนะ? คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหมอปีศาจ” อ๋องแห่งคุกลับกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
แดนนรกนั้นนิ่งสงบราวกับน้ำนิ่งมาโดยตลอด แต่การปรากฏตัวของหอหมอปีศาจกลับทำให้มีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในแดนนรกแห่งนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้คนภายในแดนนรกมีความรู้ความเข้าใจใหม่ ๆ เกี่ยวกับคุณภาพของยาลูกกลอน และทำให้พวกเขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วก็สามารถหายาลูกกลอนที่ดีเช่นนี้ในราคาที่ต่ำถึงขนาดนั้นได้
เพียงแต่หลังจากที่ประกาศสงครามออกไป หอหมอปีศาจที่อยู่ในแดนนรกทั้งหกก็ถูกปิด และถึงพวกเขาต้องการจะซื้อยาลูกกลอนก็ไม่อาจซื้อหาได้แล้วเช่นกัน
นี่คือคำสั่งของคุกโลหิต พวกเขาจึงคาดเดาว่าหมอปีศาจผู้นั้นจะต้องเป็นคนของหวงจิ่วเยี่ยอย่างแน่นอน
เพียงแต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหมอปีศาจผู้นั้นจะไม่ได้เป็นเพียงแค่คนของหวงจิ่วเยี่ยเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้หญิงของเขาอีกด้วย
อายุยังน้อยแค่นี้ แต่กลับกลายเป็นนักปรุงยาที่วิปลาสขนาดนี้เสียแล้ว
ก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกว่าหวงจิ่วเยี่ยนั้นเป็นเพียงแค่คนที่ดีแต่เปลือกนอกคนหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งได้รู้ว่าหวงจิ่วเยี่ยก็เป็นสมบัติอันล้ำค่าชิ้นหนึ่งเช่นกัน
“พวกเจ้าทั้งสองคนอย่าได้ใจเกินไปนักเลย เพราะคนที่ต้องพ่ายแพ้ ต้องเป็นพวกเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว” อ๋องแห่งคุกลับกล่าว
“มาสู้กันเถอะ! การต่อสู้ครั้งนี้ หากพวกเขาไม่ตาย ก็เป็นพวกเราที่ตาย!” พลันนั้นอ๋องแห่งคุกลับก็ได้ยื่นคำขาดกับอ๋องแห่งคุกอสูรและอ๋องแห่งคุกรากษสทันที
ในเมื่อพวกเขาเดินมาจนถึงจุดนี้แล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงเดินไปจนถึงจุดสุดท้ายเท่านั้น
อ๋องแห่งคุกอสูรกล่าวว่า “ไม่ต้องใช้คำพูดไร้สาระของเจ้า พวกเราก็เข้าใจแล้ว!”
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งห้าคนก็ต่อสู้กันจนถึงขั้นที่ว่าดุเดือดอย่างที่สุดเลยทีเดียว
ทุกคนต่างใช้พลังทั้งหมดที่ตนเองมี และพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลัง
ตูมมม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังออกมา เศษหินปลิวว่อนไปทั่วบริเวณโดยรอบ และร่างทั้งห้าก็พุ่งทะยานออกไป
พรวด พรวด พรวด!
