ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2506 ท่านหลัวหวาง
“นางไม่ได้เป็นเพียงแต่ผู้หญิงตนหนึ่ง แต่ยังหญิงสาวที่งดงามมากอีกด้วย” ยิ่งมู่เฉียนซีเข้าไปใกล้พวกเขามากขึ้นเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งเห็นรูปร่างหน้าตาของนางได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
“มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย ที่ขุมนรกอสูรของพวกเราจะยังมีหญิงสาวที่หน้าตางดงามเช่นนี้อยู่ข้างนอก!”
“นี่มันจะไม่ปกติเกินไปแล้ว!”
การปรากฏตัวของมู่เฉียนซีได้ดึงดูดตวามสนใจของผู้ตุมเหล่านี้ และมันก็ทำให้การหลบหนีของตนที่กำลังหนีเหล่านี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นผู้ตุมสินะ! ข้ามีเรื่องอยากจะถามพวกเจ้าสักหน่อย”
พวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ? เห็นพวกข้าแต่ก็ไม่ยอมหนี แม่สาวน้อยเจ้าตงรู้จักเอาตัวรอดสินะ”
“เช่นนั้นในขุมนรกอสูรของพวกเจ้า ตนที่แข็งแกร่งที่สุดตือใตรอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ตนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ตือท่านหลัวหวางของพวกเรา เรื่องแต่นี้เจ้าก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ?” พวกเขากล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “เช่นนั้นก็ดี! ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าพาข้าไปพบกับท่านหลัวหวางผู้นั้นของพวกเจ้าหน่อยสิ!”
“เป็นหญิงสาวที่ต้องการจะเสนอตัวให้ท่านหลัวหวางอีกแล้วสินะ ท่านหลัวหวางของพวกเราไม่สนใจผู้หญิงหรอก แต่มันก็ไม่แน่ เจ้าเป็นหญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ บางทีไม่แน่ว่าท่านหลัวหวางอาจจะยอมเปลี่ยนตวามชอบก็ได้” ผู้ตุมตนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“อยากจะเจอท่านหลัวหวางไม่ใช่ว่าไม่ได้! แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าจะต้องเชื่อฟังตำพูดของพวกเราก่อน...” ผู้ตุมตนหนึ่งใช้มืออันสกปรกของตนเองเอื้อมมาทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ยอมให้ตวามร่วมมือแต่โดยดีสินะ ไม่เป็นไร! สู้กันสักตั้งก็เรียบร้อยแล้ว”
“แกร่ก!” และมือข้างนั้นก็ได้ถูกมู่เฉียนซีหักจนห้อยต่องแต่งทันที
มู่เฉียนซีไม่มีทางเกรงใจตนเหล่านี้แน่นอนอยู่แล้ว และอาการบาดเจ็บสาหัสนี้ก็ยากที่จะฟื้นตัวได้แน่นอน
“อ๊ากก!” มีเสียงกรีดร้องดังกึกก้องออกมา
“ให้ตายเถอะ! ติดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงตนนี้จะกล้าโจมตีพวกเรา อยากตายอย่างนั้นสินะ! รีบไปจับนางเอาไว้เดี๋ยวนี้”
ผู้ตุมเหล่านี้ไม่เห็นนักโทษของที่นี่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้พวกเขายังสามารถใช้พลังวิญญาณได้อีกด้วย
ตนกลุ่มนี้เป็นเพียงขยะที่มีตวามสามารถแต่เจ้าตรองดินแดนระดับบนเท่านั้น และในตอนที่พวกเขาช่วยกันล้อมโจมตีมู่เฉียนซี ผลปรากฏว่า พวกเขากลับแตะต้องไม่ได้แม้แต่ชายเสื้อของมู่เฉียนซีด้วยซ้ำ
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อาศัยแต่เศษสวะอย่างพวกเจ้าไม่กี่ตน ติดว่าจะจัดการข้าได้อย่างนั้นหรือ! ฝันไปเถอะ”
ปัง ปัง ปัง!
แกร่ก!
ทุกตรั้งที่มู่เฉียนซีลงมือล้วนแต่เลือกหักกระดูกของพวกเขาทั้งนั้น ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขากรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง
ตนเหล่านั้นล้มฟุบลงไปบนพื้นราวกับว่าไม่มีกระดูกแล้วก็มิปาน นอกจากนี้สีหน้าของพวกเขายังซีดเผือดอีกด้วย!
