ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2501 เผ่าหงส์เทพ
ฝูเซิงกล่าวว่า “ใช่แล้ว! สัตว์บินได้อย่างเจ้าทั้งอ่อนแอทั้งโง่เง่า ฉะนั้นเจ้านายของเจ้าผู้นั้นน่าจะหาที่ดีกว่าเจ้าได้ง่ายมากอยู่แล้ว”
หลังจากที่จื่อโยวและฝูเซิงซ้ำเติม มันก็ได้ทำให้ราชาวิหคนรกแห่งความตายตัวนั้นปวดร้าวใจแทบแตกสลายเลยทีเดียว
“ไม่มีทาง! ไม่มีทางหรอก!”
“แคว่กกก!”
มันทั้งร้องคำราม ทั้งคร่ำครวญ จนสุดท้ายก็หายไปจากเบื้องหน้าของพวกเขา และถูกขังอยู่ในหอคอยจำลองของหอคอยนิรันดร์แห่งนี้
จื่อโยวถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางกล่าวว่า “ในที่สุดก็จัดการเจ้านกโง่ตัวนี้ได้เสียที คนงาม พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ!”
“ใช่แล้ว! เจ้าตัวน้อย ภายในมิติทลายนภาแห่งนี้ค่อยข้างอันตราย มันอาจจะพังทลายได้ตลอดเวลา พวกเรารีบออกไปกันเถอะ” ฝูเซิงกล่าว
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังการต่อสู้อันดุเดือดของร่างสีดำทั้งสองนั้น และส่ายศรีษะพลางกล่าวว่า “ไม่! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะรอดูชัยชนะของจิ่วเยี่ย จะดูเขาเอาชนะผู้คุ้มปีศาจแห ห่งความมืด”
“คนงาม!” จื่อโยวผงะไปเล็กน้อย แล้วหลังจากที่เยี่ยเอาชนะผู้คุ้มปีศาจแห่งความมืดได้ล่ะ!
บางทีเขาอาจจะดุร้ายและไม่สามารถควบคุมได้ยิ่งกว่าหลังจากที่ต่อสู้กับต้นไม้แห่งความตายคราวที่แล้วก็ได้ และแม้ว่าคนงามจะรู้ว่าสถานการณ์นั้นร้ายแรงมากเพียงใด แต่นางก็ยังคงไม่ ยอมไปอยู่ดี
“เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ! หากเจ้านายตัวน้อยไม่อยากจากไปเองละก็ เช่นนั้นเมื่อข้าหายดีแล้ว ข้าจะมัดเจ้าตัวน้อยแล้วพาหนีไปเลย” ฝูเซิงก็รู้ว่าอ๋องจิ่วเยี่ยได้สูญเส สียการควบคุมไปแล้ว เขาสูญเสียการควบคุมจนไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น ฉะนั้นเขาจึงอยากพาเจ้านายของเขาออกไปให้ไกลจากอันตรายมากที่สุด
“พวกเจ้าอย่าอวดดีไปหน่อยเลย หากต้องต่อสู้จริง ๆ! ข้าว่าพวกเจ้าก็น่าจะสู้ข้าไม่ได้เช่นกัน” มู่เฉียนซีกล่าวพลางกวาดสายตาไปทางพวกเขา
ผลของยาฟื้นฟูของนางเห็นผลดีเป็นอย่างมาก แต่ที่พวกเขาต่อสู้กับราชาวิหคนรกแห่งความตายเมื่อครู่นี้ ก็ได้ทำให้พวกเขาเผาผลาญพลังไปอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้เริ่มที่จะทนไม่ไหวอีกแ แล้ว
พวกเขายืนตัวตรงด้วยอาการสั่นเทาเล็กน้อย จื่อโยวกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “พวกเราหลอกสายตาท่านหมอปีศาจไม่ได้เเลย!”
ตึง ตึง!
