ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2511 ท่านหมอปีศาจ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง เช่นนั้นรอหลังจากสุ่ยจิงอิ๋งฟื้นฟูพลังกลับมาได้บ้างแล้ว ค่อยลากเรือนจำปีศาจแห่งความมืดออกมาจากที่ซ่อนอันมืดมิดนั้น แล้วบดขยี้มันทิ้งซะ”
ในเมื่อหาเรือนจำปีศาจแห่งความมืดไม่เจอ พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่กลับไปเท่านั้น
หลังจากที่พวกของมู่เฉียนซีจากไปได้เพียงไม่นานนัก ผู้คนมากมายที่อยู่ทั่วทั้งเขตราชวงศ์ของขุมนรกอสูรก็กำลังต่อสู้กัน จนเกิดความวุ่นวายไปทั่วทุกพื้นที่ ที่แท้พวกเขาก็กำลังแ แย่งชิงตำแหน่งเจ้าครองขุมนรกอสูรกันอยู่นี่เอง
แต่ทว่า ในตอนที่พวกเขาค้นพบว่าร่างเงาทั้งสองร่างนั้นกลับมาที่ขุมนรกอสูรอีกครั้ง พวกเขาก็หยุดมือกันทันที
จะยังต่อสู้กันไปทำไมอีก?
“คารวะนายท่าน!”
“ขุมนรกอสูรจะขาดผู้ปกครองไปไม่ได้แม้แต่วันเดียว มิทราบว่านายท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างขอรับ?” มีคนกล่าวถามอย่างระมัดระวัง
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “สู้สิ! ทำไมพวกเจ้าไม่สู้กันต่อล่ะ?”
“มิกล้า มิกล้า! เจ้าผู้ครองขุมนรกแห่งนี้ให้นายท่านเป็นคนตัดสินใจเถอะขอรับ” พวกเขากล่าวอย่างรีบร้อน
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่ราชาอสูรที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายพลางกล่าวว่า “จงนำของสิ่งนั้นออกมาซะ!”
“หากมอบสิทธิ์ควบคุมของขุมนรกสูรให้แล้ว เจ้าก็จะต้องทำให้ข้ามีความสุขด้วย” ราชาอสูรกล่าว
หากไม่ตาย เขาก็จะต้องมีชีวิตที่เจ็บปวดยิ่งกว่านี้แน่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ตกลงตามนั้น”
การเปลี่ยนแปลงเจ้าครองขุมนรกอสูรเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สู้สิ! เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ไม่ยอมสู้กันล่ะ?”
“เอ๊ะ!” พวกเขาตะลึงงันกันไปหมด
“สู้กันต่อสิ หากทำให้ข้าพอใจได้ละก็ พวกเจ้าจะได้สิทธิ์ในการออกไปจากขุมนรกอสูรแห่งนี้ น่าสนใจหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวกับพวกเขา
“น่าสนใจ ช่างน่าสนใจเหลือเกิน” เช่นนี้แล้วทุกคนจะมัวตกตะลึงอะไรกันอยู่ล่ะ? ก็ต้องสู้น่ะสิ!
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเขตราชวงศ์แห่งนี้อย่างสุขสบาย แต่อย่างไรเสียเรือนจำก็คือเรือนจำ หากมีโอกาสที่จะได้ออกไปก็ต้องรีบคว้ามันเอาไว้ให้ดี
ในตอนที่ราชาอสูรยังอยู่ พวกเขาไม่เคยได้รับโอกาสเช่นนี้มาก่อนเลย
ทั่วทั้งเขตราชวงศ์ต่างก็คึกคักขึ้นมาทันที และสุดท้ายมู่เฉียนซีก็เลือกคนมาได้กลุ่มหนึ่ง
แม้ว่าจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผุ้อื่นแต่พวกเขาก็ยอมที่จะออกไปอยู่ดี นับประสาอะไรกับคนที่วิปลาสอย่างทั้งสองคนนี้ การติดตามพวกเขาจะต้องไม่มีทางเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน
นอกจากมู่เฉียนซีและหวงจิ่วเยี่ยจะออกมาจากขุมนรกอสูรแล้ว พวกเขายังพาคนออกมาด้วย ส่วนคนพายเรือที่ยังคงรออยู่ที่นั่นก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นกลุ่มคนที่ตามออกมาอย่าง แน่นขนัด
อะไรน่ะ? คิดไม่ถึงเลยว่าคนของขุมนรกอสูรจะมีความสามารถถึงขนาดแหกคุกได้ เขาจะต้องรีบหนีแล้ว
แต่ทว่าในบรรดาคนเหล่านั้น เขากลับเห็นร่างที่คุ้นเคยทั้งสองร่าง นั่นมันลูกค้าสองคนที่เขาพามาก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ?