เลือดสด ๆ พุ่งสาดกระเซ็นออกมา และพลังที่มีอยู่ก็ได้หมดลง จนตอนนี้พวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก
“พวกเรามีกันถึงสามคน ขอเพียงคนหนึ่งสามารถฟื้นฟูพลังได้เล็กน้อยก็จะสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้ เช่นนั้นก็จะสามารถตัดหัวของพวกเจ้าทั้งสองคน และโยนหัวของพวกเจ้าทิ้งลงพื้นได้อย่างแน่นอน!” อ๋องแห่งคุกลับกล่าวอย่างอ่อนแอ
จื่อโยวกล่าวว่า “ข้าและเขาต่างก็ไม่ใช่มนุษย์ เจ้าลองดูก็ได้ว่าใครจะสามารถฟื้นตัวได้ก่อนกัน”
สีหน้าของอ๋องแห่งคุกลับมืดมนลงทันที ต้องบอกว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของสัตว์ร้ายและพืชกลายพันธุ์นั้นแข็งแกร่งกว่าร่างกายของมนุษย์มากนัก
“ท่านผู้คุมปีศาจแห่งความมืด ท่านราชาวิหคนรกแห่งความตาย ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย พวกเราพยายามอย่างเต็มที่แล้วขอรับ” อ๋องแห่งคุกลับร้องคำรามออกมา
สำหรับจื่อโยวและฝูเซิงที่อ่อนแอจนไม่อาจต้านทานได้นั้น ทำให้ราชาวิหคนรกแห่งความตายฉายแววตาที่เต็มไปด้วยความโลภออกมา
ทั้งสองตัวนี้ตัวหนึ่งเป็นสัตว์ร้ายโบราณ มีสายเลือดที่บริสุทธิ์ อีกตัวหนึ่งเป็นพืชกลายพันธุ์ขั้นเทวะ หากสามารถกลืนกินพลังของพวกมันได้ ก็จะถือว่าเป็นอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อมันมาก
ด้วยยาชูกำลังที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ราชาวิหคนรกแห่งความตายจึงเตรียมที่จะลงมือทันที แม้ว่าผู้คุมปีศาจแห่งความมืดจะไม่เอ่ยปากก็ตาม
หลังจากที่มันกลืนกินจิตวิญญาณที่ทรงพลังจนเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มันก็จะสามารถจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดหวงจิ่วเยี่ยได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้น ราชาวิหคนรกแห่งความตายก็ได้สั่งให้วิหคนรกแห่งความตายจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังจื่อโยวและฝูเซิง
จื่อโยวบ่นพึมพำว่า “บัดซบเอ้ย! ยังเร็วไปที่จะดีใจ”
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าสองตัวนั่นตัวหนึ่งคือสัตว์พันธสัญญาของเจ้า อีกตัวหนึ่งเป็นพืชกลายพันธุ์พันธสัญญาของผู้หญิงของเจ้า หากเจ้าต้องการปกป้องนาง เช่นนั้นคงทำได้เพียงเฝ้าดูราชาวิหคนรกแห่งความตายกลืนกินจิตวิญญาณของพวกเขา และหลังจากนั้นมันก็จะเปลี่ยนกลายเป็นพลังที่เอามาไว้ใช้จัดการเจ้า! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
พรวด พรวด พรวด!
ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวด็ได้ลุกไหม้ขึ้นมารอบตัวของจื่อโยวและฝูเซิง ลำแสงสีแดงเลือดสว่างวาบขึ้นพร้อมกล่าวว่า “พวกเจ้าต้องอดทนเอาไว้ ส่วนที่นี่ข้าจะสกัดไว้ให้พวกเจ้าเอง!”
ถึงพวกของอู๋ตี้และเสี่ยวหงจะหดหู่มากที่ไม่สามารถช่วยจัดการคนระดับอ๋องได้ แต่พวกเขาสามารถจัดการพวกปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้ได้
แต่ทว่าทางด้านของเจ้านาย…
สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวหงรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้านกโง่พวกนี้จะมารังแกเจ้านายของข้า ช่างแกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียจริง”
เนื่องจากว่าทางด้านนี้มีเสี่ยวหงคอยสกัดกั้นพวกมันเอาไว้ จึงทำให้พวกของจื่อโยวไม่ตกอยู่ในอันตรายจากการถูกกลืนกินไปสักระยะหนึ่ง
ราชาวิหคนรกแห่งความตายโกรธเคืองเป็นอย่างมาก มันกล่าวว่า “เจ้าสัตว์เทพขยะเหล่านี้นี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาสร้างปัญหา ให้ตายเถอะ!”
ราชาวิหคนรกแห่งความตายรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก อย่างที่รู้กันว่าก่อนหน้านี้แม้ว่าจะเป็นสัตว์เทพระดับสูงสุดก็ยังไม่อยู่ในสายตาของมัน ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์เทพเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ
เสี่ยวหงและอู๋ตี้กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าว่าใครเป็นสัตว์เทพขยะกัน บัดซบเอ้ย!”
