ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2499 อู๋หยาหลอกข้า
กลีบดอกบัวอันงดงามสว่างไสวอยู่ในมิติทลายนภาที่วุ่นวายแห่งนี้ ฝูเซิงกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “นั่นคือผู้พิทักษ์นิรันดร์ดอกบัวหงส์เก้ากลีบ ช่างงดงามยิ่งนัก! คิดไม่ถึงเลยว่ าข้าจะมีโอกาสได้เห็นมันเช่นนี้”
“กลีบดอกบัวเพียงกลีบเดียวยังงดงามขนาดนี้ หากว่ามันสมบูรณ์แล้วมันจะน่าทึ่งมากเพียงใดกันนะ!” เขากล่าวอย่างทอดถอนใจ
วิหคนรกแห่งความตายกล่าวว่า “ผู้คุมปีศาจแห่งความมืด เจ้าหลอกข้า! เจ้าบอกว่ามันป้องกันได้เพียงสามครั้ง แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้สกัดกั้นการโจมตีของข้าได้ถึงสี่ครั้งแล้วนะ”
นี่ก็เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเช่นกัน ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกัดฟันกล่าวว่า “อู๋หยาหลอกข้า! คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะหลอกข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แปลกตรงไหนที่อู๋หยาจะหลอกลวงเจ้า? เจ้าคงไม่ได้ลืมใช่หรือไม่ ว่าเจ้านายของอู๋หยาคือใคร? คนที่เขาภักดีด้วยคือใคร? คิดจะร่วมมือกับเทพพยากรณ์ ก็สมควรแล้ว ที่จะถูกหลอก!”
ตูมมม!
ทันใดนั้น จิ่วเยี่ยก็โจมตีราชาวิหคนรกแห่งความตายอย่างรวดเร็ว และทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทีละคนเพื่อกำจัดทิ้งเสีย!
เมื่อพลังของเศษชิ้นส่วนเริ่มอ่อนแอลง มู่เฉียนซีก็ถือเศษชิ้นส่วนของสุ่ยจิงอิ๋งเอาไว้ในมือของนาง
จิ่วเยี่ยกลับมาอยู่ข้างกายของนางอีกครั้ง จากนั้นก็ปกป้องนางเอาไว้อย่างแน่นหนา และพานางไปต่อสู้กับลูกน้องที่เหลืออีกสองคนด้วยกัน
เนื่องจากว่าผลที่ตามมาของความผิดพลาดเพียงชั่วขณะนั้นร้ายแรงมาก จึงทำให้พวกเขาในตอนนี้ทำได้เพียงถูกโจมตีด้วยความกดดัน เมื่อเผชิญหน้ากับจิ่วเยี่ยที่แข็งแกร่งเท่านั้น
ความจริงแล้วอู๋หยาก็ไม่ได้หลอกผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเช่นกัน เพราะเศษผู้พิทักษ์นิรันดร์ในตัวมู่เฉียนซีมีเพียงแค่สามชิ้น และสามารถป้องกันได้แค่สามครั้งเท่านั้นจริง ๆ
แต่เรื่องที่ว่าจิ่วเยี่ยเองก็มีเศษผู้พิทักษ์นิรันดร์อยู่อีกชิ้นหนึ่งเหมือนกันนั้น อู๋หยาไม่ได้บอกเขา ซึ่งมันจะต้องมีความหมายที่ลึกซึ้ง และก็เป็นเรื่องที่ผู้คุมปีศาจแห่งความ มมืดคาดไม่ถึงแน่นอน
เพราะการมีอยู่ของเศษชิ้นส่วนชิ้นนี้ จึงทำให้มู่เฉียนซีสามารถใช้การป้องกันครั้งที่สี่ได้ และทำให้แผนการของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดล้มเหลว
มิแปลกใจเลยที่อู๋หยาจะไม่กลัวว่าเจ้านายของเขาจะต้องมาตกอยู่ในมือเขา และถูกเขาพากลับไปทรมานและทารุณกรรมที่คุกปีศาจแห่งความมืดของเขา ที่แท้อู๋หยาก็ได้วางกลอุบายกับเขา มาตั้งแต่แรกแล้วนี่เอง
เขาไม่เพียงแต่ต้องการให้มู่เฉียนซีผู้หญิงที่เป็นอุปสรรคคนนี้หายไปจากเจ้านายของเขาเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันอู๋หยายังต้องการกำจัดเขาที่สามารถคุกคามเจ้านายของเขา และเคยทำให ห้เจ้านายของเขาต้องขุ่นเคืองใจมาก่อนหน้านี้อีกด้วย
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดได้แต่ก่นด่าอยู่ภายในใจ เขาถูกหลอกแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้สามารถป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบได้อีกกี่ครั้งกันแน่ และสถานการณ์ในตอนนี สำหรับเขาก็ไม่ราบรื่นเอาเสียเลย!
