ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2505 ขุมนรกอสูร
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในฐานะที่ข้าเป็นนักปรุงยา ย่อมต้องใช้ความสามารถในการปรุงยาทำให้พวกเขายอมจำนนอยู่แล้ว”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อื้ม! ซีต้องการที่จะทำเช่นไรก็ทำเถอะ!”
“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาไปเตรียมตัวก่อนเถอะ” มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในหอหมอปีศาจ และให้คนไปส่งข้อความถึงเฉี่ยซื่อ
ตอนนี้เฉี่ยซื่อได้กลายเป็นคนที่เหมาะสมพอจะเป็นรองเจ้าหอแล้ว เขาสามารถจัดการทุกเรื่องได้อย่างเหมาะสม โดยที่มู่เฉียนซีไม่ต้องเป็นกังวลเลย
คนของหอหมอปีศาจแต่ละที่ทั่วแดนนรก ต่างก็หัวใจสั่นไหวทันทีที่ได้ยินชื่อของรองเจ้าหออย่างเฉี่ยซื่อ นั่นก็เป็นเพราะว่าท่านเฉี่ยซื่อนั้นน่ากลัวเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะดูเป็น นคนไร้พิษภัยแต่กลับโหดร้ายมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าเตรียมการเรียบร้อยแล้ว! เช่นนั้นพวกเราไปเดินรอบขุมนรกอสูรกันเถอะ!”
“ตกลง!” จิ่วเยี่ยก็เข้ามากอดมู่เฉียนซีเอาไว้
ทางตอนปลายของแม่น้ำซิวหลัว ก็คือหนทางที่พาไปยังขุมนรกอสูรนั่นเอง
คนพายเรือกล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “แม่นาง คุณชาย พวกเจ้า…พวกเจ้าจะไปที่ปลายแม่น้ำซิวหลัวอย่างนั้นหรือ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าวิวทิวทัศน์ของที่นั่นค่อนข้างดีเลยทีเดียว! ฉะนั้นจึงอยากจะไปดูสักหน่อย”
ไม่ใช่ว่าเมื่อไปถึงปลายแม่น้ำซิวหลัวแล้วจะสามารถเข้าไปในขุมนรกอสูรได้ แต่เพราะสถานที่แห่งนั้นสำหรับคนส่วนใหญ่แล้วถือว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างมาก ฉะนั้นจึงไม่มีคนโง่ พอที่จะตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น
แต่เมื่อคนพายเรือเห็นว่ามู่เฉียนซีจ่ายเงินค่าตอบแทนให้เขาเป็นจำนวนมาก เขาก็ยอมรับงานนี้ทันที
ทั้งสองคงจะเป็นคุณชายและคุณหนูที่ออกมาเที่ยวเล่นโดยมีคนคอยหนุนหลังอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งเขาก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างปลอดภัย
ระลอกคลื่นของแม่น้ำสีดำนั้นราวกับหมึกที่ดำสนิทก็มิปาน และด้วยสีอันลึกลับนี้ จึงทำให้จิ่วเยี่ยคอยเฝ้าอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีไม่ห่างอย่างเงียบ ๆ
มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย การที่ได้ติดตามซีไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ!
ทันใดนั้น ทางตอนปลายของแม่น้ำซิวหลัวก็มีลำแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็ตัดกับสีของแม่น้ำที่ดำราวกับสีของน้ำหมึกนี้เป็นอย่างยิ่ง
มันเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากภายใต้ท้องฟ้าที่ไร้ดวงดาวของแดนนรกแห่งนี้ ทว่ามันก็งดงามมากเหลือเกิน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “งดงามมาก! งดงามมากจริง ๆ!”
“อื้ม!”
คนพายเรือทำได้เพียงลดการมีอยู่ของตนเองลง หนุ่มสาวคู่นี้เริ่มแสดงความรักกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เพื่อที่จะได้ดูแสงดาวที่ปลายของแม่น้ำซิวหลัว คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเสี่ย ยงเสียเงินมากมายขนาดนั้นเพื่อมายังสถานที่แห่งนี้
ในตอนที่เขายังเป็นหนุ่ม หากมีความโรแมนติกถึงขนาดนี้ บางทีตอนนี้เขาอาจจะไม่ต้องครองตัวเป็นโสดอยู่แบบนี้ก็ได้!
ลำแสงที่งดงามของดวงดาวปรากฏขึ้นมาแค่เพียงชั่วครู่ ซึ่งมันก็อายุสั่นราวกับดอกไม้ไฟ
คนพายเรือกล่าวว่า “หนึ่งคืนมีเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ครานี้ทั้งสองท่านโชคดีมากจริง ๆ ทันทีที่มาถึงก็ได้เห็นมันเช่นนี้ มิทราบว่าท่านทั้งสองจะกลับเมื่อไรหรือขอรับ? บนผิวน้ำใ ในเวลากลางคืนเหน็บหนาวเป็นอย่างมาก มันไม่เหมาะที่จะอยู่นานเกินไปนัก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้ารอพวกข้าอยู่ที่นี่ก่อน พวกข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด! หากไม่อยากจะรอแล้วละก็ เจ้าจะไปเลยก็ย่อมได้!”
