ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2508 เกมเกมหนึ่ง
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย และนางคอยเฝ้าดูความตายของเจ้าหมอนี่อยู่เงียบ ๆ เพราะความจริงแล้วคนที่กล้าท้าทายอ๋องจิ่วเยี่ยเช่นนี้มีไม่มากนัก
จิ่วเยี่ยลงมือโดยไม่พูดไม่จา อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นคนรนหาที่ตายด้วยตนเองอยู่แล้ว
“อ๊ากกกก!” มีเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น และขาทั้งสองข้างของคนผู้นี้ก็ถูกทำให้พิการจนไม่มีแรงตอบโต้เลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเขาก็ล้มฟุบลงไปบนพื้นพร้อมร่างกายที่ชุ่ มไปด้วยเหงื่อ
การถามทางหลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้ามาพูดจาหยอกล้ออีกแล้ว ทั้งยังยอมตอบออกมาตามตรง “ท่านราชาอสูรอยู่ที่สนามศิลา ตรงไปทางนั้น…”
สถานที่ที่เรียกว่าสนามศิลานั้น คือสถานที่ที่มีความลาดชันสูง ราวกับลานหิมะก็มิปาน ทว่าสถานที่แห่งนี้นั้นดันไม่ได้มีหิมะสีขาวบริสุทธิ์ แต่กลับเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหินสี ดำที่มีความแหลมคมหลากหลายชนิดต่างหาก
จุดที่อยู่สูงสุดของสนามศิลาแห่งนี้มีแท่นสูงอยู่อันหนึ่ง และที่แท่นสูงแห่งนั้นก็มีสิ่งปลูกสร้างอันงดงามตั้งตระหง่านอยู่บนนั้น ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็เห็นว่ามีนักโทษที่ถูกม มัดเอาไว้กลุ่มหนึ่งถูกปล่อยตัว
“วิ่งสิ!” หลังจากเสียงคำรามนั้น นักโทษเหล่านั้นก็รีบพุ่งลงมาด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก
พวกเขาล้วนเดินด้วยเท้าเปล่า แต่ทว่าบนพื้นนั้นกลับมีเศษหินที่แตกหักแหลมคมมากมายอยู่ใต้เท้าของพวกเขา
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่พวกเขากลับไม่สามารถหยุดลงได้ และมีเพียงแต่ต้องเร่งความเร็วเพื่อวิ่งลงไปจากเนินสูงนี้เท่านั้น ขอเพียงพวกเขาสามารถวิ่งออกไปจากขอบเขตของลานการละเล่นนี ได้ พวกเขาถึงจะสามารถเอาชีวิตรอดได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! รีบวิ่งเร็วเข้าสิ!” มีเสียงหัวเราะราวกับคนบ้าก็มิปานดังสะท้อนลงมาจากบนแท่นศิลาสูงนั้น และมู่เฉียนซีก็มองเห็นชายที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยคนหนึ่ง
เขาได้นำหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งออกมา และเขาก็โยนมันลงมาจากบนแท่นหินสูง ปล่อยให้หินก้อนนั้นค่อย ๆ กลิ้งลงมาตามทางลาดชันของเนินสูงนั้น
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอามาอีกอัน!”
“เอามาอีก!”
ครืนนนน!
หินก้อนใหญ่ได้กลิ้งลงมากจากเนินสูง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันมีความเร็วที่เร็วกว่านักโทษเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
และไม่ว่านักโทษเหล่านั้นจะวิ่งเกินขีดจำกัดของพวกเขามากเพียงใด แต่พวกเขาที่ไม่มีพลังวิญญาณล้วนถูกหินเหล่านั้นไล่ตามมาจนทันอยู่ดี
“อ๊ากกก!” มีเสียงกรีดร้องดังก้องออกมา สุดท้ายแล้วจุดจบของพวกเขาจะเป็นเช่นไร เรื่องนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว
“ซี! อย่าดู!” จิ่วเยี่ยปิดตาคู่นั้นของมู่เฉียนซีเอาไว้ ฉากนองเลือดนี้ทำเอาพูดไม่ออกเลยจริง ๆ
แม้ว่าจะไม่มีพลังวิญญาณ แต่พลังการได้ยินของพวกเขานั้นน่าทึ่งมาก เพราะพวกเขาสามารถได้ยินเสียงพูดคุยบนแท่นสูงแห่งนั้นได้อย่างชัดเจน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าเดิมพันว่าคนผู้นั้นจะถูกบดขยี้ตายเป็นคนสุดท้าย!”
“ข้าเลือกคนนั้น!”
“ไม่ทราบว่าท่านราชาอสูรเลือกคนไหนขอรับ?”