วิหคนรกแห่งความตายเดือดดาลเป็นอย่างมาก มนุษย์นี่ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย น่ารังเกียจและไร้ยางอายเป็นที่สุด
มันกล่าวว่า “เจ้าไปขวางมันเอาไว้ ข้าจะต้องกลืนกินจิตวิญญาณอีกหนึ่งดวง”
“ตกลง! ข้าจะร่วมมือกับเจ้าเอง” ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดรู้ดีว่า หากต้องการเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาต้องเลือกร่วมมือกับราชาวิหคนรกแห่งความตาย มิเช่นนั้นเขาจะต้องถูกหวงจิ่ วเยี่ยฆ่าตายอย่างไร้ความปรานีแน่นอน
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเข้ามาต่อสู้กับหวงจิ่วเยี่ย และเมื่อพลังแห่งความมืดกับพลังปีศาจผสมผสานเข้าด้วยกัน พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ระเบิดออกมาเพื่อตรึงหวงจิ่วเยี่ยเอาไว้
ทันใดนั้นนกสีขาวขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัวตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมากลางท้องฟ้า ซึ่งนั่นก็ทำให้อ๋องแห่งคุกลับและอ๋องแห่งคุกรากษสตื่นตระหนกจนหน้าซีดเ เผือด
พวกเขากล่าวด้วยเสียงอันสั่นเทาว่า “นายท่านราชาวิหคนรกแห่งความตาย อย่าฆ่าพวกเราเลย! อย่า…”
“นายท่าน! โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด!”
ถึงพวกเขาจะร้องขอความเมตตา แต่มันจะมีประโยชน์อย่างนั้นหรือ?
ไม่มีประโยชน์น่ะสิ!
อ๋องแห่งคุกลับใช้พลังเฮือกสุดท้ายพุ่งกระโจนไปทางอ๋องแห่งคุกรากษส จากนั้นก็ใช้กริชอันแหลมคมเล่มหนึ่งแทงทะลุหัวใจของอ๋องแห่งคุกรากษสทันที
พรวด!
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นออกมา และอ๋องแห่งคุกรากษสก็จ้องมองไปที่เขาด้วยความตื่นตะลึง
ถึงจะเป็นพรรคพวกเดียวกัน แต่ในเวลาเช่นนี้หากไม่ทรยศแล้วละก็ คนที่จะต้องตายอาจจะเป็นเขาก็เป็นได้
อ๋องแห่งคุกลับกล่าวว่า “นายท่านราชาวิหคนรกแห่งความตาย ตอนนี้ข้าฆ่าคนผู้นี้ให้ท่านแล้ว เชิญท่านนำไปใช้เถิดขอรับ! คนเช่นนี้ ไม่มีคุณสมบัติมากพอให้ท่านต้องลงมือด้วยตนเองหร รอกขอรับ ข้าจัดการให้ก็เรียบร้อยแล้ว”
“เฮอะ! นี่แหละนะมนุษย์” ราชาวิหคนรกแห่งความตายกล่าวเยาะเย้ย
“ในเมื่อเห็นว่าเจ้าเชื่อฟังเช่นนี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน”
มันได้กลืนกินจิตวิญญาณของอ๋องแห่งคุกรากษสเข้าไปอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย และในเมื่อมีจิตวิญญาณของอ๋องมาบำรุงกำลัง จึงทำให้บาดแผลบนร่างกายของมันดีขึ้นมากเลยทีเดียว
อย่างไรเสียอ๋องหนึ่งคน ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของแดนนรกแห่งนี้เช่นกัน
มันเริ่มกระพือปีก และพุ่งทะยานไปทางจิ่วเยี่ยกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง
ตูมม โครมมม!
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายดุเดือดเป็นอย่างมาก และกลิ่นอายของจิ่วเยี่ยก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน
ภายในมิติทลายนภาแห่งนี้ นอกจากพลังแห่งความมืด และพลังแห่งความตายแล้ว ก็ยังมีพลังอื่นอีกพลังหนึ่งด้วย ซึ่งก็คือพลังคำสาปนั่นเอง
“แย่แล้ว!” สีหน้าของจื่อโยวที่กำลังฟื้นฟูพลังได้ทีละน้อยอย่างยากลำบากเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขากล่าวว่า “ฝูเซิง รีบรักษาตัวเร็วเข้า! หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เจ้าจะต้องพาคนงามหนีไป ส่วนข้าจะรั้งเยี่ยเอาไว้เอง”
ฝูเซิงกล่าวว่า “กลิ่นอายนี้มาอีกแล้ว เจ้านายของเจ้าผู้นี้นี่ช่างโชคร้ายจริง ๆ เลยนะ!”
