ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2509 เรียกกำลังเสริม
ราชาอสูรดูถูกมู่เฉียนซีมากเกินไปแล้ว เพราะร่างกายของมู่เฉียนซีได้รับการขัดเกลามาถึงสองอย่าง จึงไม่ใช่สิ่งที่หินเหล่านี้จะสามารถทำอันตรายนางได้
ครืนนนน!
มู่เฉียนซีและหวงจิ่วเยี่ยยังคงมุ่งหน้าเดินขึ้นต่อไป ดูเหมือนว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น
ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก อันที่จริงแล้วสองคนนี้เป็นใครกันแน่?
ยิ่งตรงขึ้นไปข้างบนมากเท่าไร กองกระดูกของศพยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งพวกมันก็ได้ขวางทางของพวกเขาเอาไว้
จิ่วเยี่ยหยุดฝีเท้าลง และกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ซี!”
“เส้นทางต่อจากนี้ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง!” และจิ่วเยี่ยก็ตรงเข้าไปอุ้มมู่เฉียนซีขึ้นมา และไม่ยอมปล่อยให้เท้าของมู่เฉียนซีเหยียบพื้นอีกเลย
ร่างเงาสีดำสว่างวาบขึ้น และไม่ว่าราชาอสูรจะโยนหินลงมามากเพียงใด มันก็จะถูกทำให้กลายเป็นผุยผงไปทันที
ซึ่งคนที่อยู่ด้านบนเหล่านั้นต่างก็มองไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างไรด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้จิ่วเยี่ยจึงอุ้มมู่เฉียนซีเช่นนี้ และเดินไปยังแท่นสูงแห่งนั้น
สองคนนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายพวกเขาเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะยังมาพลอดรักกันต่อหน้าพวกเขาอีก ซึ่งแววตาของราชาอสูรในตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นทันที
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ราชาอสูร เจ้าแพ้แล้ว”
ราชาอสูรไม่คิดว่าเขาได้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับเลยแม้แต่น้อย เขากล่าวว่า “ข้ายังไม่แพ้ ขอเพียงพวกเจ้าตายไป เช่นนั้นข้าก็ไม่แพ้แล้ว”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ระเบิดพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวออกมา และมันก็จู่โจมใส่จิ่วเยี่ยกับมู่เฉียนซีโดยตรง
ตูมมมม!
จิ่วเยี่ยผลักมู่เฉียนซีออกไป จากนั้นก็สกัดกั้นการโจมตีของราชาอสูรเอาไว้
“เห็นว่าเจ้าชอบเล่นเกมถึงขนาดนี้ แต่กลับยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ คนที่ได้ชื่อว่าเจ้าครองขุมนรกอสูรเช่นนี้ ก็ไม่เห็นจะเท่าไรเลย” หลังจากนั้นก็มีรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นมาบนใบ บหน้าของมู่เฉียนซี
“เจ้าหุบปากไปเลยนะ! ใครว่าข้าแพ้ไม่ได้กัน” ราชาอสูรอยู่ที่ขุมนรกอสูรมานานหลายปีขนาดนี้ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าท้าทายอำนาจเขาเช่นนี้ ซึ่งเขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน เช่นกัน
แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสองที่ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ไหนจะใจกล้าขนาดนี้ ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นหนุ่มหล่อหรือสาวสวย พวกเขาก็ต้องตาย
ภายในขุมนรกอสูร เขาเป็นคนที่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว และเดิมทีคิดว่าทันทีที่เขาลงมือจะสามารถทำลายคนที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณทั้งสองคนนี้ได้ แต่ใครจะคิดว่าการ โจมตีทั้งหมดของเขาจะถูกผู้ชายคนนี้สกัดกั้นเอาไว้ได้
แม้ว่าจะไม่มีพลังวิญญาณ แต่ราชาอสูรกลับสามารถสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งตั้งแต่กำเนิดของผู้ชายคนนี้ได้ และพลังที่แข็งแกร่งนี้ก็ทำให้ราชาอสูรรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที
ซึ่งคนเช่นนี้ ไม่ควรที่จะถูกโยนเข้ามาในขุมนรกอสูรของพวกเขา แต่ควรถูกโยนไปที่เรือนจำปีศาจแห่งความมืดถึงจะถูกสิ!
ราชาอสูรรู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมากที่ตนเองโชคร้ายถึงเพียงนี้ เขาได้แต่กัดฟันใช้ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่ง เพื่อต่อสู้กับจิ่วเยี่ย
ตูมมม!