ราชาอสูรชื่นชอบการละเล่นนี้เป็นอย่างมาก ฉะนั้นจึงมีผู้คนมากมายที่มาเล่นเป็นเพื่อนเขา เพียงแต่หากแค่อยู่เล่นเป็นเพื่อนนั้นมันน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงมีการเล่นเดิมพันเข้ ามาด้วย เพื่อเพิ่มความสนุกให้มากขึ้นไปอีก
และสำหรับการตัดสินใจนี้ ราชาอสูรก็เห็นด้วยเป็นอย่างมากเช่นกัน
อย่างไรเสียรอบนี้ ก็ไม่มีผู้ใดที่รอดชีวิตไปได้อยู่แล้ว ราชาอสูรจึงกล่าวว่า “กลุ่มนี้เป็นแค่ขยะอีกแล้ว พวกมันวิ่งช้าเหลือเกิน! สมควรตายอย่างน่าอนาถแล้วล่ะ!”
“ท่านราชาอสูร เช่นนั้นพวกเราเล่นอีกรอบเถอะขอรับ!”
“ตกลง! เช่นนั้นก็มาเล่นอีกรอบเถอะ”
เจ้าโลหิตของขุมนรกสีโลหิตถือได้ว่าเป็นคนที่วิปลาสคนหนึ่งแล้วนะ แต่การละเล่นของราชาอสูรผู้นี้นั้นกลับวิปลาสมากกว่าเป็นร้อยเท่า
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เช่นนั้นพวกเราก็อย่าเสียเวลาอยู่เลย พวกเราขึ้นไปกันเถอะ! ไม่ใช่ว่าเขาชอบเล่นเกมหรอกหรือ? พวกเราไปเล่นเป็นเพื่อนเขากันเถอะ”
“ตกลง!”
เมื่อการละเล่นอีกรอบหนึ่งเริ่มต้นขึ้น นักโทษอีกกลุ่มหนึ่งก็ถูกปล่อยออกมา
พวกเขาก็ต้องทำเช่นเดียวกับกลุ่มก่อนหน้านี้ นั่นก็คือการวิ่งหนึอย่างบ้าคลั่ง และราชาอสูรก็นำหินที่มีขนาดใหญ่มหึมาโยนออกไปอันแล้วอันเล่า
“วิ่ง! รีบวิ่งเร็วเข้าสิ!”
“เร็วกว่านี้หน่อย!”
ราชาอสูรสนุกสนานไปกับความหวาดกลัวและท่าทางที่ต้องการหนีเอาชีวิตรอดของพวกเขา แต่ทว่าในเวลานี้บนเนินสูงแห่งนั้นได้มีร่างของคนถึงสองคนปรากฏขึ้น
นักโทษคนอื่น ๆ ต่างวิ่งลงไปข้างล่าง แต่พวกเขากลับวิ่งขึ้นมาข้างบนด้วยความเร็วที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก
ราชาอสูรตะลึงงันไปทันที “น่าสนใจดีนี่! นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ใครบางคนเตรียมไว้ให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
“เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้นกันแน่?” เมื่อมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้นในสายตาของพวกเขา มันก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ราชาอสูรกล่าวว่า “ไม่ต้องไปสนใจ พวกเราเล่นเกมกันต่อเถอะ!”
ครืนนนน!
และเขาก็ได้ทิ้งหินก้อนใหญ่อีกก้อนหนึ่งออกไป ซึ่งหินก้อนนั้นกลิ้งลงไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก
ราชาอสูรสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนนี้ ไม่มีความผันผวนของพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นนักโทษของขุมนรกอสูรเช่นกัน
เขาไม่ได้เห็นนักโทษที่มีความกล้าหาญเช่นนี้มานานมากแล้ว เขาจะต้องเล่นได้อย่างสนุกสนานมากแน่นอน เขาจะคอยดูว่าคนพวกนี้จะสามารถหลบหนีได้หรือไม่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! มีคนรนหาที่ตายมาถึงสองคน! คราวนี้คงจัดการได้ง่ายขึ้นแล้ว”
“มันเริ่มเข้าไปใกล้พวกเขาแล้ว! อีกไม่นานมันก็จะสามารถบดขยี้พวกเขาได้แล้ว คงไม่ได้กลัวจนโง่งมไปแล้วหรอกนะ! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะวิ่งตรงขึ้นมาด้วยความเร็ว เหตุใดถึงไม่หลบ ล่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสองคนกันแน่?”
หินก้อนนั้นกำลังจะมากลิ้งมาอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยต้องการที่จะลงมือ แต่มู่เฉียนซีกลับก้าวมาข้างหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าจัดการเอง!”