ทันทีที่พูดจบ คนพายเรือก็เห็นว่าคุณหนูน้อยผู้นี้ลากคุณชายผู้นั้นไป จากนั้นก็พุ่งทะยานไปยังปลายสุดของแม่น้ำซิวหลัวแห่งนั้น
หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ฉีกมิติออกโดยตรง และแม่สาวน้อยผู้นั้นก็เดินเข้าไปทันที
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “นะ…นั่นคือขุมนรกอสูรนะ! ขุมนรกอสูร คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะกล้าเข้าไปในขุมนรกอสูรเช่นนี้ ช่างบ้าเหลือเกิน! บ้าไปแล้ว!”
“ไม่ใช่สิ!”
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าไปในเรือนจำได้ตามอำเภอใจเสียหน่อย!
นอกจากนี้คนผู้นี้ยังฉีกมิติออกแล้วเดินเข้าไปอีกด้วย เกรงว่าน่าจะมีเพียงคนระดับอ๋องเท่านั้น ถึงจะมีพลังเพียงพอที่จะทำเช่นนี้ได้!
แต่หลังจากสงครามใหญ่ของแดนนรก อ๋องของคุกนรกทั้งหกรวมไปถึงอ๋องของคุกอสูรแห่งนี้ล้วนตายกันไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่อ๋องจิ่วเยี่ยคนเดียวเท่านั้น
และเมื่อเขานึกไปถึงพลังของคุณชายผู้นั้น รวมทั้งรูปร่างหน้าตาของสาวน้อยคนนั้น พระเจ้า! ดูเหมือนเขาจะเจอเข้ากับเรื่องเหลือเชื่อบางอย่างเข้าให้แล้ว
เกรงว่าคนผู้นั้นน่าจะเป็นอ๋องจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิตและนางก็คือพระชายาเป็นแน่
คู่รักคนอื่นมักจะออกไปท่องเที่ยวกันตามภูเขาและแม่น้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องจิ่วเยี่ยกับพระชายาของเขาจะบุกเข้าไปท่องเที่ยวกันในเรือนจำเช่นนี้
นอกจากนี้ยังบุกเข้าไปในเขตแดนขุมนรกอสูร ที่เป็นหนึ่งในเรือนจำที่อันตรายที่สุดของแดนนรกอีกด้วย
หากเป็นคนอื่นที่เข้าไปในขุมนรกอสูร คนพายเรือก็คงจะรู้สึกว่าคนผู้นั้นไม่มีทางมีชีวิตรอดออกมาได้แน่ แต่อ๋องจิ่วเยี่ยนั้นไม่เหมือนกัน เพราะเขาคือชายผู้แข็งแกร่งที่สามารถส สร้างตำนานด้วยการรวมแดนนรกให้เป็นหนึ่งเดียวได้นั่นเอง
แม้ว่าเขาจะเข้าไปในขุมนรกอสูร ก็จะต้องสามารถเดินออกมาได้อย่างง่ายดายแน่นอน
“นี่ก็คือขุมนรกอสูรอย่างนั้นหรือ!” ขุมนรกอสูรแห่งนี้ว่างเปล่ายิ่งกว่าขุมนรกสีโลหิตเสียอีก สถานที่แห่งนี้ไม่มีทั้งต้นไม้และดินอยู่เลย มันมีเพียงแค่ก้อนหินและเป็นพื้นที่ว่างเ เปล่าเท่านั้น
นอกจากเป็นหินสีดำแล้วก็ยังคงมีแต่หิน และมีเพียงแค่ระดับสูงต่ำเท่านั้นที่ต่างกัน ซึ่งบริเวณโดยรอบนั้นก็อ้างว้างปราศจากผู้คน
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “หากซีไม่ชอบที่นี่ เช่นนั้นพวกเราออกไปกันเถอะ”
ภายในนี้ไม่มีอะไรให้ดูมากมายนัก แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “ไหน ๆ ก็มาแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปดูกันก่อนเถอะ! ภายในขุมนรกอสูรแห่งนี้ก็น่าจะต้องมีคนดูแลเช่นกัน ไปหาเขาแล้วถาม มที่อยู่ของผู้คุมปีศาจแห่งความมืด หรือถามตำแหน่งของคุกปีศาจแห่งความมืดดูสักหน่อยเถอะ”
ไม่มีใครรู้ว่าคุกปีศาจแห่งความมืดถูกซ่อนไว้ที่ไหนกันแน่ ตอนที่พวกเขากวาดล้างเรือนจำเหล่านั้นก่อนหน้านี้ ผู้คนเหล่านั้นล้วนไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
เรือนจำที่อันตรายแต่ละแห่งล้วนมีการกำหนดที่ตั้งของตนเอง ในบรรดาเรือนจำนรกทั้งหมด มีเพียงคุกปีศาจแห่งความมืดที่เปรียบเสมือนที่อยู่ของจักรพรรดิก็มิปานเท่านั้นที่ไม่มีใครรู้ต ตำแหน่งของมันเลย