และจิ่วเยี่ยก็อุ้มมู่เฉียนซีขึ้นไปบนเรือของเขาภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
คนพายเรือกล่าวว่า “ข้า…ดูเหมือนว่าข้าจะพาคนมากมายขนาดนี้ไปด้วยไม่ได้หรอก!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเขาไม่ได้ไปด้วยหรอก”
“พวกเจ้าหาทางไปที่เมืองหนามโลหิตกันเองก็แล้วกัน!” นางออกคำสั่งกับคนเหล่านั้น
“ขอรับ นายท่าน!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นี่คือกลิ่นของอิสรภาพอย่างนั้นสินะ ช่างสดชื่นดีจริง ๆ เลย!”
“ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว ที่นี่มันช่างงดงามเหลือเกิน”
ความจริงแล้วคุกอสูรไม่ได้สวยงามขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อเทียบกับขุมนรกอสูรแล้วกลับดีกว่ามาก ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาแต่ละคนตื่นเต้นดีใจกันเป็นอย่างยิ่ง
คนพายเรือจ้องมองคนเหล่านั้นหายไปอย่างตื่นตะลึง เขาแอบคิดในใจว่า สมกับที่เป็นเจ้าครองแดนนรก ตอนนี้แม้แต่เรือนจำนรกหลักท่านอ๋องจิ่วเยี่ยก็สามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปกันเถอะ!”
“ตกลง!”
เดิมทีแล้วสถานที่ต่อไปก็คือขุมนรกรากษส เพียงแต่ว่าถึงจะใช้วิธีตอนที่อยู่ขุมนรกอสูรก็ไม่สามารถค้นหาเรือนจำปีศาจแห่งความมืดเจออยู่ดี ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่คิดที่จะไปขุมนรกรากษส เป็นการชั่วคราว เมื่อถึงเวลาค่อยไปเที่ยวเล่นก็ยังไม่สาย
“พวกเรากลับไปที่เมืองหนามโลหิตกันเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวกับจิ่วเยี่ย
“ตกลง!”
ในตอนที่ท่านเจ้าเมืองกลับมาถึงเมืองหนามโลหิต เฉี่ยซื่อก็กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้านาย ท่านกลับมาแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หลังจากนี้ หอหมอปีศาจจะจัดงานประมูลครั้งที่สองที่เมืองหนามโลหิต และงานประมูลในครั้งนี้เราจะเชิญแขกจากคุกนรกทั้งเจ็ด เยาเยี่ย เรื่องการส่งบัตรเชิญมอบให้ เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน”
เยาเยี่ยกล่าวว่า “เจ้าคะ นายท่าน!”
หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวนี้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งแดนนรก
หอหมอปีศาจกำลังจะเปิดการประมูลอีกครั้ง และงานประมูลในครั้งนี้ สิ่งที่นำมาประมูลน่าจะเป็นยาลูกกลอนระดับสูงสุดที่ท่านหมอปีศาจกลั่นออกมาด้วยตนเอง
ตอนนี้ในแดนนรกแห่งนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักหอหมอปีศาจอยู่แล้ว
หมอปีศาจนั้นเป็นคนที่ลึกลับเป็นอย่างมาก มีผู้คนมากมายที่ไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่? ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนที่ได้รับบัตรเชิญรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากเช่นกัน
ส่วนคนมากมายที่ไม่ได้รับบัตรเชิญต่างก็คิดหาทางอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้รับบัตรเชิญของงานประมูลในครั้งนี้ ฉะนั้นเมื่อเยาเยี่ยคิดไปถึงงานประมูลที่เคยจัดขึ้นครั้งแรก ที่ แม้ว่าจะส่งบัตรเชิญไปแต่ก็ไม่มีคนกล้าที่จะมาเข้าร่วมอยู่ดี
แต่นี่เวลายังผ่านไปไม่ถึงปีหนึ่งเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นหอหมอปีศาจหรือเมืองหนามโลหิตต่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และแม้ว่าชื่อเสียงในแดนนรกจะไม่สั่นสะเทือนเท่ากับชื่อเส สียงของอ๋องจิ่วเยี่ย แต่มันก็เป็นรองแค่ชื่อเสียงของอ๋องจิ่วเยี่ยเท่านั้น
เรื่องเช่นนี้ หากนางไม่ได้มีประสบการณ์ด้วยตนเอง นางจะต้องไม่กล้าเชื่อแน่นอน แต่ทว่าเจ้านายของพวกเขากลับสามารถทำได้แล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีคนจำนวนมากมาเข้าร่วมงานประมูล แต่เมืองหนามโลหิตก็มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะรองรับคนจำนวนมากได้เช่นกัน
