ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2514 หนึ่งเรือนจำนรกกับหนึ่งเมือง
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายออกมาจากนอกเมือง ทุกคนต่างผงะไปทันที “มีคนกำลังโจมตีเมืองหนามโลหิต ใครเป็นคนทำเช่นนี้กันแน่?”
“ก็รู้อยู่ว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยอยู่ที่เมืองหนามโลหิต คนที่กล้ามาโจมตีเมืองหนามโลหิตเหล่านี้อยากตายหรืออย่างไรกัน?”
“แต่ว่า พลังนี่มันแข็งแกร่งมากเลยนะ!”
ปังง!
เฉี่ยอี้รีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน และพังประตูเข้ามาทันที แต่ผลปรากฏว่าตอนนี้เจ้านายของเขากำลังพลอดรักอยู่กับท่านอ๋องจิ่วเยี่ย!
เมื่อเขาเข้ามา มันก็ได้ทำลายเรื่องดี ๆ ของพวกเขาทั้งสองไปทันที นี่เขาคงไม่ถูกทำลายทิ้งหรอกใช่หรือไม่!
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “นายท่าน มีคนโจมตีเมืองหนามโลหิตของพวกเรา เด็ก ๆ ที่ป้องกันอยู่นอกเมืองเหล่านั้น ก็ถูกทำลายไปในชั่วพริบตา ตอนนี้พวกเขากำลังโจมตีกำแพงเมือง ข้ากำลังรอคำสั่ง งให้ออกรบขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่าคนที่มานั้นคือใคร? พวกเราไปหาพวกเขากันเถอะ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมารนหาที่ตายด้วยตนเองเช่นนี้ ดีจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีมีความคุ้นเคยต่อคลื่นพลังนี้เป็นอย่างมาก และคลื่นพลังนี้ก็คือของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดนั่นเอง ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะฟื้นตัวเร็วกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก เลยเลยทีเดียว
“ไปกันเถอะ!”
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ผู้แข็งแกร่งและพืชกลายพันธุ์ระดับสูงของเมืองหนามโลหิตเริ่มเคลื่อนไหวทันที
แขกที่มาจากนอกเมืองหนามโลหิตเองก็ตื่นตกใจมากเช่นกัน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมืองหนามโลหิตจะมีพืชกลายพันธุ์มากมายขนาดนี้ นอกจากนี้ยังไม่ใช่พืชกลายพันธุ์ธรรมดาอีกด้วย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพืชกลายพันธุ์เหล่านี้ล้วนไม่ทำร้ายมนุษย์ พระชายาจัดการดูแลเมืองหนามโลหิตได้ดีมากจริง ๆ
ตูม ตูม ตูม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวออกมา และเฉี่ยซานก็รายงานว่า “นายท่าน ประตูเมืองพังลงแล้วขอรับ!”