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ชกหินก้อนนั้นด้วยกำปั้นโดยตรง ซึ่งการเคลื่อนไหวของนางก็ไม่ได้ทำให้นางดูงดงามน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
“ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือ! นางคิดว่าตนเองยังมีพลังวิญญาณอยู่หรือยังไง! คิดไม่ถึงว่านางจะสกัดกั้นหินนั้นด้วยกำปั้นเช่นนี้”
“ลองดูให้ดี ๆ สิ ผู้หญิงคนนั้นรูปร่างหน้าตางดงามเหลือเกิน! หากปล่อยให้ถูกหินดำบดขยี้ไปเช่นนี้ ช่างจะเรื่องที่น่าเสียดายมากจริง ๆ นะ”
“หากรู้แต่แรกว่านางรูปร่างหน้าตางดงามเช่นนี้ พวกเราคงขอให้ท่านราชาอสูรออมมือให้แล้วล่ะ”
ตูมมม!
หลังจากนั้นก็มีเสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น และหินหนามสีดำก็ถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนกลายเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยที่ล่องลอยไปในอากาศเท่านั้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นมู่เฉียนซียังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย นอกจากนี้มือที่ขาวราวกับหยกก็มิปานคู่นั้นก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บที่เกิดจาก เศษหินอันแหลมคมเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
กลุ่มคนที่อยู่บนแท่นหินสูงเหล่านั้นจ้องมองมาที่นางด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง “นะ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“นางทำเช่นนั้นได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อยนะ!”
“หินหนามดำ แม้ว่าจะเป็นผู้คุมที่มีพลังวิญญาณยังไม่สามารถต่อยจนกลายเป็นเช่นนี้ได้เลยนะ! ภูมิหลังของผู้หญิงคนนี้คืออะไรกันแน่”
ทันทีที่มู่เฉียนซีแสดงฝีมือ ก็ทำให้ราชาอสูรผู้นั้นยิ่งตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไม่เลวเลย ไม่เลว เป็นของเล่นที่น่าสนใจมากจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มาเล่นกันอีกครั้งเถอะ!”
ครืนนนน!
ทันใดนั้นก็มีหินขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนถูกโยนออกมา และหินขนาดใหญ่เหล่านี้ก็มีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก
ราชาอสูรไม่สนใจเลยว่ามู่เฉียนซีและหวงจิ่วเยี่ยจะมีที่มาที่ชัดเจนหรือไม่ ขอเพียงแค่เขาสามารถเล่นได้อย่างสนุกสนานมากที่สุดก็เพียงพอแล้ว
วันแล้ววันเล่า สิ่งที่เขาต้องเจอทุกครั้งล้วนเป็นเพียงแค่คนอ่อนแอเหล่านั้น และเมื่อนักโทษตายไปแล้วก็จะไม่สามารถตอบโต้ได้
แต่ทว่าตอนนี้กลับเจอคนที่สามารถต้านทานได้ และภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีพลังวิญญาณ ผู้หญิงคนนี้ยังสามารถใช้กำปั้นทำลายหินหนามดำนั้นได้อีกด้วย ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก กเลยทีเดียว
“หากเจ้าสามารถเดินขึ้นมาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ ข้าจะยอมตอบรับคำขออะไรก็ได้ของเจ้าหนึ่งข้อ!” และเสียงของราชาอสูรก็ดังลงมาจากด้านบน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอาสิ! เมื่อถึงเวลานั้นราชาอสูรอย่างท่านจะต้องทำตามคำพูดของท่านด้วย และทางที่ดีที่สุดคืออย่าได้ผิดคำสัญญาเป็นอันขาด”
คนที่อยู่ด้านบนต่างตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าตอบกลับ นางคงคิดว่าตนเองจะได้ตายช้าเกินไปอย่างนั้นสินะ
ครืนนนน!
และแน่นอนว่า เพราะคำพูดของมู่เฉียนซีได้ทำให้ราชาอสูรทิ้งหินลงมามากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งนักโทษเหล่านั้นต่างก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก
พวกเขารีบวิ่งลงไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ตำแหน่งของมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยกลับอยู่เหนือกว่าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเผชิญหน้ากับหินขนาดใหญ่ที่กลิ้งลงมา มู่เฉียนซีก็ได้ใช้กำปั้นทำลายมันอันแล้วอันเล่า!
ครืนนนนน!
ที่หินเหล่านั้นเปราะบางมากเมื่ออยู่ภายใต้กำปั้นของมู่เฉียนซี ก็เป็นเพราะความสามารถทางกายภาพของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากนั่นเอง
เมื่อราชาอสูรถูกท้าทายเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก เขาได้ใช้พลังวิญญาณห่อหุ้มหินหนามดำจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้นเอาไว้ก่อนจะโยนลงไป “คราวนี้ เจ้าไม่มีทางทำลายมันได้อีก กแล้ว! รอถูกมันบดขยี้ไปเสียเถอะ!”
“ในเมื่อมันเป็นเกมของข้า ข้าก็จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!”