เสียงระเบิดของพลังอันน่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องออกมา ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ศาลาที่ราชาอสูรก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างความสนุกสนานให้พวกเขาถูกทำลายจนปลิวหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งมั นก็แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันของพลังนี้น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด
พรวด!
สิ่งที่ทำให้พวกเขาจินตนาการไม่ถึงก็คือ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่ทรงพลังอย่างท่านราชาอสูรจะได้รับบาดเจ็บ และเขาไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้นแต่ยังกระอักออกมาเป็นเล ลือดอีกด้วย
ตอนนี้ราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาในขุมนรกอสูรของพวกเขาก็มิปาน นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจเอาชนะได้อีกด้วย
ราชาอสูรในตอนนี้จำเป็นต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายคนนี้ ดังนั้นเขาจึงมองไปยังคนที่อยู่ข้างกายของเขาพลางกล่าวว่า “มัวแต่ยืนตะลึงอะไรกันอยู่เล่า ? ยังไม่ลงมืออีก”
ก่อนหน้านี้หากราชาอสูรต้องการที่จะจัดการผู้ใด เขาไม่เคยต้องขอความช่วยเหลือมาก่อน แต่ทว่าตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน…
หลังจากนั้นลูกน้องของเขาเหล่านั้นก็มีการตอบสนอง และกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “ขอรับ! ท่านราชาอสูร”
จากการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็กลายไปเป็นการต่อสู้แบบยกกลุ่ม และที่นี่มีผู้คุมที่สามารถใช้พลังวิญญาณได้เหมือนกับราชาอสูรจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีนักโทษระดับแนวหน้าที่อาศัยปะปน อยู่ในเขตราชวงศ์ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายถือว่ามีจำนวนมากเลยทีเดียว!
แม้ว่าจะมีจำนวนมากกว่านี้ แต่เมื่ออยู่ในกำมือของจิ่วเยี่ยแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี ดังนั้นนับได้ว่าพวกเขาตัดสินใจผิดพลาดไปแล้ว
เช่นนั้นก็ผู้หญิงคนนั้น!
พวกเขาเห็นแล้วว่าในตอนที่คนทั้งสองนี้วิ่งขึ้นมา เพื่อที่จะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงของเขาต้องเดินไปบนซากศพที่เน่าเปื่อย ชายที่เป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดก็มิปานผู้นี้ได้อุ้มนาง เอาไว้อยู่ตลอดเวลา
หากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง พวกเขาก็คงจินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้ชายที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะมีด้านที่อ่อนโยนแบบนั้นด้วย
มีคนพุ่งมาทางมู่เฉียนซี เพราะหากสามารถควบคุมผู้หญิงคนนี้ได้ ก็จะต้องสามารถตรึงเจ้าสัตว์ประหลาดผู้นั้นเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่า เหตุผลที่พวกเขามีโอกาสไปทางมู่เฉียนซีได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าจิ่วเยี่ยจงใจปล่อยให้พวกเขาไปต่างหาก
ซีเองก็ต้องการมีคนเอาไว้ฝึกฝีมือเช่นกัน เพื่อที่ว่านางจะได้ไม่เบื่อมากจนเกินไป!
คนที่สามารถมาทางมู่เฉียนซีได้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถไม่เกินใต้เท้าระดับล่างเท่านั้น
เมื่อเห็นพวกเขากำลังมา มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “กำลังรออยู่พอดีเลย!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกไปจากปลายนิ้วของมู่เฉียนซี เนื่องจากว่าเป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม เช่นนั้นนางจึงใช้พิษของตนเองที่สามารถสร้างความได้เปรียบเป็นอย่างมากในการต่อสู้แบบกลุ่ มนี้
ปัง!
การโจมตีของพวกเขาได้ตรึงมู่เฉียนซีเอาไว้ นอกจากนี้มันยังโจมตีโดนมู่เฉียนซีอีกด้วย แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย!
“ไม่เป็นอะไร! คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่เป็นอะไร”
“คิดไม่ถึงเลยว่าพลังทางกายภาพของนางจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางดูเหมือนสาวน้อยที่ผิวอ่อนนุ่มขนาดนั้น!”