“ช่างบังอาจจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงที่นี่ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาตายที่นี่เลยก็แล้วกัน” กล้ามาทำลายเมืองหนามโลหิตของพวกเขา ฝูเซิงเองก็โมโหมากเช่นกัน
ลำแสงสีแดงเลือดเปล่งประกายขึ้นภายในดวงตาของเขา และเขาก็เตรียมพร้อมที่จะทำลายล้างให้สิ้นซากแล้ว
และในเวลานี้เองมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงประตูเมือง เมื่อมองไปยังกองทัพขนาดใหญ่ที่อยู่นอกเมืองนั้น พวกเขาก็ได้เห็นว่าผู้นำทัพก็คือผู้คุมปีศาจแห่งความมืดนั่นเ เอง。
“รนหาที่ตายนัก!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เส้นผมสีดำขลับปลิวไสว ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นลึกล้ำราวกับไม่มีที่สิ้นสุดก็มิปาน เขาจ้องมองไปยังผู้คุมปีศาจแห่งความมืดที่อยู่ท่ามกลางกองกำลังนับพันนับหมื่น พร้อมกับจิตส สังหารที่ปะทุขึ้น
ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย วันนี้ข้ามาเพื่อเชิญท่านกลับไปยังเรือนจำปีศาจแห่งความมืด! ตอนแรกท่านฉวยโอกาสตอนที่ข้ากำลังออกไปเก็บตัวหนีออกมาจากเ เรือนจำปีศาจแห่งความมืด ตอนนี้ข้าออกมาแล้ว แม้ว่าเหยื่อตัวน้อยจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น แต่ข้าก็ไม่อาจปล่อยเจ้าให้หลุดไปจากเงื้อมมือของข้าได้หรอก”
สงครามใหญ่ของแดนนรก ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดไม่ได้นำคนของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดออกมาด้วย ซึ่งมีเพียงเขาที่ต่อสู้กับจิ่วเยี่ยเท่านั้น และสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าสังเวช
แต่ทว่าครั้งนี้เขาได้ระดมผู้แข็งแกร่งจากเรือนจำปีศาจแห่งความมืดมามากมาย นอกจากนี้ก็มันไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขา แต่ยังเชิญคนภายนอกมากอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะครั้งที่แล้วพ่ายแพ้อย่ างน่าสมเพชจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เขาจะกล้ากลับมาแก้แค้นด้วยความรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหยื่อหรือ! คนแพ้อย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงพูดคำนี้ออกมา? ดูเหมือนว่าพิษเมื่อคราวที่แล้วจะทำให้เจ้าเจ็บปวดไม่พออย่างนั้นสินะ”
คราวที่แล้วผู้คุมปีศาจแห่งความมืดไม่เพียงแต่ถูกจิ่วเยี่ยโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างน่าสังเวชเท่านั้น แต่นางยังได้วางยาพิษเขาอีกด้วย
นางได้ใช้ยาพิษที่แรงที่สุดของตนเองแล้ว แต่ผลปรากฏว่าภายในระยะเวลาอันสั้นเขาไม่เพียงแต่ไม่เป็นไรเท่านั้น ทว่ากลับสามารถฟื้นฟูจนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดได้อีกด้วย
จะต้องมีคนช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน นอกจากนี้คนที่ช่วยเขาก็ต้องไม่ธรรมดาอีกด้วย
“ผู้แข็งแกร่งของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดอย่างพวกเจ้าเก่งกาจนักหรือไง? ข้าว่าพวกเจ้าอาศัยที่ตนเองมีพลังวิญญาณ จึงใช้มันมารังแกคนที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ในเรือนจำเหล่านั้นเ เท่านั้นแหละ ที่แห่งนี้คือคุกนรก และที่แห่งนี้ก็คือเมืองหนามโลหิตของข้า เป็นอาณาเขตของข้ามู่เฉียนซี คิดจะมาจับผู้ชายของข้า เจ้าฝันไปเสียเถอะ!” มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่ผู้ค คุมปีศาจแห่งความมืดอย่างเย็นชา
บังอาจให้จิ่วเยี่ยของนางเป็นเหยี่อ ช่างกล้านัก!