เมื่อเสียงสองเสียงดังขึ้น ร่างทั้งสองก็ล้มลงไปที่พื้น และตอนนี้พวกเขาก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
มู่เฉียนซีอยู่ด้านข้างเพื่อพักผ่อน เพราะหลังจากการต่อสู้กับราชาวิหคนรกแห่งความตาย พลังของนางก็ถูกผลาญไปจนหมดและจำเป็นต้องฟื้นฟูเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อย่ากังวลไปเลย! ช้าเชื่อในตัวจิ่วเยี่ย ว่าเขาจะต้องไม่มีทางถูกคำสาปบ้านั่นควบคุมจนเสียสติไปอย่างสมบูรณ์ และทำร้ายข้าอย่างแน่นอน”
“ขอเพียงพวกเราเฝ้าดูเขาอย่างเงียบ ๆ คอยดูจิ่วเยี่ยเอาชนะเจ้าสารเลวที่เคยทำร้ายเขาก่อนหน้านี้ผู้นั้นได้ก็พอแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย แววตาของนางแน่วแน่ และเต็มไปด้วย ยความเชื่อมั่นในตัวจิ่วเยี่ย
ฝูเซิงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ตกลง! ข้าจะอยู่ดูเป็นเพื่อนเจ้านายตัวน้อยก็แล้วกัน”
จื่อโยวกล่าวว่า “ก็จริง! ตอนแรกที่จิ่วเยี่ยเข้าไปในคุกปีศาจแห่งความมืด เขาก็ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้เลยแม้แต่น้อย ส่วนตาเฒ่าผู้นี้ก็อาศัยว่าตนเองสามารถใช้พลังวิญญาณได้ จึงมาโอ้อวดพลังของตนเองต่อหน้าเยี่ย และทุกครั้งเยี่ยก็มักจะถูกเขาทรมานจนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายเสมอ”
“เอ๊ะ! ดูเหมือนว่าข้าจะพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูดไปเสียแล้ว คนงามเจ้าห้ามบอกเยี่ยเด็ดขาดเลยนะ! มิเช่นนั้นเยี่ยได้ฆ่าข้าเป็นแน่” จื่อโยวปิดปากของตนเองอย่างรีบร้อน
แววตาของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที นางกล่าวกับจื่อโยวว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางให้คนอื่นรู้แน่นอน และจะไม่ปล่อยผู้คุ้มปีศาจแห่งความมืดไปด้วย อยู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าการปล่อยให ห้เขาถูกพลังของจิ่วเยี่ยทำลายโดยตรงเช่นนี้ มันจะง่ายเกินไปสำหรับเขาจริง ๆ!”
“ก็นั่นน่ะสิ! แต่จัดการเจ้าหมอนี่ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะอย่างไรเสียเขาเองก็จัดการได้ไม่ง่ายเช่นกัน” จื่อโยวกล่าวตอบ
ตูมมม!
มีเสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมา และร่างกายของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดในเวลานี้ก็เต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน
ฉัวะ!
ถึงท่าทางของเขาจะน่าสมเพชมาก แต่เนื่องจากว่าเขามีความสามารถที่แข็งแกร่งเพียงพอ จึงทำให้ตอนนี้เขาก็ยังคงไม่มีอันตรายถึงชีวิตอยู่ดี
และทันทีที่จิ่วเยี่ยลงมืออีกครั้ง ก็มีโล่เจ็ดอันปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
โล่แต่ละชิ้นเปรียบเสมือนปีกของหงส์ก็มิปาน ซึ่งมันก็สามารถสกัดกั้นการโจมตีของจิ่วเยี่ยเอาไว้ได้ และยังทำให้ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดไม่ต้องตายเพราะการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ อีกด้วย
ปังงง!
พลังเปลวเพลิงอันแข็งแกร่งพัดโหมกระหน่ำใส่จิ่วเยี่ย ถึงจิ่วเยี่ยจะสามารถหลบหลีกเปลวเพลิงเหล่านี้ได้ แต่แววตาของจิ่วเยี่ยในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นอันตรายมากขึ้นไปอีก
“อะไรน่ะ? เหตุใดโล่หงส์ผกผันถึงได้มาอยู่ในมือของผู้คุ้มปีศาจแห่งความมืดได้กันล่ะ?” จื่อโยวจ้องมองไปยังโล่ทั้งเจ็ดชิ้นนั้น พร้อมแววตาที่ลุกโชนไปด้วยความเดือดดาล
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “โล่หงส์ผกผันอย่างนั้นหรือ? มันคืออะไร?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! โล่หงส์ผกผัน ก็คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันหลักของหัวหน้าเผ่าหงส์เทพน่ะสิ! คิดไม่ถึงล่ะสิว่าเหตุใดสมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้ถึงได้มาตกอยู่ในมือเจ้าแห่งแดนน นรกที่โสมมเช่นนี้! ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ในเมื่อผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเช่นข้ามีสิ่งของเช่นนี้ ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย เจ้าทนทำลายมันได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าทนได้อย่างนั้นหรือ?” ผู้คุ้มปีศาจแห่งคว วามมืดที่คุ้นเคยกับโล่หงส์ผกผันเป็นอย่างมากหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
จิ่วเยี่ยกำหมัดแน่น และพลังที่น่าสะพรึงก็ระเบิดออกมาจนทำให้คนหายใจไม่ออก
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวว่า “ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย เจ้าก็คงไม่คิดว่าสิ่งของชิ้นนี้จะมาตกอยู่ในมือข้าอย่างนั้นสินะ! ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าข้า ก็ต้องทำลายมันด้วย หากเจ้าทนได้ละก็นะ !”