“โชคร้ายอะไรกันล่ะ ข้าว่าเป็นเพราะสวรรค์อิจฉาความแข็งแกร่งของเยี่ย ฉะนั้น…”
“พวกเขาต้องตายแน่!” และทันใดนั้นจื่อโยวก็ได้ตัดสินพร้อมชี้ชะตากรรมของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกับราชาวิหคนรกแห่งความตายออกมา
หากคำสาปของจิ่วเยี่ยระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นเขาคงได้ทลายสวรรค์ล้างเทพ และไม่มีผู้ใดสามารถขวางทางได้ ซึ่งสภาพของเขาในตอนนี้ก็ถึงขีดที่เป็นอันตรายแล้ว
“จะ…เจ้า…”
และพลังเช่นนี้ ก็ได้ทำให้ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดสั่นกลัวเล็กน้อย
ตอนแรกที่จิ่วเยี่ยอยู่ในคุกปีศาจเขาไม่ได้โดนคำสาป และไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ด้วย เขาจึงคิดว่าต่อให้วิปลาสแค่ไหนก็คงไม่วิปลาสไปมากกว่านี้อีกแล้ว
นอกจากนี้อู๋หยาก็ไม่ได้บอกเขาว่าหวงจิ่วเยี่ยนั้นทรงพลังมากเพียงใด
ในตอนที่เขาได้ฟังแผนการของอู๋หยา ก็อยากที่จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้คำสาปที่อยู่ในร่างของจิ่วเยี่ยทำลายการกักขังออกมาให้ได้ เพราะมันถือว่าเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเขาเล ลยทีเดียว
ตูมมม โครมม!
พลังของจิ่วเยี่ยทำให้พวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และราชาวิหคนรกแห่งความตายกับผู้คุมปีศาจแห่งความมืดก็ถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป
จิ่วเยี่ยได้เริ่มจัดการราชาวิหคนรกแห่งความตายก่อนเป็นอันดับแรก
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
และหลังจากที่ต่อสู้กัน ปีกของราชาวิหคนรกแห่งความตายก็หายไปหมดในทันที
“ต่ำช้านัก!” แววตาของราชาวิหคนรกแห่งความตายดุร้ายเป็นอย่างมาก
แข็งแกร่งเหลือเกิน เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
และในเวลานี้ จิ่วเยี่ยก็ได้ผลักมู่เฉียนซีออกไป เขาได้ผลักนางไปยังตำแหน่งที่มีหอคอยนิรันดร์เหล่านั้นตั้งอยู่
มู่เฉียนซียืนอยู่กลางอากาศ และมองไปยังจิ่วเยี่ยที่ถูกปกคลุมด้วยพลังอันแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งนั้น นางขบฟันเอาไว้แน่น ตอนนี้ควรจัดการราชาวิหคนรกแห่งความตาย ก่อน จากนั้นค่อยจัดการปัญหาไปทีละอย่าง
จื่อโยวกล่าวว่า “โชคดีหน่อยที่เยี่ยยังพอมีสติอยู่บ้าง! เขายอมปล่อยคนงามออกมาแล้ว”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
มีเข็มหลายเล่มแหวกอากาศออกมา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้ารีบรักษาตัวเร็วเข้า!”
เข็มยาได้เจาะลงไปบนผิวหนังของพวกเขา และมู่เฉียนซีในเวลานี้ก็กำลังปะทะอยู่กับหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์เหล่านั้น
หอคอยจำลองหนึ่งอันได้เปลี่ยนกลายเป็นสามอัน ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงใช้พลังจิตวิญญาณในการตรึงพวกมันเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ยอมรับข้าเป็นเจ้านายซะ! เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
นางใช้พลังจิตวิญญาณบีบบังคับให้หอคอยจำลองทั้งสามผูกพันธสัญญาณอย่างเผด็จการ และตอนนี้มู่เฉียนซีก็ไม่มีเวลามาสนใจมรดกของการฝึกสัตว์อสูรที่อยู่ในนั้นเหล่านั้น จึงได้ทิ้งเอาไว้ ก่อน
สิ่งเดียวที่นางให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือ การใช้หอคอยจำลองนี้เพื่อไปจัดการกับราชาวิหคนรกแห่งความตายตัวนั้น
ซึ่งมันก็มีหนทางสำหรับจัดการจริง ๆ!
ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบสองรุมหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังคงถูกหวงจิ่วเยี่ยบดขยี้อยู่ดี
ในตอนแรกที่พวกเขาร่วมมือกันยังรู้สึกว่าชัยชนะอยู่ในเงื้อมมือของตนเองอยู่เลย แต่พอมาถึงตอนนี้ พวกเขากลับเริ่มถอดใจเสียแล้ว