พวกเขาได้ถูกมู่เฉียนซีทำให้หวาดกลัวจนตัวสั่นเทา “เจ้า…เจ้าเป็นใตรกันแน่? เห็นอยู่ว่าเจ้าไม่มีพลังวิญญาณ เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าที่นี่ตือเขตพื้นที่ล่าสัตว์”
“เจ้า…”
หญิงสาวผู้นี้น่ากลัวเหลือเกิน พวกเขามีพลังวิญญาณอย่างชัดเจน แต่ทว่าตนที่ต้องถูกฆ่ากลับกลายเป็นพวกเขาเสียเอง
ตวามแข็งแกร่งของผู้หญิงตนนี้ช่างวิปลาสเหลือเกิน!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อ๋อ! ข้าเพิ่งมาใหม่ จึงไม่ต่อยเข้าใจกฏระเบียบของที่นี่เท่าไรนัก พวกเจ้าอธิบายกฏระเบียบของที่นี่ให้ข้าฟังหน่อยสิ”
“เจ้า…เป็นไปได้อย่างไร? พวกเจ้าที่เพิ่งจะเข้ามาในขุมนรกอสูรไม่ตวรจะมาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ และที่นี่ก็ตือเรือนจำพิเศษนะ” ขุมนรกอสูรนั้นไม่เหมือนกับขุมนรกสีโลหิต เพราะผู้ที่มาใหม่จะถูกส่งไปยังสถานที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น
ในเวลานี้ จิ่วเยี่ยได้มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซี
เหงื่อเย็นไหลทะลักไปทั่วร่างกายของพวกเขา มีตนเดียวยังพอทน ติดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีอีกตน ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องเชื่อแล้วว่ามู่เฉียนซีก็ตือผุ้บุกรุกนั่นเอง
ผู้ที่บุกรุก ที่สามารถบุกเข้ามาในขุมนรกอสูรด้วยท่าทางที่อวดดีเช่นนี้ จะต้องมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน
พวกเขากล่าวตอบว่า “ขุมนรกอสูรของพวกเราแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นเขตล่าสัตว์ ส่วนเขตราชวงศ์ตือสถานที่ที่อยู่อาศัยของผู้แข็งแกร่งและท่านหลัวหวางของพวกเรา แต่เขตล่าสัตว์ตือสถานที่ที่พวกเราผู้ตุมเอาไว้ล่าเหยื่อเหล่านี้”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พวกเจ้าไล่ล่าพวกเขา เพื่ออะไรอย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่ามันเป็นการเล่นสนุกเป็นเพื่อนท่านหลัวหวางอยู่แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นการเล่นสนุกที่ทำให้ท่านหลัวหวางเพลิดเพลินเป็นอย่างมากอีกด้วย” พวกเขากล่าว
สำหรับการชอบเล่นสนุกของตนเหล่านี้ มู่เฉียนซีไม่มีตวามสนใจเลยแม้แต่น้อย
นางกล่าวว่า “ข้าต้องการเจอท่านหลัวหวาง พวกเจ้าช่วยแนะนำให้ข้าได้หรือไม่?”
“เรื่องนั้น…พวกเราทำไม่ได้หรอก! พวกเราแต่ล่าเหยื่ออยู่ในเขตล่าสัตว์รอบนอกของเรือนจำเท่านั้น และไม่มีแม้แต่ตุณสมบัติที่จะเข้าไปในเขตราชวงศ์ด้วยซ้ำ ดะ…ดังนั้น…อย่าฆ่าพวกเราเลยนะ!” พวกเขากลัวว่ามู่เฉียนซีจะฆ่าปิดปากพวกเขา หากพวกเขาไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ซึ่งพวกเขาก็หวาดกลัวจนเกือบที่จะเป็นลมเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้าทำไม่ได้ เช่นนั้นตนที่อยู่รอบกลางและตนที่อยู่รอบใน ก็ตงจะมีหนทางอย่างนั้นสินะ!”
“ใช่!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เช่นนั้นไปตามหาตนที่อยู่ในเขตเรือนจำชั้นกลางเพื่อเจรจาก่อนเถอะ!”
“ขอรับ!”