จิ่วเยี่ยกล่าวตอบว่า “ตำแหน่งของคุกปีศาจแห่งความมืดอาจจะถูกซ่อนไว้ เรารู้แค่ว่ามันอยู่ภายในแดนนรกแห่งนี้เท่านั้น แต่ทางเข้าของมันนั้นไม่แน่นอนนัก อย่างไรเสียข้าสามารถห หามันเจอได้แน่”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ที่อู๋หยาช่วยผู้คุมปีศาจแห่งความมืด เหตุผลต้องไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแน่นอน แต่เป็นเพราะอู๋หยารู้สึกว่าผู้ คุมปีศาจแห่งความมืดยังคงมีประโยชน์อยู่! คุกนรกทั้งเจ็ดล้วนเป็นอาณาเขตของเจ้าแล้ว หากเขาต้องการที่จะจัดการข้า เช่นนั้นก็มีแต่ต้องใช้ประโยชน์จากค่ายกลของเรือนจำนรกเหล่านั้น นเท่านั้น และคุกปีศาจแห่งความมืดก็คือฐานทัพใหญ่ของพวกเขา! เพียงแต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าไปในคุกปีศาจแห่งความมืดนั้นอีกแล้ว”
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้าไม่เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว!”
จิ่วเยี่ยนิ่งสงบเป็นอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องทุกข์ทรมานที่เกิดก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
ถึงเขาจะไม่สนใจ แต่มู่เฉียนซีกลับสนใจมากเป็นพิเศษ
“อย่างไรข้าก็ไม่อยาก จัดการที่นี่แล้วก่อนค่อยว่ากัน! หากเขาใช้เรือนจำเป็นฐานทัพจริง ๆ แล้วละก็ เช่นนั้นพวกเราก็ค่อย ๆ ทำลายไปทีละแห่งก็พอแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นคุกปีศาจแห่ งความมืดก็จะโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง และอู๋หยากับผู้คุมปีศาจแห่งความมืดย่อมต้องลำบากอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าว
บริเวณโดยรอบไม่มีคนอยู่เลย มันไม่มีคนอยู่จนมู่เฉียนซีรู้สึกว่าคนของขุมนรกอสูรแห่งนี้เข่นฆ่ากันเอง และหลังจากนั้นก็ตายกันไปจนหมดแล้วใช่หรือไม่
หลังจากที่พวกเขาเดินมาได้ระยะหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากด้านหน้า “อ๊ากกก! แย่แล้ว หนีเร็วเข้า! มันมาจับคนอีกแล้ว รีบหนี…”
ร่างเงาสีดำที่อยู่ตรงหน้าแต่ละคนนั้น มีอย่างน้อยประมาณพันคนเห็นจะได้ แต่ทว่าด้านหลังของพวกเขามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ล่าพวกเขาอยู่ ซึ่งอาวุธที่คนกลุ่มนั้นถือเอาไว้ในมือก็ คือเชือกเส้นหนึ่งนั่นเอง
เชือกเส้นนั้นได้กลายเป็นแซ่ขนาดยาว และจากนั้นมันก็ได้ช่วยกันรัดต้นคอ แขนและขาของผู้คนเอาไว้ หลังจากนั้นคนที่ลงมือก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าล่าเหยื่อได้คนหนึ่งแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าก็ได้เหมือนกัน!”
ความสามารถของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างมาก เพราะด้านหนึ่งมีพลังวิญญาณ ส่วนอีกด้านหนึ่งกลับไม่มีพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คนที่ถือเชือกกลุ่มนี้เหล่านั้น คือผู้คุม!”
“ในเมื่อเจอผู้คุม ฉะนั้นพวกเขาจะต้องรู้ว่าเจ้านายของพวกเขาอยู่ที่ไหนแน่นอน? ข้าจะไปถามเขา อย่างไรเสียความสามารถของผู้คนเหล่านี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไรนัก” และมู่เฉียนซีก็พ พุ่งทะยานออกไปทันที
ทุกคนต่างพากันวิ่งไปข้างหน้า แต่ทว่าร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งกลับพุ่งไปยังทิศทางที่ตรงกันข้ามกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
ผู้คุมเหล่านี้เองก็สังเกตเห็นร่างเงาสีม่วงร่างนั้นแล้วเช่นกัน พวกเขากล่าวอย่างประหลาดใจว่า “เอ๊ะ! คิดไม่ถึงว่าภายในนักโทษกลุ่มนี้จะมีผู้หญิงอยู่ด้วย?”