“ในตอนแรก คนผู้นั้นต้องการให้ข้าช่วยทำให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็นในคุกปีศาจแห่งความมืดแห่งนี้ ขอเพียงข้าสามารถทำได้ เขาก็จะตอบแทนข้าด้วยสมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้! คนอย่างเขา แม้ว่าจะเป็นสมบัติอย่างโล่หงส์ผกผันเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย? เพราะอย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ป้องกันอยู่ดี” มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้น นมาบนใบหน้าของผู้คุมปีศาจแห่งความมืด
“สิ่งของที่เขาเคยสัมผัสและมอบให้คนอื่นไปแล้ว ก็เป็นเพียงของสกปรกเท่านั้น เหตุใดข้าถึงไม่อยากทำลายมันกันล่ะ!” ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกเปลี่ยนเป็นล้ำลึกและอันตรายขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น พลังของจิ่วเยี่ยก็ระเบิดออกมาอย่างไม่เหลือไว้เลยแม้แต่น้อย
ตูมมม!
พลังแห่งความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำลายล้างอย่างป่าเถื่อน และเปลวเพลิงของโล่หงส์ผกผันก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแอมากขึ้นเรื่อย ๆ
แกร่ก!
และภายใต้พลังการทำลายล้างของจิ่วเยี่ย ก็ได้ทำให้โล่หงส์ผกผันนี้เริ่มแตกร้าว และหายไป…
ดวงตาคู่นั้นของจื่อโยวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ มู่เฉียนซีรู้ว่าโล่หงส์ผกผันนี้จะต้องมีต้นกำเนิดบางอย่าง และมันจะต้องมีความพิเศษต่อจิ่วเยี่ยด้วยแน่นอน
“จิ่วเยี่ย!” มู่เฉียนซีตะโกนเรียกชื่อของเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
และโล่หงส์ผกผันชั้นที่หนึ่งนี้ก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดในเวลานี้บาดเจ็บจนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย แต่ทว่าสภาพของจิ่วเยี่ยในเวลานี้ก็สูญเสียการควบคุมไปแล้วเช่นกัน
แววตาของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาเรียกคืนพลังของตนเอง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสะกดคำสาปนี้เอาไว้
“ดูเหมือนว่า โล่หงส์ผกผันนี้คงจะส่งผลกระทบต่อเจ้า ทำให้เจ้าตกอยู่ในสภาพสูญเสียการความคุมเร็วยิ่งขึ้นไปอีกสินะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” และผู้คุมปีศาจแห่งความมืดก็หัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าค คลั่งอีกครั้ง
“จิ่วเยี่ย!” จิ่วเยี่ยในเวลานี้ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงวิ่งเข้าไปหาเขาทันที
นางได้ฝังเข็มอาบยาพิษไปบนร่างกายของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดหลายสิบเข็ม ซึ่งมันก็ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยชั่วขณะหนึ่ง
“ซี!” จิ่วเยี่ยกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงอันทุ้มต่ำว่า “ซี…ซี…”
พลังแห่งชีวิตในร่างกายของมู่เฉียนซีระเบิดออกมาอีกครั้ง มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย! เจ้าจะไม่เป็นอะไร!”
“อย่างเด็ดขาด!”
“อื้ม!”
ทั้งสองกอดกันและกันอยู่เงียบ ๆ ราวกับว่าโลกใบนี้มีพวกเขาเพียงสองคนก็มิปาน
ฝูเซิงกล่าวว่า “เผ่าหงส์เทพ เป็นถึงเผ่าพันธุ์ที่ครอบครองตำแหน่งที่สูงที่สุดในแดนเทพ เหตุใดหัวหน้าเผ่าถึงได้ปล่อยให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพปกป้องเหนือสุดตกมาอยู่ในมือของขย ยะพรรนั้นได้”
เขาถูกขังอยู่ในขุมนรกโลหิตมาเป็นเวลานานเกินไปอย่างนั้นหรือ? เหตุใดเขาถึงไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้เอาเสียเลย