ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2510 หวาดกลัวขึ้นมากะทันหัน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างนิ่งสงบว่า “เจ้าโลหิตแห่งขุมนรกสีโลหิตก็เคยเคลื่อนกำลังเสริมมาก่อน เพราะข้าเคยเห็นมาก่อน ฉะนั้นข้าย่อมต้องรู้อยู่แล้ว รีบลงมือสิ มิเช่นนั้นเจ้าจะได้ลิ้ มรสชาติที่เจ็บปวดยิ่งกว่านี้”
คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะสามารถบีบให้เจ้าโลหิตเรียกกำลังเสริมมาได้ และตอนนี้ยังสามารถปลุกปั่นพวกเขาขุมนรกอสูรได้อีกด้วย
หรือจะกล่าวได้ว่า กำลังเสริมก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเช่นกัน
เว้นแต่ว่านายท่านเจ้าครองเรือนจำจะมาด้วยตนเอง แต่ทว่านายท่านเจ้าครองเรือนจำจะมาสนใจความเป็นความตายของพวกเขาได้อย่างไรกัน
“เร็วเข้า อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่เลย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“ได้! ข้าจะทำ!”
และเมื่อราชาอสูรขอความช่วยเหลือ กองกำลังเสริมก็ได้มาถึงอย่างรวดเร็ว
“ที่ขุมนรกอสูรของพวกเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? คิดไม่ถึงเลยว่าจะขอความช่วยเหลือไปถึงเรือนจำปีศาจแห่งความมืดเช่นนี้?” มีเสียงหนึ่งดังมาจากท้องฟ้า ตามมาด้วยการปรากฏตัวของคนอีกสอง สามคน
พวกเขามองไปยังสนามศิลาที่เละตุ้มเป๊ะจนมองสถาพเดิมไม่ออกแห่งนั้น
และทันใดนั้น พวกเขาก็สบตาเข้ากับดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่หนึ่ง ซึ่งมันก็ทำให้รู้สึกขนลุกขนพองจนอยากที่จะวิ่งหนีเลยทีเดียว
ในเมื่อพวกเขามาถึงแล้ว ก็อย่าคิดว่าจะรอดไปได้เลย และจิ่วเยี่ยก็ยืนขวางหน้าพวกเขาเอาไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ผู้คุมเหล่านี้ต่างพากันเหงื่อแตกพลั่กในทันที “ฝะ…ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย พวกเราแค่ผ่านมาเท่านั้น หากฝ่าบาทจิ่วเยี่ยต้องการที่จะเล่นอยู่ที่ขุมนรกอสูรแห่งนี้ ทำตาม…ทำตามที่ท่านต ต้องการเถิดขอรับ พวกเรา…”
เมื่อเห็นว่าผู้คุมของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดมีท่าทางที่หวาดกลัวถึงขนาดนั้น ในที่สุดราชาอสูรก็รู้แล้วว่าชายผู้นี้คือใครกันแน่ เขาก็คือฝ่าบาทจิ่วเยี่ยนั่นเอง!
คนผู้นี้ก็คือผู้สูงศักดิ์ระดับสูงสุดเพียงคนเดียวที่สามารถหนีออกมาจากเรือนจำปีศาจแห่งความมืดได้ นอกจากนี้หลังจากที่หนีออกมาจากเรือนจำได้แล้วเขาก็มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว แล ละกลายเป็นผู้ปกครองคุกของคุกโลหิต จนกระทั่งทำให้คุกโลหิตที่เดิมทีแล้วไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไรนักกลับกลายเป็นคุกที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคุกนรกทั้งเจ็ด
เนื่องจากว่าราชาอสูรผู้นี้เอาแต่เล่นสนุกอยู่ในขุมนรกอสูรทุกวี่ทุกวัน จึงได้รับข่าวที่ล้าหลังกว่าคนอื่น และไม่รู้ว่าจิ่วเยี่ยไม่ได้เป็นเพียงอ๋องแห่งคุกโลหิตเท่านั้น แต่เขา าเป็นถึงอ๋องที่ควบคุมทั้งแดนนรกไปแล้ว
ถึงราชาอสูรจะไม่รู้ แต่ผู้คุมเหล่านี้ล้วนรู้กันหมดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะฝ่าบาทจิ่วเยี่ยได้รับชัยชนะในสงครามใหญ่ของแดนนรกครั้งนี้ เจ้านายของพวกเขาจะกลับมาโดยเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายได้อย่างไร
พวกเขาติดตามท่านเจ้าเรือนจำมาเป็นเวลานาน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นท่านเจ้าเรือนจำได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นำทางไปที่เรือนจำปีศาจแห่งความมืดซะ”
อาการบาดเจ็บของท่านเจ้าเรือนจำยังไม่หายดี หากปล่อยให้ดาวมฤตยูนี่ไปที่เรือนจำปีศาจแห่งความมืดของพวกเขา มันจะต้องให้ผลที่คาดไม่ถึงตามมาอย่างแน่นอน