“ฆ่ามัน!” นางพ่นคำคำนี้ออกมาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นหนามอันแหลมคมสีแดงเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่กองกำลังของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดด้วยความกระหายเลือด
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็หยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา พลางกล่าวว่า “ฝูเซิง โจมตี! พวกเราไปสั่งสอนเจ้าผู้คุมปีศาจแห่งความมืดนั่นสักหน่อยเถอะ ส่วนจิ่วเยี่ย เจ้าแค่ควบคุมสถานก การณ์โดยรวมไว้ก็พอแล้ว! คนผู้นั้นเคยพ่ายแพ้เจ้า ฉะนั้นมันไม่ควรค่าให้เจ้าต้องออกโรงไปจัดการมันด้วยตนเองอีกแล้ว”
สีหน้าของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดมืดมนลงทันที “เจ้านี่ช่างรนหาที่ตายนัก ข้าเป็นถึงผู้คุมปีศาจแห่งความมืด เป็นเจ้าผู้ครองเรือนจำแห่งแดนนรก เจ้าคิดว่าอาศัยแค่พืชกลายพันธุ์ขั้น เทวะตัวเดียวจะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ ให้หวงจิ่วเยี่ยออกมาสู้แต่โดยดี! หรือเจ้ากำลังจะบอกว่าตอนนี้เขาต้องเอาพลังทั้งหมดของเขาไปตรึงคำสาปเอาไว้ จนไม่ม มีแรงพอที่จะสู้กับข้าอย่างนั้นหรือ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“หากรวมข้าเข้าไปด้วยล่ะ!” เมื่อทางด้านเมืองหนามโลหิตมีปัญหา จื่อโยวที่กำลังทำงานอย่างรันทดอยู่ที่เมืองเทพสังหารจึงรีบมาด้วยความรวดเร็ว
“ไสหัวไปซะ!” สีหน้าของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดในตอนนี้แย่ลงเป็นอย่างมาก
“หากเจ้าบอกให้ข้าไปแล้วข้าดันไปจริง ๆ เช่นนั้นข้าก็ต้องขายหน้ามากน่ะสิ!” จื่อโยวกล่าวอย่างหยอกล้อ
“ลงมือพร้อมกัน!”
นี่การต่อสู้ระหว่างหนึ่งเรือนจำนรกกับหนึ่งเมือง นอกจากนี้คู่ต่อสู้ยังเป็นถึงเรือนจำปีศาจแห่งความมืดอีกด้วย และเนื่องจากความแข็งแกร่งของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดสามารถเป็นศัตรูกั บคุกนรกทั้งเจ็ดได้ ฉะนั้นนี่จึงไม่ใช่สิ่งที่เมืองใหญ่เพียงเมืองเดียวจะสามารถต้านทานได้อยู่แล้ว
แต่ทว่าการมีอยู่ของเมืองหนามโลหิตก็มีความพิเศษต่อแดนนรกเช่นกัน และคราวนี้ยังรวบรวมยอดฝีมือของแดนนรกเอาไว้อีกด้วย เพราะคนที่สามารถถูกหอหมอปีศาจเชิญมาร่วมงานประมูลได้นั้ น ย่อมต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
ที่นี่คือแดนนรกที่ซึ่งเป็นอาณาเขตของพวกเขา ฉะนั้นจะปล่อยให้คนของเรือนจำปีศาจแห่งความมืดมาทำตัวหยิ่งผยองได้อย่างไร นอกจากนี้นี่ยังถือว่าเป็นการแสดงฝีมือต่อหน้าท่านหมอปีศาจอ อีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงออกโรงต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองหนามโลหิตกันอย่างพร้อมเพรียงนั่นเอง
การโจมตีเมืองหนามโลหิตอย่างกะทันของผู้คุมปีศาจแห่งความมืดในครั้งนี้ เพราะรู้สึกว่าเมืองหนามโลหิตนั้นจัดการได้ง่ายกว่าเมืองเทพสังหารมากนัก แต่ใครจะไปคิดว่าจะมาเจอตอนหมอ อปีศาจกำลังเปิดงานประมูลอยู่พอดี นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือซุ่มอยู่อีกมากมายขนาดนี้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ในครั้งนี้สำหรับผู้คุมปีศาจแห่งความมืดแล้ว ถือว่าไม่ราบรื่นเอาเสียเลย
จื่อโยวและฝูเซิงต่อสู้กับเขา และถึงแม้ว่าเมื่อดูอย่างผิวเผินแล้วว่าเขาจะแข็งแกร่งมากจริง ๆ อีกทั้งยังฟื้นฟูความแข็งแกร่งจากอาการบาดเจ็บสาหัสได้มากแล้ว แต่ความจริงแล้วมั นยังคงแย่กว่าตอนแรกมากอยู่ดี
ตูมมม โครมมม!