กองบัญชาการหลักของหอหมอปีศาจตั้งอยู่ในใจกลางเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปข้างใน ครั้นเมื่อเห็นความงดงามที่ตระการตาเช่นนี้ของหอหมอปีศาจ พวกเขาก็รู้สึกการเด ดินทางครั้งนี้ไม่เสียเปล่าเลย
เมื่อพวกเขาเข้ามาในเมืองหนามโลหิตแล้วต่างก็ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหา เพราะพวกเขาค้นพบว่าที่เมืองหนามโลหิตแห่งนี้มียอดฝีมืออยู่เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว
ไม่เพียงแต่มียอดฝีมือจำนวนมากเท่านั้น เพราะทุกคนต่างรู้ว่าที่เมืองหนามโลหิตแห่งนี้ยังมีพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวอยู่อีกไม่น้อยด้วย
พืชกลายพันธุ์เหล่านี้มีความโหดร้ายเป็นพิเศษ ซึ่งมันก็มีบทบาทเป็นอย่างมากในสงครามใหญ่ของแดนนรก และยังสามารถกวาดล้างศัตรูไปไม่น้อยอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ยังเป็นพระชายาของอ๋องจิ่วเยี่ยเจ้าแห่งแดนนรกอีกด้วย ฉะนั้นใครจะกล้าสร้างปัญหากันล่ะ?
แม้ว่าปกติจะเป็นคนที่ทำตัวไม่เรียบเลย แต่ตอนนี้กลับยังต้องยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยม
ผู้คนต่างทยอยเข้ามาในงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากคนที่มาซื้อยาแล้ว ยังมีนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงมาด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่ามีนักปรุงยาบางคนต้องการที่จะตั้งคำถามกับหมอปีศาจอีกด้ วย
เมื่อแขกทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่ท่วมท้นไปทั่วทั้งงานประมูลนี้ และนี่ก็คือพลังของอ๋อง!
หรือว่าจะมีคนระดับอ๋องคนอื่นมาสร้างปัญหาอีกอย่างนั้นหรือ?
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้เห็นร่างเงาสีดำร่างหนึ่งอยู่ที่ชั้นบนสุด ถึงมันจะเป็นเพียงร่างเงาที่เลือนลาง แต่พวกเขาก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนผู้นั้นคือใคร?
“ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยจะเข้าร่วมงานประมูลของหอหมอปีศาจในครั้งนี้ด้วย?”
“ท่านหมอปีศาจช่างมีหน้ามีตาจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถเชิญท่านอ๋องจิ่วเยี่ยมาสนับสนุนตนเองได้เช่นนี้”
“ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะเป็นพระชายาที่ช่วยเชิญมาก็เป็นได้!”
ในเวลานี้ เยาเยี่ยก็ได้ปรากฏตัวออกมา และความงดงามของเยาเยี่ยก็ดึงดูดผู้คน จนทำให้ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องมาที่นาง
นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้ดำเนินการประมูลในวันนี้ ไม่ใช่ข้าน้อยหรอกนะเจ้าคะ!”
ผู้คนต่างพากันตะลึงงันไปทันที “คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ดำเนินงานประมูลจะไม่ใช่หญิงงามเยาเยี่ย?”
“นอกจากหญิงงามเยาเยี่ยแล้ว หอหมอปีศาจจะยังมีผู้ใดสามารถเป็นผู้ดำเนินการประมูลในครั้งนี้ได้อีกเล่า?”
พวกเขาที่ด้านหนึ่งสามารถประมูลยาลูกกลอนอันล้ำค่าที่หมอปีศาจกลั่นไปด้วย และอีกด้านหนึ่งก็ชมเรือนร่างที่งดงามของหญิงงามเยาเยี่ยไปด้วยนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เพลิดเพลิน เป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้พวกเขาจะได้มารู้ว่าผู้ดำเนินการประมูลไม่ใช่หญิงงามเยาเยี่ยไปเสียได้
เยาเยี่ยกล่าวว่า “ครั้งนี้พวกเราได้เรียนเชิญท่านหมอปีศาจมาเป็นผู้ดำเนินการประมูลในงานประมูลของหอหมอปีศาจ! และนี่เป็นเพียงครั้งเดียวที่นางจะมาเป็นเจ้าภาพในงานประมูลของหอหม มอปีศาจในแดนนรกแห่งนี้ มันช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากจริง ๆ ทุกท่านจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ดีนะเจ้าคะ!”