พวกเขากล่าวว่า “ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย สถานการณ์ของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดของพวกเราเป็นเช่นไรท่านก็รู้ ถึงในขุมนรกอสูรตอนนี้จะไม่มีใครสู้ท่านได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะสามารถว วางอำนาจบาตรใหญ่ที่เรือนจำปีศาจแห่งความมืดได้ ท่านเจ้าเรือนจำของพวกเราได้ชดใช้ไปมากพอแล้ว เหตุใดฝ่าบาทจิ่วเยี่ยต้องเอาแต่กดดัน จนนำไปสู่ความวุ่นวายภายในเรือนจำนรกด้วยเล่าขอรั บ”
พวกเขาได้รับข้อมูลมามากมาย และมีเรือนจำนรกมากมายได้ถูกเหยียบย่ำไปแล้วอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ถูกเหยียบย่ำเท่านั้น แต่ยังถูกคนภายนอกเข้ามาควบคุมอีกด้วย และเนื่องจากท่านเจ้าเรือนจำได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้พวกเขาทำได้เพียงปล่อยไปเท่านั้น
“ไม่ตอบรับอย่างนั้นหรือ!” แววตาของจิ่วเยี่ยฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
มันง่ายมาก หากพวกเขาไม่ยอมรับปาก เช่นนั้นก็ทรมานพวกเขาจนกว่าจะรับปากก็ได้แล้ว
ตูมมม โครมมม!
ภายในอากาศของขุมนรกอสูรแห่งนี้ ได้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับหวงจิ่วเยี่ยที่เกือบจะจัดการกับท่านเจ้าเรือนจำของพวกเขาได้ มันก็ทำให้ผู้คุมเหล่านี้รู้สึกปวดหัวมากเช่นกัน แต่พวกเขากลับจำเป็นต้องสู้ มิเช่นนั้นพวกเขา าอาจจะต้องตายก็เป็นได้
ดูเหมือนว่าทักษะวิญญาณของพวกเขาจะใช้ไม่ได้ผลกับหวงจิ่วเยี่ย เพราะพลังที่เข้าไปใกล้เขาจะถูกกลืนหายไปทันที ซึ่งมู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าร่างกายของจิ่วเยี่ยจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
ปัง ปัง ปัง!
ผู้คุมที่มาจากคุกนรกแห่งความมืดสองสามคนนั้น ร่วงลงมาจากกลางอากาศราวกับเศษผ้าก็มิปาน
คนของขุมนรกอสูรเหล่านั้นต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง ไม่ใช่ว่าผู้คุมของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดแข็งแกร่งมากอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กับชายผู้นี้มาเป็นเวลานั้น คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้เช่นนี้
ฉึก ฉึก ฉึก!
เมื่อคนเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เข็มยาที่อยู่ในมือของมู่เฉียนซีก็บินออกไปทันที
“อ๊ากกกกก!” คราวนี้จิ่วเยี่ยไม่จำเป็นต้องลงมือ พวกเขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอยู่แล้ว
“ฆ่าข้าเถอะ!”
“ยาแก้พิษ!”
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถิดขอรับ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากต้องการให้พวกข้าปล่อยพวกเจ้าไป เช่นนั้นก็บอกตำแหน่งของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดมา!”
“พวกเราทำได้เพียงพาพวกท่านไปยังเรือนจำปีศาจแห่งความมืดเท่านั้น เพราะเรือนจำปีศาจแห่งความมืดไม่มีตำแหน่งที่แน่นอนขอรับ” หนึ่งในคนที่มีสีหน้าซีดเผือดกล่าวขึ้น
มู่เฉียนซีมองไปทางจิ่วเยี่ย “จิ่วเยี่ย ตอนนี้เหมาะที่จะไปเรือนจำปีศาจแห่งความมืดหรือไม่?”
ผู้คุ้มปีศาจแห่งความมืดกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉะนั้นการฉวยโอกาสตอนที่เขาบาดเจ็บสาหัสเหยียบย่ำรังของเขาจึงถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว แต่เรือนจำปีศาจแห่งความมืดน นั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายกว่าที่อื่นมากอย่างเห็นได้ชัด
จิ่วเยี่ยจับมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ลองไปดูก่อนเถอะ!”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองไปที่พวกเขา ทำให้เหงื่อของพวกเขาแตกพลั่กออกมาทันที หลังจากนั้นจิ่วเยี่ยก็เอ่ยปากว่า “ไปสิ!”