“……”
ตอนนี้ลูกน้องของราชาอสูรกำลังจะบ้าอยู่แล้ว ถึงพลังทางกายภาพของผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งก็ยังไม่เท่าไร แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับเป็นปรมาจารย์ด้านพิษที่น่าสะพรึงกลัวมากด้วยน่ะสิ
พรวด พรวด พรวด!
มีคนที่โดนยาพิษมากมายกำลังกระอักเลือดออกมา ร่างกายของพวกเขาตอบสนองช้าลง นอกจากนี้ยังต้องเจ็บปวดทรมานเพราะยาพิษราวกับตายทั้งเป็นอีกด้วย
ตูมมม!
ตอนนี้ภายในสนามศิลาซึ่งเป็นลานการละเล่นของราชาอสูรได้ระเบิดการต่อสู้อันดุเดือดออกมา ผู้คนทั่วทั้งเขตราชวงศ์ต่างพากันตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
“ท่านราชาอสูรกำลังเล่นอะไรใหม่ ๆ อีกแล้วหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะคึกคักจนเกิดการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้”
“การเคลื่อนไหวของมันใหญ่เกินไป ฉะนั้นพวกเรารีบถอยให้ห่างออกหน่อยดีกว่านี้ จะได้หลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะตามมาได้”
“……”
หลังจากที่การต่อสู้ใหญ่นี้ผ่านไปได้แค่ครึ่งวัน มู่เฉียนซีก็สามารถจัดการคนที่มีความสามารถระดับใต้เท้าระดับล่างได้ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้นางยังได้ใช้เข็มยาเพื่อลอบโจมตีใต้เท้ าระดับล่างเหล่านั้นอีกด้วย
ส่วนที่เหลือ ก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยจัดการไปเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงราชาอสูรด้วย
แขนขาของราชาอสูรได้ถูกหักไปจนหมดแล้ว และร่างของเขาก็ไม่มีพลังจิตวิญญาณแผ่ออกมาอีกแล้ว ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นราวกับสุนัขที่ตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“จะ…เจ้าคือใครกันแน่? ความจริงแล้วเจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่? เจ้าอยากเป็นผู้ปกครองของขุมนรกอสูรอย่างนั้นหรือ ข้ายกให้เจ้า อย่าฆ่าข้าเลย” และราชาอสูรก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่ นเทา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ที่พวกเรามาก็เพียงแค่ต้องการจะถามคำถามเจ้าข้อหนึ่งเท่านั้น เจ้าแพ้แล้วแต่ไม่ยอมรับและยังไม่รักษาคำพูด แต่กลับลงมือแทน ฉะนั้นที่ต้องวุ่นวายขนาด นี้ ก็ต้องโทษตัวเจ้าเองนั่นแหละ”
“อะไรนะ? ถามคำถามหรือ เช่นนั้นเจ้าอยากถามอะไรล่ะ?”
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ารู้ที่อยู่ของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดหรือไม่?”
ราชาอสูรอยากจะร้องไห้จริง ๆ ที่แท้สองคนนี้ก็คือศัตรูของนายท่านเจ้าครองเรือนจำนั่นเอง
แล้วศัตรูของนายท่านเจ้าครองเรือนจำหาเขาที่อยู่ที่นี่เจอได้อย่างไรกัน เขาช่างโง่จริง ๆ เลย!
“แม้ว่าข้าจะเป็นผู้คุมใหญ่ของขุมนรกอสูรแห่งนี้ แต่ข้าก็ไม่ค่อยสนิทกับผู้คุมปีศาจแห่งความมืดมากเท่าไรนัก! ข้าไม่ได้เจอหน้าเขาเลยสักครั้งมานับพันปีแล้ว ฉะนั้นข้าจึงไม่รู้ จริง ๆ ว่าเขาอยู่ที่ใดกันแน่?” ราชาอสูรรีบอธิบายอย่างร้อนรน
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าไม่รู้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนรู้! พวกเจ้าแต่ละขุมนรกนรกสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้คุมปีศาจแห่งความมืดได้! ตราบใดที่พวกเจ้าขอคว วามช่วยเหลือผู้คุมปีศาจแห่งความมืดจะต้องมาหาอย่างแน่นอน”
สีหน้าของราชาอสูรดูตื่นตกใจมาก เขากล่าวว่า “จะ…เจ้าก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”
นี่เป็นเรื่องที่ต้องกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ของแต่ละขุมนรก ถึงจะสามารถรู้ได้นะ!