ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2502 เพื่อฆ่าเจ้า
จื่อโยวกล่าวว่า “เจ้าอย่าถามอะไรให้มากมายเลย”
จิ่วเยี่ยในเวลานี้ทำได้เพียงปิดกั้นการรับรู้ทั้งหมดของตนเองเอาไว้ เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อผนึกคำสาปเอาไว้ได้
อึดใจต่อมา ก็มีเสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในอากาศ “มู่เฉียนซี ในที่สุดเวลาที่ข้ารอคอยก็ได้มาถึงแล้ว”
ร่างสีขาวนวลราวดวงจันทราปรากฏตัวขึ้นมาในความว่างเปล่า ซึ่งเขาก็คืออู๋หยานั่นเอง คิดไม่ถึงเลยว่าคราวนี้เขาจะเดินมาเช่นนี้
จื่อโยวดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที หลังจากนั้นก็จ้องมองไปที่เขาด้วยความระมัดระวัง “อู๋หยา!”
“มู่เฉียนซี ข้ายอมใช้ทักษะลับทำให้ข้าสามารถเดินได้ เพื่อที่จะเดินมาตรงหน้าเจ้า และฆ่าเจ้าด้วยตนเอง” ดวงตาของอู๋หยาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีโดยไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีไม่แปลกใจต่อการปรากฏตัวของอู๋หยาเลยสักนิด
“เจ้านาย!”
จื่อโยวและฝูเซิงเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปขวางอู๋หยา แต่ผลปรากฏว่ากลับมีค่ายกลปรากฏออกมาหยุดพวกเขาเอาไว้ นอกจากนี้ยังขังพวกเขาเอาไว้อีกด้วย
ปึง!
คิดไม่ถึงเลยว่าเพราะค่ายกลนี้ จึงทำให้จื่อโยวและฝูเซิงไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว
“แค่ก แค่ก แค่ก!” ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดในเวลานี้หมดพลังไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เพราะเขาถูกวางยาพิษ ทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาแข็งทื่อราวกับหินก้อนหนึ่งก็มิปาน
“อู๋หยา แผนการทั้งหมดของเจ้า ก็เพื่อรอให้ถึงจุดนี้อย่างนั้นหรือ? เจ้านี่มันช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริง ๆ” ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าว
และสำหรับผู้คุมปีศาจแห่งความมืด อู๋หยาก็ไม่สนใจแม้แต่จะเหลือบมองเขาเลยด้วยซ้ำ
เขามองไปที่มู่เฉียนซีอย่างเฉยเมยพลางกล่าวว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำเนินมาถึงจุดนี้ล้วนเป็นไปตามที่ข้าคาดการณ์ไว้ คราวนี้ มู่เฉียนซีเจ้าหนีไม่รอดแล้ว”
“หากเจ้าสนใจฝ่าบาทจิ่วเยี่ยจริง ๆ แล้วละก็ เช่นนั้นก็จงมอบคัมภีร์หมื่นคำสาปออกมา และจงมอบวัตถุดิบในการถอนคำสาปออกมาด้วย ทั้งแก่นเลือดของหงส์นิลแห่งความมืด กระดูกมังกรขอ องมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง และยังมีหัวใจของไม้เทพแห่งชีวิตด้วย” อู๋หยากล่าวอย่างละเอียด นอกจากนี้เขายังรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ใช้ในการถอนคำสาปอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อู๋หยา หากข้ามอบคัมภีร์หมื่นคำสาปให้เจ้า เจ้าจะสามารถใช้ทักษะคำสาปได้เหมือนข้าอย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าทำได้อยู่แล้ว! ขนาดสาวน้อยอย่างเจ้ายังสามารถเรียนรู้ทักษะคำสาปได้เลย เหตุใดข้าถึงจะทำไม่ได้? ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่ไม่เคยสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเผ่าคำสาปมาก่อนเ เท่านั้นเอง” อู๋หยากล่าวตอบ
“เจ้าต้องการถอนคำสาปให้จิ่วเยี่ยด้วยตนเอง เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถจัดการกิเลนแห่งนรกได้อย่างนั้นหรือ?”