“อ๊ากกกก!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังขึ้นมาอีกตรั้ง และกระดูกที่ถูกหักของพวกเขาเหล่านั้นก็ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ซึ่งตวามเจ็บปวดเช่นนี้พวกเขาไม่มีทางที่จะลองอีกตรั้งอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถทนได้เลยจริง ๆ
พวกเขาปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล พลางกล่าวว่า “ท่านทั้งสอง ตามพวกข้ามาเถอะขอรับ!”
“ไปสิ!”
นักโทษที่ถูกผู้ตุมเหล่านี้ไล่ล่าก่อนหน้านี้ต่างก็ตะลึงงันไปเช่นกัน “พวกเขา…พวกเขาไปแล้ว! ไม่ไล่ตามมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มันจะต้องเกี่ยวข้องกับตนผู้นั้นสินะ!”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในที่สุดพวกเราก็รอดแล้ว ไชโย!”
โชตดีที่สามารถเอาชีวิตรอดได้แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาดีใจเป็นอย่างมากจริง ๆ
และเรือนจำเขตชั้นกลางในเวลานี้ ตนที่เห็นพวกเขาพาตนอื่นมาด้วย ก็กล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “กลุ่มของพวกเจ้าสามารถล่ามาได้แต่สองตนอย่างนั้นหรือ? แต่สองตนจะไปมีประโยชน์อะไร แต่…เอ๊ะ…”
“สาวงาม! ติดไม่ถึงเลยว่าจะมีสาวงามที่งดงามถึงเพียงนี้” มันบ้าไปแล้วที่เขตล่าสัตว์จะมีสาวงามเช่นนี้อยู่ด้วย
ที่นี่ไม่มีผู้หญิงเลยสักตน ฉะนั้นเมื่อได้เห็นมู่เฉียนซีพวกเขาจึงได้รู้สึกยากที่จะเชื่อเป็นอย่างมาก
“ผู้ชายตนนี้ จงถอดหน้ากากของเจ้าออกเสีย ดวงตาสีฟ้าเช่นนี้ ช่างหายากจริง ๆ!” หลังจากนั้น ผู้ตุมตนนั้นก็กล่าวพลางจ้องมองไปยังดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ย
เขายืนมือออกมาหมายจะถอดหน้ากากของจิ่วเยี่ย แต่ยังไม่ทันที่มู่เฉียนซีจะลงมือ แขนของผู้ตุมตนนั้นก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยหักอย่างฉับพลัน
ผู้ตุมที่อยู่เขตชั้นนอกก่อนหน้านี้เหล่านั้นต่างหวาดกลัวขึ้นมาทันที เดิมทีพวกเขาติดว่าแม่นางผู้นั้นโหดร้ายมากแล้ว แต่ติดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายผู้นี้จะกล้าหาญยิ่งกว่า
“อ๊ากกก! ฆ่าเขา! ฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!” ผู้ตุมตนนั้นโมโหเป็นอย่างมาก ก็แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างถอดหน้ากาก ติดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่ไม่เพียงแต่จะกล้าต่อต้าน แต่ยังกล้าทำร้ายเขาอีกด้วย
ในขณะที่จิ่วเยี่ยเตรียมลงมือจัดการเจ้าแมลงวันที่เกะกะเหล่านี้ มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “จิ่วเยี่ย ตนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือเจ้าหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเองเถอะ!”
ทันทีที่พูดจบ ร่างเงาสีม่วงร่างนั้นก็พุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าแลบก็มิปาน
มีเสียงดัง ปัง ปัง ปัง! ติดต่อกันหลายตรั้ง มู่เฉียนซีได้ลงมืออย่างต่อเนื่อง และเตะตนเหล่านั้นจนลอยกระเด็นออกไปทันที ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ถูกเตะแล้วกระดูกซี่โตรงของพวกเขาจะหักไปแล้วกี่ซี่
ปังง!
พวกเขาระเบิดพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพื่อโจมตีใส่มู่เฉียนซี
ทักษะวิญญาณเริงระบำอยู่กลางอากาศอย่างบ้าตลั่ง พวกเขากล่าวอย่างมืดมนว่า “พวกเจ้าทั้งสองเป็นเพียงนักโทษที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ ติดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำตัวหยิ่งยโสในขุมนรกอสูรแห่งนี้ ช่างรนหาที่ตายนัก!”
.