เมื่อมู่เฉียนซีไม่ได้ให้จิ่วเยี่ยลงมือ จิ่วเยี่ยเองก็ไม่ลงมือจริง ๆ ซึ่งมันก็ทำให้มีคนคิดจะฉวยโอกาสนี้โจมตีมู่เฉียนซี แต่ทว่าพวกเขากลับถูกพวกของทานหลางและเฉี่ยซื่อขวางเอา าไว้เสียก่อน
เมืองหนามโลหิตนั้นแข็งแกร่งมาก และแน่นอนว่า การตอบรับของหมอปีศาจในแดนนรกก็ทรงพลังมากเช่นกัน ฉะนั้นผู้คุมปีศาจแห่งความมืดในตอนนี้เสียเปรียบแล้ว
เขาก่นด่าด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “บัดซบเอ้ย!”
ที่นี่คืออาณาเขตของพวกเขาเมืองหนามโลหิต ฉะนั้นจึงทำให้เรือนจำปีศาจแห่งความมืดเสียเปรียบเป็นอย่างมาก และตอนนี้ผู้คุมปีศาจแห่งความมืดก็ถูกฝูเซิงกับจื่อโยวทำให้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ว เขาเห็นแววตาที่เย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยกำลังมองมาที่เขา ราวกับว่ากำลังจ้องมองคนที่ชั่วร้ายก็มิปาน
เขาโกรธเคืองเป็นอย่างมาก จากนั้นก็กล่าวพลางหัวเราะออกมาว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย พวกเจ้าคิดว่าหากพวกเจ้าชนะก็ถือว่าเอาชนะข้าแล้วอย่างนั้นหรือ? ช่างไร้เดียงสาจริง ๆ!”
ตูมมม!
ท้องฟ้าของคุกโลหิตมืดมนลงทันที ทันใดนั้นมันก็ได้ถูกฉีกออกด้วยแสงอันเจิดจ้า และร่างเงาหลายร่างที่ปรากฏออกมาจากตรงกลางนั้น ก็มีพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น พลังคำสาปอันน่าสะพรึงกลัวก็แพร่กระจายออกไป และคนที่สวมชุดคลุมดำกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาออก
พลังของกองกำลังจากทั้งสองกลุ่มนี้ให้ความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าในเวลานี้พวกเขากลับยืนต่อสู้อยู่ฝั่งเดียวกัน และพวกเขาก็กำลังหันดาบมาทางเมืองหนามโลหิตอ อีกด้วย
แสงอันมืดมนฉายวาบในดวงตาของจื่อโยว เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เหอะ! มีคนรนหาที่ตายมาอีกกลุ่มแล้ว! แดนนรกแห่งนี้คืออาณาเขตของเยี่ย พวกเจ้าต้องการที่จะสร้างปัญหาให้เยี่ยอ อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”
กองกำลังสนับสนุนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าของพวกอ๋องจากคุกนรกทั้งหกก่อนหน้านี้เสียอีก และคราวที่แล้วกองกำลังสนับสนุนของคุกนรกทั้งหกก็ลอบโจมตีเยี่ย จนทำให้เยี่ยต้องโดนคำสาป บัดซบนั่น
คราวนี้พวกเขาก็ได้ผนึกกำลังกับผู้คุมปีศาจแห่งความมืด และแน่นอนว่าจะต้องมีการสมรู้ร่วมคิดอะไรบางอย่างแน่ ๆ
แต่ทว่าตอนนี้เยี่ยไม่ได้จัดการพวกเขาเพียงลำพังอีกแล้ว เพราะตอนนี้มีคนงามอยู่เคียงข้างพวกเขา ฉะนั้นเจ้าพวกสารเลวเหล่านี้ คิดว่าตนเองจะทำสำเร็จได้อย่างนั้นหรือ?