แรงกดดันที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของทั้งสองได้ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ แรงกดดันนี้ได้ทำให้ร่างกายของราชาวิหคนรกแห่งความตายที่กำลังต่อสู้อยู่กับหวงจิ่วเยี่ยสั่นเทาขึ้นอย่างรุนแรง มันจึงมองไปยังแมวและหมูตัวหนึ่งอย่างเหลือเชื่อ
“ที่แท้แล้วพวกเจ้าเป็น…”
พลังของพวกมันทั้งสองทำให้หอคอยจำลองนั้นเคลื่อนไหวทันที มันก็ทะยานมาอยู่เหนือเสี่ยวหง หลังจากนั้นพลังแห่งความมืดก็ปกคลุมลงมา และทำให้เสี่ยวหงรู้สึกไม่ดีไปทั่วทั้งตัว
มันเก็บพลังของตนเองเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เหอะ! พวกเจ้าทั้งสามเป็นสิ่งของของเจ้านายข้า ไม่ไปจัดการเจ้านกโง่ตัวนั้นยังไม่พอ ยังกล้ามาโอ้อวดกำลังต่อหน้าข้าอีก”
แน่นอนว่าเสี่ยวโม่โม่ตัวน้อยไม่ได้หยิ่งยโสเหมือนเจ้าสองตัวนี้ แต่เนื่องจากมันอยู่กับมู่เฉียนซีและพวกของเสี่ยวหงมาเป็นเวลานาน ฉะนั้นย่อมต้องไม่ใช่คนอ่อนไหวอยู่แล้ว
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “เจ้านกน่าเกลียด เจ้านกโง่เง่า อีกทั้งยังเหม็นสุด ๆ ไปเลย ช่างน่ารังเกียจนัก!”
แม้ว่าราชาวิหคนรกแห่งความตายจะมีสีขาว แต่กลับไม่ได้ดูดีเลย และเมื่อเทียบกับสีดำสนิทของเสี่ยวโม่โม่แล้ว รูปร่างภายนอกของมันก็ถือว่าทิ้งห่างไปเป็นหมื่นเป็นแสนโยชน์เลยทีเดียว
ราชาวิหคนรกแห่งความตายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าทารกน้อยนี่จะกล้าทำให้มันอับอายเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกหลานของเผ่าหงส์ แต่ก็น่ารังเกียจมากอยู่ดี
“พวกเจ้ารนหาที่ตายนัก!”
ราชาวิหคนรกแห่งความตายได้ถูกสัตว์อสูรทั้งสามของมู่เฉียนซีดึงดูดความสนใจไปแล้ว นอกจากนี้ยังถูกทำให้โกรธมากอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่านี่ก็เป็นเรื่องที่มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเช่นกัน แต่มันก็ได้สร้างโอกาสให้จิ่วเยี่ยสามารถโจมตีราชาวิหคนรกแห่งความตายตัวนี้ได้!
ตูมมม!
พลังที่น่าสะพรึงกลัวได้กลืนกินมันเข้าไป ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าโง่เอ้ย! เวลาเช่นนี้ยังกล้าเสียสมาธิอีก ศัตรูที่เจ้ากำลังเผชิญหน้าอยู่เป็นถึงหวงจิ่วเยี่ยเชียวนะ!”
เจ้านกตัวนี้ยังมีความฉลาดไม่พอ ซึ่งเสี่ยวโม่โม่ก็ด่าได้ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าเหตุผลที่ทำให้มันพลาดในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เป็นเพราะแรงกดดันอันทรงพลังที่ลึกลับของเสี่ยวหงและอู๋ตี้ต่างหาก
ตูมมม!
มันถูกพลังที่แข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยโจมตี ซึ่งนั่นก็ทำให้ปีกข้างหนึ่งของมันหายไป และนี่ก็ทำให้มันยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก
.