“กิเลนแห่งนรกอย่างนั้นหรือ เหตุใดต้องทำให้ยุ่งยากด้วยเล่า! หากไม่ใช่เพราะเจ้า ฝ่าบาทก็คงไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่ด้อยกว่า และปล่อยให้การถอนคำสาปเลื่อนมาเนิ่นนานถึงขนาดนี้ หรอก แม้ว่าตอนนี้กิเลนแห่งนรกจะเป็นกิเลนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ในสถานการณ์ที่เร่งด่วนเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นมันก็ได้ เพราะยังมีกิเลนอื่นอยู่อีกตัวหนึ่ง ซึ่งข ข้าก็สามารถทำนายออกมาได้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ใด? เพราะเผ่ากิเลนยังเหลือกินเลนอยู่อีกตัวหนึ่งอย่างไรล่ะ” อู๋หยากล่าวอย่างเฉยเมย
“เจ้ากล้าหรือ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเดือดดาล
แน่นอนว่านางย่อมรู้อยู่แล้วว่าคนที่อู๋หยากล่าวถึงก็คือท่านย่าของนางนั่นเอง
ด้วยความสามารถของอู๋หยา แม้ว่าพวกท่านย่ากับท่านปู่จะซ่อนตัวเป็นอย่างดี แต่ขอเพียงเขาพยายามพยากรณ์ด้วยความตั้งใจ เขาก็จะต้องสามารถหาพวกเขาเจอได้แน่นอน
“ฝ่าบาทเห็นว่าเจ้าเป็นดั่งชีวิต แต่เจ้าไม่ยอมสละแม้เรื่องเล็กน้อยนี่เลยด้วยซ้ำ เจ้านี่ช่างทำให้ฝ่าบาทต้องเสียความรู้สึกจริงๆ มู่เฉียนซี…”
“เอาออกมา!”
และพลังแห่งดวงดารา ก็คือพลังของอู๋หยานั่นเอง
พลังนี้ทำให้มู่เฉียนซีหายใจไม่ออก และเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ทว่าอู๋หยาก็ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ส่งมา!”
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋หยา เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้หรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถฆ่าข้าได้หรืออย่างไร?”
“เจ้าได้ใช้พลังของผู้พิทักษ์นิรันดร์ไปหมดแล้ว และพลังแห่งดวงดาวก็ยังเป็นอุปสรรคต่อการเชื่อมต่อระหว่างเจ้ากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อีกด้วย นอกจากนี้พวกเขาก็กำลังจำศีล ซึ่งเจ้าย่อมไม่สามารถปลุกพวกเขาได้! ดังนั้น ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีกแล้ว!”
มู่เฉียนซีคลี่ยิ้ม นางกล่าวว่า “อู๋หยา แผนการของเจ้าค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว!”
“เพราะข้าพลาดมาหลายต่อหลายครั้งแล้วน่ะสิ ฉะนั้นเลยจึงไม่อาจดูถูกเจ้าได้ นอกจากนี้ยังไม่อาจดูถูกจิตวิญญาณแห่งโชคชะตาที่สวรรค์โปรดปรานได้อีกด้วย” อู๋หยากล่าวพลางมองไปที่มู่เ เฉียนซี
“หากไม่ยอมส่งมาแล้วละก็ เช่นนั้นหลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าแล้ว ค่อยเอาออกมาเองก็ได้” แววตาของอู๋หยาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่เย็นยะเยือก เขาต้องการที่จะเข้าไปบีบคอของมู่เฉียนซีอย่างไ ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ในเวลานี้ มีเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังออกมา “ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยซีได้อย่างนั้นหรือ? เช่นนี้หากเป็นข้าล่ะ”
ตูมมม!
พลังแห่งความมืดอันไร้ขอบเขตที่น่าสะพรึงกลัวได้ทำลายพลังแห่งดวงดาราของอู๋หยาลงทันที และอู๋หยาก็ถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป
จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีเข้ามาในอ้อมแขน เขาปัดนิ้ววาดผ่านไปบนใบหน้าที่ซีดเผือดนั้น และจ้องมองไปที่อู๋หยาด้วยดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกราวกับเหวลึกก็มิปานคู่นั้น
หากเป็นคนอื่น เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นที่รุนแรงเช่นนี้ของจิ่วเยี่ย พวกเขาจะต้องหวาดกลัวและกังวลมากอย่างแน่นอน แต่ทว่าใบหน้าของอู๋หยาในเวลานี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ฝ่าบาทแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ท่านแข็งแกร่งขึ้นในตอนนี้อู๋หยาไม่รู้อย่างนั้นสินะพ่ะย่ะค่ะ”
เพียงแค่พริบตาเดียว อู๋หยาก็สามารถมองออกได้ทันที
ฝ่าบาทของเขาครอบครองพลังที่สามารถกลืนกินได้แม้กระทั่งพลังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุด หากไม่ใช่เพราะมีการป้องกันนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องถอนคำสาปเหล่านี้เลย
การคาดเดาของอู๋หยาถูกต้อง ไม่ว่าใครก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น!
เพราะในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังเรียนรู้ทักษะหมิงหลัว เขาก็รู้แล้วว่าพลังของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป
เขากับซีไม่ได้เพิกเฉยต่อการมีอยู่ของอู๋หยาที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ และค่อย ๆ มาจนถึงจุดสิ้นสุดนี้ทีละขั้น
ซึได้เสนอกลยุทธ์ที่อันตรายในการทำสงคราม และให้เขาแสดงร่วมกับนาง เพื่อล่องูให้ออกมาจากรู
มู่เฉียนซีรู้ว่า ในตอนที่ไม่มีการปกป้องจากจิ่วเยี่ย และสูญเสียการสนับสนุนอื่น ๆ ไปแล้ว อู๋หยาก็จะลงมือฆ่านางด้วยตนเอง ฉะนั้นเขาจะต้องปรากฏตัวออกมาแน่นอน
นางบังเอิญคิดแผนนี้ได้พอดี ซึ่งมันก็สามารถแก้ไขปัญหาอย่างอู๋หยาได้อย่างสมบูรณ์
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อู๋หยา เจ้ามักจะซ่อนตัวอยู่ในที่ลับและวางแผนร้ายเพื่อต่อต้านข้าเสมอ แต่พอตัวเองถูกวางแผนร้ายบ้าง รู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ?”
“เรื่องที่เกี่ยวกับฝ่าบาทจิ่วเยี่ยและอนาคตของเจ้า ข้าขี้เกียจเกินกว่าจะทำนายเรื่องเหล่านี้อย่างแม่นยำ ฉะนั้นคราวนี้ถือว่าข้าพลาดไปแล้วจริง ๆ” แม้ว่าจะถูกวางแผนการร้าย แม้ว่า จะต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว แต่อู๋หยาก็ยังคงนิ่งสงบราวกับสายน้ำอยู่ดี
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “อู๋หยา เจ้าควรหายไปได้แล้ว”
อู๋หยากล่าวว่า “ถึงแม้ว่าตอนนี้ฝ่าบาจะระงับคำสาป และฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้แล้ว แต่หากต้องการจะฆ่าข้า ฝ่าบาทยังไม่สามารถทำได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูสิ!” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางเหลือบมองไปทางเขา
ตูมมม โครมมม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา และภายในมิติที่ว่างเปล่านี้ก็ระเบิดออกทันที
พลังแห่งดวงดาราทั้งสว่างไสวและศักดิ์สิทธิ์ แต่ทว่าอู๋หยากลับไม่ใช่คนที่เปิดเผยและตรงไปตรงมาเอาเสียเลย
พลังแห่งความมืดโจมตีพลังแห่งดวงดาราราวกับห่าฝนก็มิปาน ทั้งมันยังต่อสู้และบดขยี้เขาอีกด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงของจิ่วเยี่ย สีหน้าของอู๋หยาก็เปลี่ยนกลายเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่าขาทั้งสองข้างของเขาเริ่มสั่นเทา แต่ทว่าเขาในตอนนี้ยังคงฝืนต่อไป
ในเวลานี้เอง พลังแห่งดวงดาราก็ได้วาดเค้าโครงค่ายกลล้อมรอบผู้คุมปีศาจแห่งความมืดเอาไว้ และผู้คุมปีศาจแห่งความมืดก็หายไปจากมิติทลายนภาแห่งนี้ทันที
จื่อโยวกัดฟันกล่าวว่า “ให้ตายเถอะ! คิดไม่ถึงเลยว่าอู๋หยาจะช่วยเจ้าผู้คุมปีศาจแห่งความมืดให้หนีไปได้ บัดซบเอ้ย!”
ตึงง!
อู๋หยาในตอนนี้ได้ช่วยเหลือคนผู้นี้ต่อหน้าต่อตาจิ่วเยี่ย ซึ่งเขาก็ได้จ่ายค่าชดใช้อย่างสาสมเช่นกัน
แต่หากต้องการจะฆ่าเขา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน จิ่วเยี่ยได้ขังเขาเอาไว้ และทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงาม คราวนี้เจ้าก็ต้องเป็นคนจัดการฆ่าเขา”
มู่เฉียนซีหยิบเข็มยาออกมาสามเข็ม จากนั้นนางก็มองไปที่อู๋หยาแล้วกล่าวว่า “อู๋หยา ที่เจ้ามีท่าทีที่สงบเช่นนี้ ก็เท่ากับบอกข้าว่า คราวนี้ นี่ก็ยังไม่ใช่ร่างหลักของเจ้าสินะ ะ! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าร่างหลักของเจ้าไปซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่?”