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย เชิญตามพวกเรามาได้เลยขอรับ!”
พวกเขาพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาส จากนั้นจิ่วเยี่ยก็ไล่ตามพวกเขาไป และหลังจากที่พวกเขาหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ราชาอสูรในเวลานี้ได้ถูกทำให้พิการไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องพิจารณาเลือกราชาอสูรอีกครั้ง
ในเมื่อไม่มีความสามารถให้พึ่งพา สีหน้าของราชาอสูรในเวลานี้จึงซึดเผื่อดเป็นอย่างมาก แย่แล้ว…
แม้ว่าสัตว์ประหลาดผู้นั้นจะจากไปแล้ว แต่คืนวันหลังจากนี้ของเขาจะต้องน่าสังเวชมากแน่นอน
ในตอนที่ผู้คุมเหล่านั้นแหวกมิติเพื่อพุ่งทะยานออกไป พวกเขาก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่เส้นทางที่ไปยังเรือนจำปีศาจแห่งความมืด แต่เป็นมิติที่เต็มไปด้วยพายุอันน่าสะพรึงกลัวต่างหาก
“อ๊ากกก!” เหตุใดพายุในมิติถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ความสามารถของพวกเขาจะสกัดกั้นได้เลย
แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่ท่านเจ้าเรือนจำของพวกเขาอยู่ แต่ก็ต้องเสี่ยงตายไปด้วยเช่นกัน
พวกเขากล่าวอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านเจ้าเรือนจำ เหตุใดกันเล่า? ท่านเจ้าเรือนจำ!”
“สุ่ยจิงอิ๋ง!” มู่เฉียนซีกอดจิ่วเยี่ยเอาไว้แน่น เมื่อเผชิญกับความปั่นป่วนอันน่าสะพรึงกลัวของมิติเช่นนี้ นางถือได้ว่าค่อนข้างสงบเลยทีเดียว
ในเมื่อมีสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ด้วย สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
ทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าอ่อนได้ปกคลุมพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ แต่มันกลับสายเกินไปที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น ๆ ได้ทัน และเกรงว่าถึงจะช่วยเหลือไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อยู่ดี
มู่เฉียนซีลองวิเคราะห์ดูว่า “พวกเขาไม่ได้หลอกพวกเรา และคงไม่ได้มีความกล้าพอที่จะหลอกลวงพวกเราด้วย แต่แล้วกลับพาพวกเราเข้ามาในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้”
“ซึ่งมันจะต้องเป็นเพราะว่ามีคนคาดเดาถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ฉะนั้นตำแหน่งของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดจึงได้ถูกเปลี่ยนไป เรือนจำปีศาจแห่งความมืดนี่ช่างเป็นสถานที่ที่ลึกลับมากจริง ง ๆ”
และคนที่ทำการคาดเดานั้น อาจจะเป็นอู๋หยา หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผู้คุมปีศาจแห่งความมืดยังมีวิธีอื่นอยู่อีก
มู่เฉียนซีกล่าวพลางถอนหายใจว่า “ดูเหมือนว่าการไปยังตำแหน่งที่ตั้งของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดผ่านผู้คุมเหล่านี้ก็จะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้เขากำลังบาดเจ็บสาหัส คงจะต้องระมัดระวั งมากเป็นแน่”
“อื้ม! ค่อย ๆ หาต่อไปเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรืออู๋หยาก็ตาม” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ในเวลานี้เสียงของสุ่ยจิงอิ๋งก็ดังขึ้นมา นางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ให้เวลาข้าอีกสักหน่อย เมื่อไรที่พลังของข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าหาตำแหน่งของเรือนจำปีศาจแห่งความมืด เอง”
“ตราบใดที่อยู่ในอาณาเขตแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นมิติใดก็ตาม ก็ยากที่จะซ่อนจากการรับรู้ของข้าไปได้” สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวอย่างมั่นใจ
อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงราชินีแห่งมิติ แม้ว่าจะซ่อนตัวอยู่ภายในมิติที่ว่างเปล่าต่าง ๆ แล้วอย่างไรล่ะ?
ด้วยแผนการร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าของอู๋หยา ทำให้นางในฐานะผู้ผูกพันธสัญญากับซีเอ๋อร์รู้สึกโกรธเคืองมาก และคาดว่าพวกอาถิงเองก็คงจะต้องมีความคิดแบบเดียวกันกับนางแน่นอน
หรือที่เทพพยากรณ์ผู้นั้นพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อฆ่าซีเอ๋อร์ให้ตายเช่นนี้ เป็นเพราะว่าเจ้านายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างพวกเขาไม่คู่ควรกับเจ้านายของตัวเองอย่างนั้นหร รือ?